บทที่ 334 อะไรนะ ฝ่าบาทใกล้จะสวรรคตแล้ว
บทที่ 334 อะไรนะ ฝ่าบาทใกล้จะสวรรคตแล้ว
ระหว่างที่พวกเขารอเวลา หนานกงสือเยวียนก็ได้รับจดหมายจากบุตรสาวแล้ว
พออ่านจบคนเป็นพ่อก็ “(▼皿▼)”
ชั่วขณะนั้นเขาอยากจับเสี่ยวเป่ามาตีบั้นท้ายแรง ๆ สักที
ยามนั้นเขากำลังประชุมอยู่กับเหล่าแม่ทัพ ครั้นสีพระพักตร์บึ้งตึงกะทันหัน บรรยากาศรอบตัวจึงน่ากลัวยิ่ง
ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหลายล้วนเงียบกริบดุจนกกระทา จนแทบอยากไปซ่อนตัวเสียประเดี๋ยวนั้น
ฝ่าบาททรงได้รับสารอะไรมากันแน่จึงพิโรธถึงเพียงนี้
หนานกงสือเยวียนตีหน้าเย็นชา “การศึกหลังจากนี้มอบหมายให้เซี่ยกั๋วกงผู้เฒ่าบัญชาการ ข้าต้องไปที่อื่นชั่วคราว”
คราวนี้เซี่ยกั๋วกงผู้เฒ่าติดตามมาด้วย อย่างไรเสียเขาก็มีประสบการณ์ออกรบโชกโชน ยังไม่กล่าวถึงเรื่องอื่น ลำพังความรู้ที่ถ่ายทอดให้องค์ชายทั้งสองพระองค์ก็มากมายเกินพอแล้ว
เซี่ยกั๋วกงผู้เฒ่ารีบถามโดยพยายามมองข้ามสีหน้ามืดครึ้มของฮ่องเต้ “ฝ่าบาทจะเสด็จไปที่ใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
หนานกงสือเยวียนออกแรงนิ้วมือขยำจดหมายแผ่นนั้นจนเป็นก้อน สีหน้าเย็นชาไม่พูดไม่จา
เซี่ยกั๋วกงผู้เฒ่าตาไวทันเห็นคำว่าหนานจ้าว ฉับพลันนั้นหนังตาก็พลันกระตุก
“ฝ่าบาท ฝ่าบาท!!!”
เขาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว คุกเข่าลงไปกอดขายาว ๆ ของหนานกงสือเยวียนแผดเสียงร่ำร้องอย่างเป็นจริงเป็นจัง
“ฝ่าบาท พระองค์ไม่อาจไป หากเสด็จไปหนานจ้าวก็ไม่ต่างอันใดกับขว้างซาลาเปาเนื้อใส่สุนัข มีแต่ไปไม่มีกลับนะพ่ะย่ะค่ะ!”
“แค่ก ๆ ๆ…”
ฝูไห่ได้ยินวาจาของเซี่ยกั๋วกงผู้เฒ่าแล้วใบหน้าพลันยับย่น กระแอมไอติดต่อกันอย่างไม่คิดชีวิต
วาจาเหลวไหลเช่นนี้ ท่านก็เอามาพูดถึงฝ่าบาทได้หรือ!
คนอื่นหนังตากระตุกไปตาม ๆ กัน ยอดเยี่ยม! เซี่ยกั๋วกงผู้เฒ่าทำเช่นนี้เท่ากับรนหาที่ตายชัด ๆ!
หนานกงสือเยวียน “ปล่อย!”
แต่เขาไม่อาจไปหนานจ้าวได้จริง ๆ เซี่ยกั๋วกงผู้เฒ่ายืนกราน “ฝ่าบาท หากพระองค์ต้องการไปหนานจ้าว กระหม่อมขอติดตามไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อคนอื่นได้ยินว่าฝ่าบาทคิดจะไปหนานจ้าวก็เลิกพะวงถึงเรื่องอื่น ต่างคนต่างคุกเข่าลงร่ำร้องราวกับประชันลูกคอกันอย่างไรอย่างนั้น
“ฝ่าบาท!”
“ฝ่าบาท!!”
“ฝ่าบาทจะเสด็จไปหนานจ้าวไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!!!”
เส้นเลือดตรงขมับของหนานกงสือเยวียนเต้นตุบ เขาเลี้ยงพวกไร้ประโยชน์เอาไว้หรือนี่!
“ไปให้พ้น!”
“ฝ่าบาท หากพระองค์เสด็จไป พวกกระหม่อมขอติดตามไปด้วย”
“ใช่แล้ว มีเรื่องอะไรก็หารือกันก่อน ถึงพระองค์จะหาญกล้าไร้เทียมทาน แต่สองมือยากจะต่อกรสี่มือ เสด็จไปหนานจ้าวเช่นนี้มิเท่ากับเอาตัวไปเผชิญอันตรายหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาทอย่าทรงหุนหันพลันแล่น พวกเรารบกันดีกว่า รบจนพวกหนานจ้าวปัสสาวะเรี่ยราด นำทัพไปเหยียบเมืองหลวงของพวกมัน ไปถึงแล้วพระองค์จะเสด็จไปที่ใดก็ได้ทั้งนั้น จะย้ายไปอยู่ที่นั่นพวกกระหม่อมก็จะไม่ขัดขวางเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาท ไม่มีฝ่าบาทแล้วพวกกระหม่อมจะมีชีวิตต่อไปได้อย่างไร!”
“ฝ่าบาทไม่อาจเป็นอะไรไป พวกกระหม่อมยังต้องพึ่งพาพระองค์อยู่นะพ่ะย่ะค่ะ”
ฝูไห่ “…”
ไอ้หยา เหตุใดยิ่งฟังยิ่งเหมือนเสียงคร่ำครวญหวนไห้ ไม่เป็นมงคลเอาเสียเลย!
ฝูไห่ขยี้เท้า ร่ำร้องว่าใจเย็น อยู่ในความสงบ ติดตรงที่เสียงของเขาไม่ดังเท่าบรรดาแม่ทัพทั้งหลายจึงไม่มีใครได้ยิน
เหล่าทหารที่ลาดตระเวนอยู่ข้างนอกตระหนกแตกตื่น บางคนถึงกับหน้าถอดสี
“อะไรนะ! เกิดเรื่องกับฝ่าบาทแล้ว!”
“อะไรนะ ฝ่าบาทใกล้จะสวรรคตแล้ว!!”
“พวกเจ้าว่าอะไรนะ ฝ่าบาทสวรรคตแล้ว ท่านแม่ทัพทั้งหลายกำลังร้องไห้ไว้อาลัยอยู่อย่างนั้นหรือ!!!”
เพียงชั่วเวลาสั้น ๆ เมื่อหนานกงสือเยวียนเดินออกมาจากกระโจมด้วยสีหน้าบูดบึ้งรังสีอำมหิตปกคลุมทั่วร่าง ก็เห็นโอรสทั้งสองวิ่งโซซัดโซเซตรงมาทางนี้
พวกเขาวิ่งพลางร่ำร้องว่าเสด็จพ่อ ๆ ไม่หยุด
หนานกงฉีอิงสองตาแดงก่ำ “เสด็จพ่อ!!”
หนานกงฉีหลิง “เสด็จพ่อท่านอย่าเพิ่งตายนะ อย่างน้อยก็ให้พวกข้าดูใจก่อน…”
แต่ละคนสีหน้าโศกเศร้าโศกา
ใบหน้าของหนานกงสือเยวียนมืดคล้ำกว่าเดิม ดำจนแทบจะหยดออกมาเป็นน้ำหมึกได้
“เสด็จพ่อ เสด็จพ่อ จู่ ๆ ท่านก็…”
“หุบปาก!”
หนานกงสือเยวียนตวาดอย่างเย็นชา คนทั้งสองน้ำตาไหวระริก ถึงตอนนี้ค่อยเห็นบุรุษร่างสูงตรงหน้าทางเข้ากระโจมอย่างชัดเจน
“เสด็จพ่อ… ท่านไม่เป็นไร”
ยามนี้หนานกงฉีหลิงไม่สนใจสีหน้าเย็นชาของเขาอีกแล้ว ถลาเข้าไปกอดขาของบิดาร้องไห้คร่ำครวญ เสียงร้องไห้แฝงไว้ด้วยความยินดีหลังเผชิญภัยพิบัติ
“เสด็จพ่อ ท่านยังไม่ตาย ดียิ่งนัก ฮือ ๆ ๆ…พวกข้าใจหายใจคว่ำหมด”
ฝูไห่อุทาน “องค์ชายสี่ องค์ชายห้า พวกท่านพูดจาเหลวไหลอะไรกัน นี่มิเท่ากับสาปแช่งฝ่าบาทหรอกหรือ…”
วาจาท่อนหลังเขาไม่ได้พูดออกมา เพียงขยี้เท้าอย่างแรง “เพ้ย ๆ ๆ ไม่เป็นมงคล ไม่เป็นมงคลเกินไปแล้ว ฝ่าบาทสบายดีพ่ะย่ะค่ะ”
หนานกงฉีอิงมองบิดาอย่างโง่งม รู้ว่าคำพูดของพวกตนไม่เป็นมงคลนัก เขาเผยอปาก ฝืนพูดออกมาต่อหน้าสายตาที่ใกล้จะกินคนได้แล้วของเสด็จพ่อ
“แต่ทุกคนพูดตรงกันว่าเสด็จพ่อสวรรคตแล้ว ท่านแม่ทัพทั้งหลายกำลัง…ร้องไห้ไว้อาลัย”
ตุบ…
แส้หางม้าของฝูไห่กงกงตกลงบนพื้น
บรรดาแม่ทัพที่กำลังชมดูองค์ชายทั้งสองจากในกระโจมพลันแข้งขาอ่อนยวบ แทบคุกเข่าต่อไปไม่ได้แล้ว
เรื่องลุกลามมาถึงศีรษะตนเองแล้วยังจะชมดูอย่างเพลิดเพลินอยู่ได้อย่างไร
ฝูไห่กลืนน้ำลาย อ้าปากกว้าง “มีคนพูดถึงเรื่องนี้กันกี่คน”
เขาถามเสียงสั่น
หนานกงฉีหลิงสูดน้ำมูก “ก็…ทุกคน…”
ฝูไห่ “!!!”
มารดามันเถอะ! ตอนนี้เขาไม่กล้าแหงนหน้าขึ้นมองพระพักตร์ฝ่าบาทแล้ว
พวกเซี่ยกั๋วกงผู้เฒ่าด้านหลังที่ยังคงมีน้ำตาอาบหน้าพยายามก้มหน้าก้มตาไม่มองหน้าฮ่องเต้กันสุดฤทธิ์
พวกเขาสัมผัสได้ถึงลมหนาวยะเยือกที่กวาดผ่านตนเองไป กระทั่งต้นคอยังขนลุกวาบ
จบกัน ศีรษะบนบ่าจะรักษาเอาไว้ไม่ได้แล้ว
“หึ…”
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด เสียงหัวเราะสั้นห้วนเย็นเยียบของหนานกงสือเยวียนทำให้คนบริเวณนั้นสั่นสะท้านกันถ้วนหน้า
หนานกงสือเยวียนไม่รู้แล้วว่ายามนี้ตนเองควรทำสีหน้าเช่นไรดี
“พวกท่าน…”
เหล่าบุรุษที่ร่างใหญ่ราวกับหมีพากันหดศีรษะไม่กล้าพูดจาประหนึ่งนกกระทา
“เอาตำราพิชัยสงครามมาให้ข้า จำไว้ว่าหลังเสร็จศึกพวกท่านทุกคนต้องคัดตำราพิชัยสงครามสิบรอบ!”
เหล่าแม่ทัพ “…”
ไยไม่ประหารพวกเขาไปเลยเล่า!
“ฝ่าบาท เรื่องนี้สามารถใช้ผลงานในการรบมาทดแทนได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เซี่ยกั๋วกงผู้เฒ่าเองก็ไม่อยากคัดตำราพิชัยสงครามเช่นกัน มิหนำซ้ำยังคัดตั้งสิบรอบ แบบนั้นเท่ากับเอาชีวิตแก่ ๆ ของเขาได้เลยนะ!
หนานกงสือเยวียนกวาดสายตามองพวกเขาอย่างเย็นชา “สังหารศัตรูหนึ่งคน ลดให้สิบตัวอักษร”
เอาเถอะ ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
ฮ่องเต้ตีหน้าเย็นชาหมุนกายจากไป “องค์ชายสี่ องค์ชายห้า ตามมา”
องค์ชายทั้งสองเดินตามหลังผู้เป็นบิดาไปด้วยท่าทางเซื่องซึม
ข่าวลือทำร้ายพวกเขาแล้ว เจ้าพวกโง่นั่นลือกันผิด ๆ รอจนตรวจสอบได้เมื่อไหร่จะต้องสั่งสอนให้หนักเลยเชียว!
เมื่อมาถึงในกระโจม หนานกงสือเยวียนก็โยนจดหมายของเสี่ยวเป่าให้พวกเขา
หลังเกิดเรื่องเข้าใจผิดเช่นนี้ขึ้น แม้เขาจะเยือกเย็นลงมาก แต่ก็ยังเป็นห่วงเสี่ยวเป่ามากอยู่ดี
เจ้าตัวเล็กนั่น ตัวกะเปี๊ยกแต่กลับอาจหาญทีเดียว ถึงกับกล้าไปเมืองหลวงของหนานจ้าวตามลำพัง
โชคดีที่ไปเจอหนานกงชิง ถึงอย่างไรหนานกงชิงก็ยังรู้ขอบเขต คงไม่ปล่อยให้เสี่ยวเป่าไปทำอะไรสุ่มเสี่ยง
สองพี่น้องที่อ่านจดหมายจบแล้ว “น้องหญิงไปเมืองหลวงของหนานจ้าว!”
หนานกงฉีหลิง “ไม่ได้การ เสี่ยวเป่าทำเช่นนี้อันตรายเกินไป เสด็จพ่อโปรดอนุญาตให้ลูกไปตามหาน้องหญิงด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
หนานกงฉีอิงมีสีหน้าร้อนใจ “ลูกก็จะไปด้วย”
“เสด็จพ่อ ปล่อยให้เสี่ยวเป่าไปเสี่ยงภัยเช่นนี้ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ นางโง่งมปานนั้น ถึงจะไม่ถูกคนของหนานจ้าวจับตัวได้ แต่หากเจอคนชั่วหลอกลวงเข้าจะทำอย่างไร”
หนานกงสือเยวียนนวดคลึงสันจมูก “พวกเจ้าอ่านดี ๆ”