บทที่ 309 ต่อให้ต้องคลาน

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

บทที่ 309 ต่อให้ต้องคลาน

บทที่ 309 ต่อให้ต้องคลาน

“เนื้อหาถ่ายทอดสดคืออะไร?”

นายตำรวจชั้นผู้น้อยดูอึดอัดที่จะต้องพูด “ดาราสาวกำลังจะเปลื้องเสื้อผ้า และเวลาถ่ายทอดสดคือคืนพรุ่งนี้… ไม่สิ เวลา 20.30 น. คืนนี้”

นี่มันเที่ยงกว่าแล้ว

ซูโย่วอี๋กำมือแน่น เธอรู้ว่าการเปลื้องผ้าของคนร้ายจะต้องไม่ใช่เรื่องเล็ก พวกมันทำจริงแน่

สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือมันเป็นวิดีโอที่ถูกบันทึกไว้ล่วงหน้า ตอนนี้ซูหยินอาจถูกทำมิดีมิร้ายไปแล้วด้วยซ้ำ

“เจ้าหน้าที่เหลียง คุณทำอะไรไม่ได้เลยเหรอคะ?”

จะเอาแต่ดูคนร้ายทำทุกอย่างที่ต้องการอย่างนี้เหรอ?

เจ้าหน้าที่เหลียงไม่พูดอะไร เทคโนโลยีการติดตามและการค้นหาเครือข่ายเป็นจุดอ่อนของสถานีตำรวจ ระหว่างการเผชิญหน้าสั้น ๆ เมื่อคืนที่ผ่านมา คนร้ายได้สร้างความสับสนให้กับช่างเทคนิคหลายครั้ง

ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงหาตำแหน่งก่อนการถ่ายทอดสดจะจบลงได้

“เราได้ขอความช่วยเหลือด้านเทคนิคจากผู้บังคับบัญชาของเรา อย่างเร็วที่สุด ผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคจะเข้าร่วมค้นหาตำแหน่งการถ่ายทอดสดนี้ได้ในวันพรุ่งนี้”

แล้วถ้าช้ากว่านั้นล่ะ?

ซูโย่วอี๋หยุดชะงักไปชั่วคราว “เจ้าหน้าที่เหลียงคะ ถึงจะไม่มีหลักฐาน แต่อวิ๋นจิ้งหว่านก็มีแรงจูงใจในการก่อเหตุ ถึงคุณจะจับเธอไม่ได้ก่อนที่การถ่ายทอดสดครั้งต่อไปจะเริ่มขึ้น แต่ห้ามปล่อยให้เธอออกจากสถานีตำรวจนะคะ”

เรื่องนี้ไม่มีเหตุผลเพียงพอ

แต่เจ้าหน้าที่เหลียงกลับเห็นด้วย “ตกลง”

ในเวลานี้ ฮัวจิงกำลังจัดประชุมคณะกรรมการที่โรงพยาบาล

ตั้งแต่มีการเปิดโปงว่าฮัวจิงนอกใจโดยมีซูหยินเป็นมือที่สาม หุ้นในต่างประเทศของเป๋าไป่ก็ดิ่งลง แม้ว่าตลาดจะยังไม่ปิด แต่มูลค่าทางการตลาดของเป๋าไป่ก็หายไปหลายร้อยล้านดอลลาร์

บรรยากาศในห้องประชุมกำลังเคร่งเครียด ใบหน้าของผู้ถือหุ้นก็ดูไม่พอใจเท่าไหร่

“ใครเป็นคนโพสต์วิดีโอ?”

“ไม่มีใครรู้ เราไม่ใช่ตำรวจ แต่เราไม่ต้องสนเรื่องนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการลดผลกระทบ ถ้าราคาหุ้นยังลงอยู่แบบนี้ต่อไป โรงพยาบาลเป๋าไป่ต้องปิดตัวลงแน่”

“เหตุการณ์นี้มันกะทันหันจนไม่มีใครคาดคิด จริงไหม?” มีคนพูดขึ้นเพื่อคลายความตึงเครียด

“ไม่คาดคิดเหรอ? ผู้ชายควบคุมร่างกายท่อนล่างหรือแม้แต่คนที่อยู่ข้างหมอนไม่ได้เนี่ยนะ? เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ยังเป็นข่าวได้ ผู้อำนวยการฮัว เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นเลยจริง ๆ นะครับ”

ฮัวจิงฟังทุกคนเงียบ ๆ หลังจากพูดคุยกันจบ ในที่สุดเขาก็พูดอย่างช้า ๆ

“ผมเข้าใจความรู้สึกของทุกคน เราทุกคนหวังว่าความวุ่นวายจะสงบโดยเร็วเพื่อให้ราคาหุ้นมีเสถียรภาพ”

“ยังไงก็ตาม ในเมื่อเรื่องได้เกิดขึ้นแล้ว จะบ่นบ่ายเบี่ยงกันไปก็ไร้ประโยชน์ ผมจะแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงให้สาธารณชนทราบ พวกคุณมีคำแนะนำที่ดีกว่านี้หรือเปล่าครับ?”

ผู้ถือหุ้นมองหน้ากันอย่างตกใจ “ผู้อำนวยการฮัว แค่จัดแถลงข่าวโน้มน้าวใจประชาชนไม่ได้หรอกนะครับ”

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเป็นผู้ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทเสียหายออกมาแถลงเอง

ฮัวจิงยกยิ้ม มีแสงที่ฉายชัดในดวงตาสีดำของเขา เขายังคงใจเย็นราวกับว่าเขามีทางออกสำหรับเรื่องนี้ “ผมจะเชิญพยานและผู้ถือหุ้นทั้งหมดจะเป็นพยานด้วยกัน”

พยาน?

“ประธานฮัว พยานที่คุณเชิญคือใครกัน? เรารู้จักไหม”

“แน่นอน พยานคืออวิ๋นจิ้งหว่าน ภรรยาของผม”

ผู้ถือหุ้นสบตากัน รู้สึกว่านี่เป็นวิธีที่ดีจริง ๆ

“คุณนายฮัวมาจากตระกูลที่มีชื่อเสียง ภาพลักษณ์ต่อสาธารณชนของเธอนั้นอ่อนโยนและมีการศึกษา เธอเป็นคนที่ใกล้ชิดกับผู้อำนวยการฮัวมากที่สุด ดังนั้นความน่าเชื่อถือของสิ่งที่เธอพูดจึงเพิ่มขึ้นมาก”

“แต่คุณนายฮัวจะเต็มใจเข้าร่วมเหรอ?”

ผู้ถือหุ้นไม่แน่ใจ หากเรื่องระหว่างฮัวจิงและซูหยินเป็นข่าวปลอม ทุกอย่างก็คุยกันได้ง่าย

ถ้าเป็นเรื่องจริง จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่ใจกว้างจนยอมให้สามีนอกใจและช่วยสามีปกปิดเรื่องนี้?

ฮัวจิงมั่นใจอย่างมาก “ไม่มีปัญหา”

“ตกลงครับ ผู้อำนวยการฮัว เราจะรอดูงานแถลงของคุณในวันพรุ่งนี้”

ฮัวจิงสร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือหุ้นเสร็จแล้วก็ขับรถกลับบ้าน

เขากำลังจะไปจัดการทางอวิ๋นจิ้งหว่าน

เมื่อเปิดประตูห้องนอนเข้าไป ภายในก็มืดสนิท เพราะอวิ๋นจิ้งหว่านไม่ชอบให้มีแสงสว่างตอนนอน

ดังนั้นก่อนเข้านอนทุกครั้ง เธอจึงปิดม่านให้สนิทไม่ให้แสงจันทร์ลอดเข้ามาได้

ฮัวจิงไม่ได้เปิดไฟ แต่เรียกอีกฝ่ายเบา ๆ ว่า “จิ้งหว่าน”

ไม่มีการตอบสนอง

ฮัวจิงรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ อวิ๋นจิ้งหว่านเป็นคนหลับไม่ลึก โดยปกติแล้วทันทีที่เขาเปิดประตู อวิ๋นจิ้งหว่านจะตื่นทุกครั้ง

ฮัวจิงเปิดไฟ

สายตาจับจ้องไปที่เตียงใหญ่ตรงกลาง เขายกผ้านวมขึ้น แต่คนที่ควรจะหลับอยู่กลับไม่อยู่ที่นี่

ฮัวจิงเดินไปสัมผัสเตียง มันเย็นชืด

จู่ ๆ เขาก็นึกถึงโคลนบนกางเกงของอวิ๋นจิ้งหว่านเมื่อ 2-3 วันก่อนอย่างอธิบายไม่ถูก มันมาจากไหนกัน?

ทันใดนั้น อวิ๋นจิ้งหว่านก็เข้ามา “อาจิง คุณกลับมาแล้วเหรอ”

สายตาสงสัยของฮัวจิงจ้องไปที่ใบหน้าของเธอราวกับพยายามหาเบาะแสบางอย่าง

แต่การแสดงออกของอวิ๋นจิ้งหว่านเป็นปกติ ไม่มีร่องรอยของความตื่นตระหนก ในดวงตาของเธอมีเพียงความสุขที่ได้เห็นเขากลับมา

“คุณอยากให้ฉันเตรียมน้ำให้คุณอาบน้ำหรือเปล่า?”

ฮัวจิงโบกมือของเขา “คุณไปไหนมา?”

อวิ๋นจิ้งหว่านตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “อาจิง ทำไมคุณจริงจังนักล่ะ?”

“ฉันท้องเสียเลยลงไปใช้ห้องน้ำชั้นล่างค่ะ”

ฮัวจิงไม่เชื่อ “มีห้องน้ำอยู่ในห้อง ห้องข้าง ๆ ก็มี”

ทำไมต้องไปไกล ๆ ด้วย?

น้ำเสียงของอวิ๋นจิ้งหว่านงงงวย “ห้องน้ำในห้องนี้เสีย ฉันอยากจะดื่มน้ำด้วย ฉันเลยลงไปข้างล่าง มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ?”

“อาจิง วันนี้คุณทำตัวแปลก ๆ นะ”

ฮัวจิงจ้องไปที่เธอนิ่ง “ช่างเถอะ ถามหน่อยสิ คุณได้อ่านข่าวในเน็ตไหม?”

“ข่าวอะไรคะ?”

อวิ๋นจิ้งหว่านทำท่าจะหยิบโทรศัพท์ของเธอ “วันนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยดี ฉันเลยเข้านอนเร็ว”

ฮัวจิงจับมือเธอ “มีคนเปิดโปงเรื่องระหว่างผมกับซูหยิน”

“คุณไม่รู้เหรอ?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของอวิ๋นจิ้งหว่านชะงักค้าง “อาจิง คุณคิดว่าฉันเป็นคนปล่อยข่าวเหรอคะ?”

เธอสะบัดมือออก “ตระกูลอวิ๋นก็เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงเหมือนกัน ไม่ว่าฉันจะเกลียดซูหยินมากแค่ไหน ฉันจะไม่แลกกับชื่อเสียงของตระกูลอวิ๋นหรอก”

“ถ้าเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ฉันจะได้ประโยชน์อะไรคะ? ให้โลกเห็นเรื่องน่าสมเพชของฉันเหรอ? อาจิง ฉันก็เคารพตัวเองเหมือนกันนะคะ”

อวิ๋นจิ้งหว่านอยากร้องไห้

ฮัวจิงกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาและเกลี้ยกล่อมเธอเบา ๆ “ผมผิดเอง จิ้งหว่าน ผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”

หญิงสาวในอ้อมแขนของเขาสะอื้น “คุณต้องการให้ฉันเป็นพยานให้คุณเหรอคะ?”

ฮัวจิงตบเธอไหล่เบา ๆ “ได้ไหมครับ?”

อวิ๋นจิ้งหว่านเงยหน้าขึ้นอย่างเศร้าสร้อยและทำอะไรไม่ถูก “แม้คุณจะไร้ยางอายแบบนี้ แต่ฉันก็ยังชอบคุณ”

“คุณรู้ว่าฉันจะต้องตกลง แต่คุณยังแสร้งถามฉัน”

“คุณต้องการให้ฉันทำอะไร? บอกฉันสิคะ”

ฮัวจิงดึงเธอไปนั่งข้างเตียงและอธิบายวิธีในการสื่อสารกับสื่อมวลชน

อวิ๋นจิ้งหว่านลดสายตาของเธอลง “คุณต้องการให้ฉันบอกพวกเขาว่าคุณกับซูหยินแค่คบกันแต่ไม่ผูกมัดเหรอคะ?”

ฮัวจิงพยักหน้า ในเมื่อพวกเขาคบกันอย่างเต็มใจแล้วจะไม่ใช่ความรักได้อย่างไร?

“ได้ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”

นอกจากคบกันแต่ไม่ผูกมัดแล้ว ยังมีอีกประเด็นหนึ่ง เมื่อฮัวจิงแต่งงาน เขาและซูหยินได้เลิกรากันแล้ว

ฮัวจิงไม่ได้นอกใจและซูหยินก็ไม่ใช่มือที่สามเช่นกัน

เป็นความสัมพันธ์ที่สวยงามจริง ๆ

“อาจิง ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้ฉันจะไปถึงตรงเวลาค่ะ”

“อืม นี่ก็ดึกแล้ว คุณนอนเถอะ”

ฮัวจิงถอดเสื้อคลุมออกแล้วเข้านอน

อวิ๋นจิ้งหว่านไม่อยากจะเชื่อ “อาจิง วันนี้คุณไม่กลับไปห้องทำงานเหรอคะ?”

“ในเมื่อเราเป็นสามีภรรยากัน เราต้องนอนด้วยกันสิ”

อวิ๋นจิ้งหว่านเม้มริมฝีปากยิ้มและปิดไฟอย่างอาย ๆ

ในคืนที่มืดมิดจนมองไม่เห็นแม้แต่นิ้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของอวิ๋นจิ้งหว่านหายไป เหลือไว้เพียงความเฉยเมย

อวิ๋นจิ้งหว่านรอฟังเสียงลมหายใจจากข้างหมอน และดึงผ้านวมออกจากร่างกายของเธออย่างเงียบ ๆ

ในฤดูหนาวเดือนธันวาคม เธอสวมเพียงชุดนอนบาง ๆ

เมื่อฮัวจิงตื่นขึ้น อวิ๋นจิ้งหว่านก็มีอาการวิงเวียนศีรษะจากไข้แล้ว

แก้มของเธอแดงก่ำ ตาปรือ และเธอกำลังพูดอ้อแอ้อะไรบางอย่าง

“จิ้งหว่าน ตื่นได้แล้ว”

อวิ๋นจิ้งหว่านคว้ามุมเสื้อผ้าของฮัวจิงโดยไม่รู้ตัว “ฉันอึดอัดจังค่ะ”

ฮัวจิงชำเลืองมองที่ผ้าห่มบนพื้น ก่อนจะพลิกตัวแล้วลุกจากเตียง “ผมจะไปเรียกหมอ”

หมอกำลังตรวจอาการ “คุณฮัว คุณนายมีอาการป่วยหลังคลอด สุขภาพของเธอไม่สู้ดีนัก เมื่อคืนเธอเป็นหวัดและมีไข้ แค่กินยาอย่างเดียวไม่พอ ต้องให้น้ำเกลือครับ”

ฮัวจิงปฏิเสธ “ไม่”

เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง เขาจึงต้องจัดแถลงข่าวในเวลาแปดโมงเช้า

เวลานี้ เหลือเวลาน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงก่อนการแถลงข่าว และไม่มีเวลาให้น้ำเกลืออวิ๋นจิ้งหว่านแล้ว

ฮัวจิงเรียกหมอข้าง ๆ ว่า “ใช้ยา K series”

หมอดูประหลาดใจ “คุณฮัว ยา K series มีผลข้างเคียงรุนแรงนะครับ อาการคุณนายแค่เล็กน้อยเท่านั้น”

สำหรับอวิ๋นจิ้งหว่าน ไม่ว่าจะเป็นยาหรือยาพิษ

ฮัวจิงไม่ลังเลเลย “เอายานั่นให้เธอซะ”

อวิ๋นจิ้งหว่าน ซึ่งควรจะหมดสติลืมตาขึ้นอย่างเงียบ ๆ และฟังการสนทนานอกประตูระหว่างทั้งสอง

ในไม่ช้า สาวใช้รีบเข้ามาและรออวิ๋นจิ้งหว่านที่อยู่ในอาการ ‘โคม่า’ ตื่นขึ้นเพื่อกินยา

หลังจากนั้นไม่นาน อวิ๋นจิ้งหว่านก็ตื่นขึ้น

สิ่งแรกที่เธอพูดเมื่อลืมตาคือ “อาจิง กี่โมงแล้ว?”

สาวใช้ถอยออกไปเพื่อให้มีที่ว่างสำหรับฮัวจิง “เจ็ดโมงครึ่ง จิ้งหว่าน คุณป่วย”

อวิ๋นจิ้งหว่านแตะหน้าผากของเธอ “ไม่แปลกใจเลยที่ฉันอ่อนแอ”

หลังจากพูดจบ เธอก็ดันตัวเองเพื่อลุกขึ้น “อย่ากังวล ต่อให้ต้องคลานไปที่งานแถลงข่าว ฉันก็จะทำ”

งานแถลงข่าวจัดขึ้นตรงเวลา

ฮัวจิงอธิบายตามขั้นตอนปกติ จากนั้นก็ขอโทษ และในที่สุดก็ให้คำมั่นสัญญา

คำพูดนั้นค่อนข้างน่าพอใจด้วยท่าทางและความน่าเชื่อถือของคนที่เป็นประธานบริษัท

มันง่ายที่จะชนะใจผู้ชม

แต่ถึงยังไงก็ยังมีผู้ชมที่ได้กลิ่นตุ ๆ “ปลอมเกินไป”

“แกล้งทำเป็นสุนัข คิดว่าหลอกพวกเขาได้ด้วยคำเพียงไม่กี่คำเหรอ? พอเลย”

“ไอ้ขยะ”

ท่ามกลางการดุด่า อวิ๋นจิ้งหว่านก็ออกมา

เธอมีใบหน้าที่สวยงามและท่าทางสง่างาม

เธอเปิดไมโครโฟน “สวัสดีทุกคน ฉันชื่ออวิ๋นจิ้งหว่าน และฉันเป็นภรรยาของฮัวจิง”

“ฉันไม่ได้เข้าร่วมการแถลงข่าวเพื่อชี้แจงประเด็นนี้ให้ใครฟัง แต่เพื่อบอกว่าคุณฮัวคือใครในสายตาของฉัน แค่ก ๆ”

ฮัวจิงช่วยปลอบให้เธอสงบลงอย่างเอาใจใส่

แต่ไม่รู้ว่าอวิ๋นจิ้งหว่านจงใจหรือไม่ เธอเขยิบหนีไปด้านข้าง

ผู้ชม ‘?’

ดูเธอจะไม่เต็มใจเลยนะ?

ไม่ ๆ ดูอีกครั้งดีกว่า

“คุณฮัวเอาใจใส่มาก เขาเคารพและรักฉันจริง ๆ…”

“แค่ก ๆ”

ผู้ชมรู้สึกหงุดหงิดมาก ถ้าฮัวจิงเอาใจใส่อย่างที่คุณพูดจริง ๆ เขาไม่ควรให้คุณเข้าร่วมงานแถลงข่าว แต่ควรให้คุณพักผ่อนที่บ้านสิ

“เมื่อฉันรู้จักคุณฮัว ฉันรู้ว่าเขาเคยมีคนรัก แต่พวกเขาก็เลิกกันไปแล้วเมื่อเราพบกัน…”

ในตอนท้าย อวิ๋นจิ้งหว่านก็หอบหนักแล้ว “จบแล้วค่ะ”

“สำหรับที่ว่าจะจริงหรือเท็จ ทุกคนมีวิจารณญาณของตัวเอง”

ทันทีที่กล้องเข้าใกล้ ดวงตาของอวิ๋นจิ้งหว่านเปียกแฉะ และเธอก็หมดสติไปกับพื้นในวินาทีต่อมา

คนดู ‘มีเรื่องไม่ชอบมาพากลแน่ ๆ!!!’

[มันไม่มีเหตุผลเลยที่คนดี ๆ อย่างเธอจะถูกฮัวจิงทำให้แปดเปื้อน]

[เธอยังยินดีที่จะเป็นพยานให้ฮัวจิง ฉันล่ะสงสารเธอจริง ๆ]

[หว่านหว่าน อย่าร้องไห้]

ฮัวจิงมีสีหน้าเปลี่ยนไปและรีบอุ้มอวิ๋นจิ้งหว่านรีบลงจากเวที