ตอนที่ 306 พฤติกรรมแปลก ๆ ของซุนกุ้ยเซียง

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 306 พฤติกรรมแปลก ๆ ของซุนกุ้ยเซียง

ซุนกุ้ยเซียงได้รับการปล่อยตัวในวันที่สองหลังจากที่หลินเพ่ยถูกปล่อยตัว สิ้นสุดกำหนดการคุมขังเจ็ดวันเสียที

นางเดินออกจากศูนย์กักกันด้วยใบหน้าซีดเซียว เดินอย่างอ่อนระโหยโรยแรงไปยังสถานีขนส่ง

เมืองนี้น่ากลัวเกินไป จนนางอยากกลับชนบทเต็มที

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องเรียกว่าแม่

ซุนกุ้ยเซียงเดินตามเสียงนั้นไป และเห็นหลินเพ่ยยืนหลบอยู่ข้างถนน

เพลิงโทสะในใจพลันปะทุ นางสบถสาปแช่ง “นังลูกอกตัญญู แกน่ะร้ายกาจยิ่งกว่าน้องสาวของแกซะอีก แม้แต่แม้แท้ ๆ ของตัวเองยังหลอกกันได้ลงคอ ฉันจะทุบแกให้ตายซะ!”

หลังจากนั้น ถึงหน้าของหลินเพ่ยจะบวมเป่งเหมือนหัวหมูไหว้เจ้า แต่ผู้เป็นแม่ก็ยังกระโจนใส่หล่อนอย่างโหดเหี้ยม หมายทุบตีหล่อนให้เลือดตกยางออกเพื่อบรรเทาความโกรธ

เจ้าหน้าที่ตำรวจในศูนย์กักกันได้ยินเสียงเอะอะโวยวายข้างนอกก็รีบวิ่งออกมา ตำหนิซุนกุ้ยเซียงด้วยความขุ่นเคือง “ถูกปล่อยตัวออกมาไม่ทันไรก็ทำร้ายร่างกายคนอื่นซะแล้ว อยากกลับเข้าไปนอนคุกต่อสักสองสามวันไหม?”

ซุนกุ้ยเซียงรีบชักมือกลับทันที พูดด้วยความหวาดกลัว “คนที่ฉันทุบตีอยู่นี่เป็นลูกสาวของฉันเอง…”

เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดเสียงขรึม “ใครบอกคุณว่าคุณสามารถดุด่าทุบตีลูกตัวเองยังไงก็ได้ นั่นก็เข้าข่ายผิดกฎหมายเหมือนกันนั่นแหละ!”

ซุนกุ้ยเซียงรีบคู้ตัวลงเหมือนนกคุ้มแก่ที่ว่าง่าย ตอบกลับด้วยเสียงพึมพำ “ระ… รู้แล้ว ฉันจะไม่ทุบตีลูกสาวตัวเองอีก”

เมื่อเห็นว่านางยอมรับสารภาพผิดด้วยท่าทางนอบน้อม เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตักเตือนอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในศูนย์กักกัน

ทันทีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินจากไป ซุนกุ้ยเซียงก็จ้องเขม็งมองหลินเพ่ยด้วยความชิงชัง “ถ้าฉันรู้ว่าแกโตขึ้นแล้วจะเนรคุณแบบนี้ ตอนที่ฉันคลอดแก ฉันน่าจะเอาขี้เถ้ายัดปากให้แกตายไปซะ!”

หลินเพ่ยร้องไห้ไม่หยุด “แม่ ฉันไม่ได้ตั้งใจหลอกแม่ซะหน่อย ฉันไม่รู้ว่านังสารเลวนั่นมันย้ายไปเปิดร้านอยู่ฝั่งตรงข้าม พวกเราไปหามันที่ร้านแล้วขอเงินจากมันกันเถอะ!”

ซุนกุ้ยเซียงเงียบ ทำหน้าตาเรียบเฉย จากนั้นก็ลากหลินเพ่ยออกไป

พอลากลูกสาวออกไปจนไกลจากศูนย์กักกันแล้ว นางก็หยุดเดินแล้วหันกลับมาตบหน้าหลินเพ่ยเสียงดัง “นังคนไม่รักดี คิดจะใช้ยายแก่อย่างฉันเป็นมือปืนแทนตัวเองอีกแล้วรึ!”

หลินเพ่ยต้องการใช้แม่ตัวเองเป็นมือปืนแทนตัวจริง ๆ

ในขณะที่หล่อนมีชีวิตน่าสังเวชแบบนี้ แล้วทำไมชีวิตของนังหลินม่ายถึงได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ?

ถ้าหล่อนไม่หลอกใช้แม่ให้ไปสร้างปัญหาให้กับหลินม่าย คืนนี้หล่อนคงข่มตานอนไม่หลับแน่

นอกเหนือจากแผนยืมมือแม่กระทำความผิดแล้ว หลินเพ่ยยังหวังว่าคราวนี้ซุนกุ้ยเซียงจะสามารถรีดไถเงินจำนวนมากจากหลินม่ายมาได้ แล้วหล่อนเองก็จะได้รับส่วนแบ่ง

ต่อให้ซุนกุ้ยเซียงไม่ยอมให้เงิน หล่อนก็จะหาทางขโมยให้ได้

ไม่ว่าอย่างไรทักษะการเป็นหัวขโมยก็เป็นอะไรที่หล่อนคุ้นเคยดีอยู่แล้ว

แต่พอถูกซุนกุ้ยเซียงรู้ทันว่าตัวเองกำลังจะถูกหล่อนใช้เป็นหอกอีกครั้ง หลินเพ่ยก็ยังหน้าด้านไม่ยอมรับ

หล่อนยกมือปิดหน้าแล้วร้องไห้โฮเหมือนสูญเสียครอบครัว “แม่ ฉันเปล่านะ! ฉันเองก็กลับไปแก้แค้นแทนแม่ที่ร้านใหม่ของหลินม่ายเหมือนกัน แต่เพราะทำแบบนั้นเลยโดนตำรวจจับเข้าคุก เพิ่งถูกปล่อยตัวออกมาเมื่อวานนี้เอง ถ้าแม่ยอมตามฉันไปดู แม่จะรู้ว่าตอนนี้นังหลินม่ายมันรวยแค่ไหน ได้ยินมาว่ามันซื้อตึกแถวเพื่อเปิดร้านอาหารโดยเฉพาะ ในขณะที่พ่อกับแม่อยู่ในบ้านอิฐโคลนโทรม ๆ กินแต่ผักแต่หญ้า นังนั่นกลับเสวยสุยอยู่ในเมือง กินของร้อน ๆ อยู่ในบ้านดี ๆ ถ้าแม่ยอมรับความเนรคุณของมันได้ ฉันก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วเหมือนกัน”

ไม่มีใครรู้จักแม่ดีไปกว่าลูกสาว

หลินเพ่ยรู้ว่าซุนกุ้ยเซียงเป็นคนโลภแค่ไหน เพราะแบบนี้หล่อนถึงเอาแต่ย้ำเตือนผู้เป็นแม่ซ้ำ ๆ ว่านังลูกไม่รักดีคนนั้นร่ำรวยแค่ไหน แล้วตัวเองมีชีวิตที่ตกต่ำชวนสมเพชเพียงใด

หล่อนหลอกยายแก่หน้าโง่อย่างแม่ตัวเองเข้ามาในเมืองรอบนี้ ก็ไม่ใช่เพราะเอาเงินของนังหลินม่ายมาเป็นเหยื่อล่อหรอกหรือ!

หลินเพ่ยพูดจบแล้วก็รอดูปฏิกิริยาของซุนกุ้ยเซียง

แต่ซุนกุ้ยเซียงกลับทำให้หลินเพ่ยผิดคาดเอามาก ๆ เพราะนางไม่ตอบสนองอะไรเลย

คิ้วหลินเพ่ยขมวดแน่นแทบเป็นเลขแปด

ยายแก่นี่กลัวตัวเองโดนจับเข้าศูนย์กักกันงั้นเหรอ? หล่อนไม่อยากขอเงินจากนังหลินม่ายแล้วหรือไง?

หลินเพ่ยกลอกตาขึ้นฟ้า “ในเมื่อแม่ไม่กล้าขอเงินจากนังม่ายจื่อ ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปคนเดียว แล้วถ้าได้เงินมาจริง ๆ อย่าหวังเลยว่าฉันจะแบ่งให้พ่อกับแม่”

พูดจบก็สาวเท้าเดินออกไป

หล่อนหรือจะกล้าเป็นฝ่ายริเริ่ม หล่อนหรือจะกล้าใช้ตัวเองเป็นเหยื่อของกระสุนปืนใหญ่?

หลินเพ่ยแสดงท่าทางออกไปแบบนั้น ก็เพื่อหลอกให้ซุนกุ้ยเซียงยอมตามตัวเองไปที่ร้านของหลินม่าย

ขอแค่หล่อนได้เห็นกับตาว่าร้านของนังนั่นใหญ่โตเท่าใด ตกแต่งทันสมัยอย่างไร และตึกที่เธออาศัยอยู่นั้นสวยงามอย่างไร หลินเพ่ยก็ไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะไม่ถูกอสังหาริมทรัพย์พวกนั้นล่อลวง จนโลภขนาดหน้ามืดตามัวไปไถเงินจากนังนั่น!

ซุนกุ้ยเซียงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และแล้วก็ตัดสินใจเดินตามหลินเพ่ยไป

นางเองก็ไม่เชื่อว่าถ้าหลินเพ่ยได้เงินจากหลินม่ายแล้วจะไม่ยอมแบ่งให้ตัวเองกับสามีจริง ๆ

นางแค่อยากไปดูให้เห็นกับตาว่านังนั่นรวยจริงหรือเปล่า จากนั้นค่อยหาวิธีขอเงินก้อนโตจากเธอให้ได้

พอเห็นว่าผู้เป็นแม่เดินตามตัวเองมาต้อย ๆ หลินเพ่ยก็รู้ทันทีว่าการหลอกล่อของตัวเองสำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว จึงไม่วายตีเหล็กในขณะที่ยังร้อน “แม่ ถ้าแม่ไม่เห็นแก่ฉัน อย่างน้อยเห็นแก่พี่ใหญ่ก็ได้ ถ้านังม่ายจื่อยอมยกบ้านให้พี่ใหญ่ พี่ใหญ่กับลูกเมียเขาต้องยอมคืนดีกับพ่อแม่แน่นอน”

เรื่องที่ครอบครัวของลูกชายคนโตขอแยกบ้าน เป็นความเจ็บปวดที่ฝังรากลึกในใจซุนกุ้ยเซียงเสมอมา

ถ้าท้ายที่สุดความขัดแย้งระหว่างแม่ลูกไม่สามารถแก้ไขได้ แล้วพวกเขาจะพึ่งพาใครในยามแก่เฒ่า?

เดิมทีซุนกุ้ยเซียงก็เป็นคนไม่มีหัวคิดอยู่แล้ว คำพูดไม่กี่ประโยคของหลินเพ่ยจึงทำให้เลือดลมของนางเดือดพล่าน

นางอดใจเดินไปถึงร้านของหลินม่ายไม่ไหวแล้ว อยากกดดันให้เธอยอมมอบทรัพย์สินทั้งหมดที่มีอยู่

ถ้านังนั่นยืนกรานไม่ยอมยกให้ นางจะสร้างปัญหาจนเธออยู่ไม่เป็นสุข!

ในขณะที่ซุนกุ้ยเซียงกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก ชายหน้าบึ้งคนหนึ่งก็เดินตรงเข้ามาหา

หัวใจของนางหดฟีบลงอย่างกะทันหัน พบเจอศัตรูในตรอกแคบ(1)…นี่มันพบเจอศัตรูในตรอกแคบจริง ๆ!

เจียงเฉิงออกจะกว้างใหญ่ขนาดนี้ นางแทบไม่เคยมาเหยียบที่นี่ แต่นางก็ยังเจอเขา!

ซุนกุ้ยเซียงรีบวิ่งเข้าไปหลบอยู่หลังพุ่มไม้ข้างทางโดยไม่รู้ตัว

หลินเพ่ยสังเกตเห็นจากหางตาว่าคนที่เคยเดินตามหลังตัวเองอยู่ต้อย ๆ หายไปไหนไม่รู้เสียแล้ว หล่อนหันกลับไปมอง แต่ไม่เจอร่างของซุนกุ้ยเซียง จึงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ

แค่ไม่กี่วินาทีเอง ยายแก่นั่นหายไปไหนแล้วล่ะ?

หล่อนยังหวังให้อีกฝ่ายช่วยจ่ายค่าอาหารมื้อเช้าอยู่นะ!

ทางด้านซุนกุ้ยเซียงที่ซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้สีเขียว ยังคงจ้องมองไปทางชายคนนั้นด้วยความกระวนกระวาย

พอเห็นว่าเขาหันไปจ้องหน้าหลินเพ่ย หัวใจของนางก็เต้นรัวจนแทบกระดอนออกจากอก

หลินเพ่ยหน้าตาถอดแบบจากนางมาถึงเจ็ดในสิบ ไม่แน่ว่าเขาอาจจำนางได้

โชคดีที่ชายคนนั้นมองหน้าหลินเพ่ยแค่แวบเดียวเท่านั้น จากนั้นก็ละสายตา แล้วเดินต่อไปข้างหน้า

ซุนกุ้ยเซียงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ราวกับตัวเองยังมีชีวิตรอดหลังผ่านพ้นภัยพิบัติมาแล้ว

หลินเพ่ยกวาดสายตามองไปรอบ ๆ หลายครั้ง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เจอซุนกุ้ยเซียง จึงตะเบ็งเสียงออกมาจนสุดลำคอ “แม่ แม่หายไปไหนน่ะ?”

หัวใจซุนกุ้ยเซียงเหมือนถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ด้วยความตกใจ นังตัวซวยนี่อุตริอยากให้ผู้ชายคนนั้นหันมาสนใจหรือไง?

นางยังคงซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้ ตอบกลับหลินเพ่ยด้วยเสียงที่เบาที่สุด “อย่าตะโกน! ฉันอยู่นี่!”

หลินเพ่ยมองเห็นศีรษะของซุนกุ้ยเซียงโผล่ออกมาจากพุ่มไม้แล้วแต่ไม่นานก็ผลุบกลับไปอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย

ยายแก่นี่กำลังซ่อนตัวไม่ให้ใครเห็นกัน หล่อนพยายามซ่อนตัวจากสายตาใคร?

หล่อนหันมองไปตามฟุตบาทที่ตัวเองยืนอยู่ แต่มองไม่เห็นสาเหตุที่ทำให้แม่ตัวเองแสดงพฤติกรรมแปลก ๆ

ซุนกุ้ยเซียงยังจับตามองชายคนนั้น พอเห็นว่าแผ่นหลังของเขาเริ่มห่างออกไปจนไกลลับสายตา หล่อนก็เดินย่องออกมาจากที่ซ่อนของตัวเอง

หลินเพ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “แม่ไปหลบอยู่หลังพุ่มไม้นั่นทำไม?”

ซุนกุ้ยเซียงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ต้องถาม”

หลินเพ่ยงับปากลงทันใด แต่ผ่านไปไม่นานก็เปิดปากพูดอีกครั้ง “แม่ ฉันหิว”

ซุนกุ้ยเซียงเองก็หิวไม่แพ้กัน จึงเดินไปที่แผงขายซาลาเปาริมถนน

นางซื้อซาลาเปาไส้เนื้อมาสองลูกกับหมั่นโถวอีกหนึ่งลูก แต่กลับแบ่งหมั่นโถวให้หลินเพ่ยแค่ลูกเดียว

หลินเพ่ยกัดฟันกรอดอย่างขัดใจขณะยื่นมือไปรับหมั่นโถว แต่ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา ไม่แม้แต่จะยิ้มหรือพูดขอบคุณสักคำ

……………………………………………………………………………………………………………….

พบเจอศัตรูในตรอกแคบ หมายถึง โลกกลม โอกาสที่จะได้เจอกับศัตรูหรือคนไม่อยากเจอมีมาก

สารจากผู้แปล

นั่นไง เจอคู่กรณีที่เคยมีเรื่องเมื่อสมัยก่อนนู้นแล้วสินะยายแก่

ไหหม่า(海馬)