ตอนที่ 422 ส่งผีก็ต้องส่งให้ถึงที่สุด

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 422 ส่งผีก็ต้องส่งให้ถึงที่สุด

สะใภ้รองตระกูลหยวนมองหน้าฉินหลิวซีอยู่นาน จนในที่สุดก็สายตานั้นก็ไปหยุดอยู่ที่น้ำเต้าหยกที่เอวของฉินหลิวซี ก่อนจะเอ่ยถาม “ตุ๊กตาดินเผาตัวนั้นที่ท่านพูดถึงอยู่ในน้ำเต้าหยกนั่นจริงๆ หรือ”

ฉินหลิวซีหยิบมันขึ้นมาดึงจุกเปิด ก่อนจะเคาะขวด “ออกมา”

ผีทารกกลายเป็นกลุ่มควันสีดำลอยออกมา เมื่อเห็นสะใภ้รองตระกูลหยวน ไอแค้นก็รุนแรงขึ้นโดยพลัน และพุ่งเข้ามาล้อมรอบตัวนางไว้

สะใภ้รองตระกูลหยวนมองไม่เห็น แต่ในใจกลับรู้สึกตื่นตระหนกแปลกๆ และรับรู้ได้ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังห่อหุ้มตัวนางไว้ ในหูราวกับได้ยินเสียงร้องไห้โหยหวนของผี เสียงกรีดร้องนั้นดังเสียดหู จนนางอดที่จะกุมศีรษะกรีดร้องออกมาไม่ได้

“กลับมา” ฉินหลิงซีดุและตบกิ่งหลิวตรงเอว

ผีทารกเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง แต่กลับไม่กล้าขัดคำสั่งนาง จึงลอยกลับมาด้วยท่าทางน่าสงสาร

“นางได้รับผลกรรมแล้ว หลังจากที่เจ้าไปเกิดใหม่ นางยังต้องพักฟื้นบำรุงไปอย่างน้อยอีกสามปี จึงจะมีลูกได้อีก” ฉินหลิวเอ่ยให้นางฟัง และเอ่ยให้สะใภ้รองตระกูลหยวนฟังด้วยเช่นกัน

สะใภ้รองตระกูลหยวนตั้งครรภ์ แท้งลูก และคลอดก่อนกำหนดต่อเนื่อง ทำให้ร่างกายของนางเสื่อมโทรม แต่โหงวเฮ้งของนางบอกว่ายังมีลูกอีกคนหนึ่ง ขอเพียงนางไม่ทำอะไร พักฟื้นบำรุงร่างกายไปอีกสองสามปี ไม่แน่ก็อาจจะมีลูกชายได้”

ผีทารกขึงตาสีแดงเลือดคู่นั้น “พวกเขาจิตใจโหดเหี้ยมมาก”

เพียงเพราะว่านางเป็นผู้หญิง นางจึงถูกทุบตี ต่อให้เกิดมาได้ นางก็ต้องจมน้ำตายทันที มันโหดเหี้ยมเกินไป

“ทำกรรมใดไว้ย่อมได้รับผลแห่งกรรมนั้น เมื่อไปอยู่หน้ากระจกส่องกรรมย่อมรู้ถึงผลกรรมนั้นเอง เจ้าสงบใจเถิด” ฉินหลิวซีเอ่ย “หากจะโทษ ก็ต้องโทษคนที่ผนึกเจ้าไว้ในตุ๊กตาดินเผา”

ไอแค้นของผีทารกก็พร้อมจะก่อตัวขึ้นอีกครั้ง

ฉินหลิวซีเคาะขวดน้ำเต้า ผีทารกพ่นลมออกมาและกลับเข้าไปในขวดอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่จะเข้าไปในขวด นางก็หันมามองสะใภ้รองตระกูลหยวนอีกครั้ง สายตานั้นทั้งเกลียดชังทั้งอาลัยอาวรณ์ แต่ในที่สุดก็กลายเป็นความทอดถอนใจ

ในห้องกลับมาสงบอีกครั้ง

สะใภ้รองตระกูลหยวนยิ่งหน้าซีดลงกว่าเดิม นางจ้องมองน้ำเต้าหยกนั้น ก่อนจะร้องไห้ออกมา “ข้าไม่มีทางเลือก ข้าก็ไม่อยากทำเช่นนั้น ข้าตั้งครรภ์สองครั้งก็ได้แต่ลูกสาว แม่สามีด่าทอข้าทุกวัน สามีของข้าก็ไม่มีปากเสียง บ้านก็ยากจน ไม่สามารถเลี้ยงดูนางได้ ข้าก็ไม่มีทางเลือก หากไม่เป็นเช่นนี้ ข้าก็คงไม่ไปขอลูกที่วัดนั้นหรอก ข้าแค่ได้ยินมาว่าที่นั่นศักดิ์สิทธิ์”

“วัดนั่นศักดิ์สิทธิ์จริงหรือ” ฉินหลิวซีถาม

สะใภ้รองตระกูลหยวนพยักหน้า “ข้ามีญาติผู้พี่ที่แต่งไปอยู่หมู่บ้านหยางหลิวข้างๆ นางเองก็ไปขอลูกจากที่นั่น แต่นางได้ลูกชาย เหตุใดพอเป็นข้าจึงกลายเป็นลูกสาวเล่า”

“ข้าบอกแล้วว่า ตุ๊กตาดินเผาที่ท่านบูชานั้นเป็นของชั่วร้าย ข้างในมีวิญญาณทารกอยู่ ท่านบูชานางก็เท่ากับเป็นการเลี้ยงนาง ท่านตั้งครรภ์แล้ว นางก็ต้องมาเกิดเป็นคนแรก ขอแค่ท่านยังบูชาต่อไป นางก็จะกลับมาอยู่อย่างนั้น” ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างเย็นชา

สะใภ้รองตระกูลหยวนหน้าซีด “แต่ญาติผู้พี่ของข้า…”

“หากของที่นางนำไปบังเอิญเป็นทารกชายเล่า?”

สะใภ้รองตระกูลหยวนตกตะลึง “ทำไมข้าถึงโชคร้ายอย่างนี้”

ฉินหลิวซีเองก็รำคาญแล้ว “บอกมาเถิดว่าวัดหนี่ว์วานั้นมันเป็นอย่างไรกันแน่”

สะใภ้รองตระกูลหยวนสูดจมูก “ข้าแค่ไปไหว้เจ้าแม่ประทานบุตร หลังจากจุดธูปทำบุญเติมน้ำมันตะเกียงแล้ว ก็เลือกตุ๊กตาดินเผาจากหอประทานบุตรมาบูชา และห้ามบอกเรื่องหอประทานบุตรนี้แก่คนภายนอก ไม่อย่างนั้นก็จะไม่ศักดิ์สิทธิ์”

นางหวนนึกถึงเรื่องหอประทานบุตร “ข้าจุดธูปเติมน้ำมันตะเกียงแล้ว ก็ตามผู้วิเศษสือเจินไปที่หอประทานบุตร จากนั้นก็เลือกตุ๊กตาดินเผามาจากใต้รูปปั้นเจ้าแม่ประทานบุตร และต้องแต้มดวงตาจึงจะใช้ได้”

“นอกจากนี้แล้ว ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่”

สะใภ้รองตระกูลหยวนส่ายศีรษะ นางครุ่นคิดเล็กน้อย “ข้าได้ยินญาติผู้พี่ของข้าบอกว่า ตอนที่นางไปขอลูก ยังต้องนั่งสมาธิกับผู้วิเศษสือเจินอยู่อีกตั้งนาน จนนางผล็อยหลับไป จากนั้นจึงส่งนางไปเลือกตุ๊กตาดินเผาที่หอ ข้ากลับไม่ได้นั่งสมาธิ หรือบางทีผู้วิเศษอาจจะเห็นว่าข้าไม่ใช่ผู้มีวาสนากระมัง”

ฉินหลิวซีมือสั่นทันที ในสมองเกิดความคิดหนึ่งขึ้น จึงเอ่ยถาม “ญาติผู้พี่ของท่านหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง”

สะใภ้รองตระหูลหยวนท่าทางอิจฉาอยู่บ้าง “ตอนที่นางยังเป็นสาวถือว่าเป็นสาวงามประจำหมู่บ้าน”

“ผู้วิเศษสือเจินนั่นเป็นนักพรตหญิงหรือ?”

“ถูกต้อง”

ฉินหลิวซีนิ่วหน้า หรือว่านางจะคิดมากไปเอง?

“ไม่มีอย่างอื่นแล้วหรือ”

สะใภ้รองตระกูลหยวนส่ายหน้า “เอาเป็นว่าเรื่องที่เลือกของวิเศษ…เลือกตุ๊กตาดินเผาเป็นเรื่องที่ไม่สามารถบอกคนนอกได้ ไม่อย่างนั้นจะเป็นการเผยความลับสวรรค์ และทำให้เจ้าแม่ประทานบุตรไม่พอใจ และจะไม่ศักดิสิทธิ์”

“มีคนโง่อยู่ทุกปี ปีนี้มากเป็นพิเศษ!” ฉินหลิวซีเยาะหยันเย็นชา

สะใภ้รองตระกูลหยวนหน้าแดงขึ้นมา

เมื่อฉินหลิวซีเห็นว่าไม่สามารถถามอะไรได้แล้ว ก็ไม่ได้อยู่ต่อ

สะใภ้รองตระกูลหยวนเรียกนางไว้อีกครั้ง ก่อนจะชี้ไปที่เอวของนาง “ท่านคิดจะทำอย่างไรกับนางหรือ”

“ย่อมต้องสวดให้วิญญาณนาง จากนั้นก็ส่งนางไปเกิดใหม่” ฉินหลิวซีเหมือนจะยิ้มก็ไม่เชิง “ทำไมหรือ เกิดมีมโนธรรมขึ้นมา ทนไม่ได้แล้ว”

สะใภ้รองตระกูลหยวนเอ่ย “ข้ารู้ว่าท่านดูถูกข้า พวกท่านไม่เข้าใจความยากลำบากของลูกผู้หญิง อย่าไปพูดถึงมันเลย ตอนที่นางเกิดมา ข้าก็อยากจะเก็บนางไว้ ข้าขอร้องบิดาและท่านย่าของนาง แต่ข้าสู้นางไม่ได้”

พอนางพูดจบ น้ำตาก็ไหลออกมา

“ท่านส่งนางไปเกิดใหม่ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็อย่าได้มาเกิดในท้องของคนอย่างข้าอีกเลย อย่าได้มาเกิดที่บ้านเราด้วย มันลำบากเกินไป”

ฉินหลิวซีเงียบไปนาน “แทนที่จะห่วงเรื่องนี้ ท่านห่วงสุขภาพร่างกายของตัวเองจะดีกว่า ข้าขอแนะนำว่าในช่วงที่กำลังพักรักษาตัวไม่กี่ปีนี้ อย่าเพิ่งรีบร้อนจะมีลูก ไม่อย่างนั้นท่านจะต้องตายแน่นอน แต่ถึงอย่างไรสองสามปีนี้ท่านก็ไม่มีทางตั้งครรภ์ได้”

ริมฝีปากสะใภ้รองตระกูลหยวนขยับเล็กน้อย

ฉินหลิวซีเดินออกไปแล้ว เบื้องหลังก็มีเสียงสะอื้นไห้ดังลอยมา สีหน้าของนางไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย แต่น้ำเต้าหยกกลับมีความเคลื่อนไหว

นางตบขวดนั้นเต้าหยกเล็กน้อย ท่านยายหยวนกำลังพูดคุยกับเติ้งฟู่ไฉอยู่ด้านนอก โดยมีชายฉกรรจ์ท่าทางเรียบร้อยขี้อายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ พร้อมกับเด็กผู้หญิงอีกสองคน น่าจะเป็นบุตรชายคนรองตระกูลหยวนและบุตรสาวทั้งสองของเขา

“ท่านปรมาจารย์ ข้าเตรียมของทั้งหมดไว้แล้ว ต้องทำอย่างไรหรือ” ท่านยายหยวนเอ่ย

ฉินหลิวซีเอ่ย “หลังจากเด็กคนนั้นจมน้ำตายแล้ว เอานางไปฝังไว้ที่ไหน”

ท่านยายหยวนชะงักค้างไปเล็กน้อย

“พวกท่านขุดขึ้นมาเอง หากไม่มีโลงศพเล็กๆ ก็แค่ใช้ไหเก็บกระดูกขึ้นมา” ฉินหลิวซีกวาดตามองในลานบ้าน และหันไปเห็นไหดินเผาใบหนึ่ง “ใช้อันนั้นก็ได้”

ท่านยายหยวนรีบหยิบไหขึ้นมาส่งให้บุตรชายนาง “เจ้าไปเถิด”

“ไปด้วยกัน” ฉินหลิวซีกล่าว

ท่านยายหยวนสบตากับบุตรชายคนรอง แล้วเดินไปที่หลังบ้าน

บ้านของพวกเขาอยู่ใกล้ภูเขา ดังนั้นพวกเขาจึงห่อเด็กและฝังไว้หลังบ้าน ฉินหลิวซีเห็นแล้วก็ยิ่งพูดไม่ออก มองดูพวกเขารวบรวมกระดูกชิ้นเล็กชิ้นน้อยนั่นใส่ลงในไหดิน แล้วห่อด้วยผ้าสีแดง ฝังลงไปในหลุมอีกครั้ง สร้างเป็นหลุมศพเล็กๆ ขึ้นมา แล้วให้พวกเขานำเอากระดาษก้อนทอง กระดาษเงิน และธูปเทียนทั้งหมด จากนั้นจึงจะเซ่นไหว้อาหาร

หลังจากทำทั้งหมดนี้ ฟ้าก็มืดลงแล้ว ฉินหลิวซีหันไปมองท่านยายหยวนและบุตรขายคนรองของนาง “ตั้งแต่นี้ไปในช่วงเทศกาลไหว้บรรพบุรุษ และวันครบรอบวันตายของเด็กคนนี้ พวกท่านทุกคนจะต้องมาเซ่นไหว้ จะได้บรรเทาความขุ่นเคืองของนางได้อย่างแท้จริง”

ส่งพระก็ต้องส่งให้ถึงชมพูทวีป ส่งผีก็ต้องส่งให้ถึงที่สุด จึงจะใช้ได้

ท่านยายหยวนเอ่ยถามว่า “ต้องทำไปตลอดเลยหรือ?”

“แน่นอน ถึงอย่างไรนางก็เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว แต่ท่านทำให้นางตาย ก็ต้องชดใช้ความผิดมิใช่หรือ” ฉินหลิวซีเอ่ยเรียบๆ “พวกท่านจะไม่ทำก็ได้ แต่ต่อไปหากพบกับเคราะห์ภัยต่างๆ ก็อย่าได้โทษสวรรค์โทษคนอื่นเลย มันเป็นผลแห่งกรรมทั้งนั้น”

ลมหยินกระโชกแรงผ่านไปทำให้ยอดไม้ส่งเสียงดังกร็อบแกร็บ

ขาของท่านยายหยวนอ่อนแรงลงทันที “ทำ เราจะต้องทำแน่นอน!”