ตอนที่ 271

My Disciples Are All Villains

การปรากฏตัวของเขาได้ทำให้ลู่โจวประหลาดใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าหลี่หยุนเฉาจะมาที่นี่โดยแต่งตัวเป็นขันทีอย่างเป็นทางการ

หลี่หยุนเฉาไม่ได้รีบร้อนที่จะเข้ามาภายในห้อง ตัวเขาเจตนาที่จะหยุดอยู่ที่ด้านหน้า หลี่หยุนเฉาไม่ได้มาเพียงคนเดียวตัวเขายังมีขันทีวัยกลางคนอีกคนเป็นผู้ติดตาม ในที่สุดหลี่หยุนเฉาก็เข้ามาภายในห้อง

ฉินจานรีบพูดออกมา “ท่านผู้อาวุโส คนคนนี้ก็คือคนที่ข้าพูดถึงเอง…”

เมื่อหลี่หยุนเฉาได้ยินแบบนั้นตัวเขาก็หันไปจ้องมองชายชราที่อยู่ตรงหน้า สายตาของทั้งสองคนสบตากัน

หลี่หยุนเฉาได้แต่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่ภายในขอบเขตของพระราชวัง แม้ว่ามันจะเป็นพื้นที่ที่กว้างขวางแต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่เคยเห็นปรมาจารย์ศาลาปีศาจลอยฟ้ามาก่อน นี่เป็นการพบพานกันครั้งแรก แต่ถึงแบบนั้นตัวเขากลับถูกกลิ่นอายของอะไรบางอย่างจากตัวของลู่โจวข่มตัวของเขาอยู่

หลี่หยุนเฉากำลังเผชิญหน้ากับคนที่ไม่ธรรมดา พลังที่แผ่ออกมาจากร่างกายชายชราที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่พลังวรยุทธสุดกล้าแกร่ง มันเป็นพลังของผู้ที่มีสถานะสูงส่งกว่ากำลังแผ่มวลออกมามากกว่า

ความรู้สึกที่ไม่ได้สัมผัสมานานเกิดขึ้นในเสี้ยววิ หลี่หยุนเฉาเคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันเป็นความรู้สึกที่ต้องเจอหน้ากับองค์จักรพรรดินั่นเอง

“เจ้าคือหลี่หยุนเฉาอย่างงั้นหรอ? ” ลู่โจวได้เอ่ยชื่อออกไปตรงๆ

ก่อนที่หลี่หยุนเฉาจะมาที่นี่ ฉินจานไม่ได้บอกอะไรมากนัก เพราะแบบนั้นตัวเขาจึงไม่รู้จักว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าเป็นใครกันแน่

เพราะแบบนั้นตัวเขาจึงไม่กล้าแสดงความโกรธเกรี้ยวออกไป

“ถูกแล้ว”

ลู๋โจวได้จ้องมองไปยังขันทีที่อยู่ตรงหน้าก่อนที่จะเรียกใครบางคนขึ้น “จ้าวยู่”

จ้าวยู่ก้าวไปด้านหน้า นางได้เดินไปข้างๆ ลู่โจวก่อนที่จะพูดออกมา “ค่ะ ท่านอาจารย์”

นางรู้ความหมายของสิ่งที่ผู้เป็นอาจารย์พูดดี นางหันหน้าไปเผชิญหน้ากับหลี่หยุนเฉาก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้าคือคนที่ข้าได้พบในตอนที่อยู่หุบเขาตะวันฟ้าไม่ผิดแน่”

เมื่อหลี่หยุนเฉาเห็นจ้าวยู่ ตัวเขาก็ได้แต่ขมวดคิ้วก่อนที่จะพูดออกไป “เจ้า? “

จ้าวยู่ไม่ได้สนใจอะไร นางเดินกลับไปที่เดิมก่อนที่จะจ้องมองดูผู้เป็นอาจารย์

ลู่โจวได้พูดออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ “พูดออกมาซะ”

หลี่หยุนเฉาได้เผยให้เห็นรอยยิ้มก่อนที่จะคารวะลู่โจว “วันนี้ดูเหมือนว่าข้าจะไม่ได้เตรียมความพร้อมมาให้ดี…ข้าได้รับเชิญจากองค์ชายแห่งพลังให้มาที่นี่เพื่อที่จะมาพบกับผู้อาวุโสคนหนึ่ง ผู้อาวุโสคนนั้นแท้จริงแล้วก็คือปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าที่กำลังอยากทำความรู้จักข้าอย่างงั้นหรอ? ดูเหมือนว่าข้าจะทำให้ท่านไม่พอใจอย่างงั้นสินะ ท่านผู้อาวุโส”

ฉินจานรีบอธิบายออกมา “โปรดยกโทษให้ข้าด้วยที่ทำอะไรไปโดยพลการ”

ลู่โจวโบกมือตอบรับ ตัวเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเรื่องนี้

เมื่อเรื่องทุกอย่างเป็นแบบนี้แล้วหลี่หยุนเฉาจะต้องเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างแล้วแน่ “เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าหมายถึงอะไร ข้าจะไม่ถามคำถามซ้ำสองออกมาหรอกนะ”

บรรยากาศในห้องดูผิดแปลกไปเล็กน้อย หลี่หยุนเฉาได้จ้องไปที่ฉินจาน “ข้ารู้เกี่ยวกับศาลาปีศาจลอยฟ้าดี ข้ายังรู้จักศิษย์ทั้งเก้าของศาลาปีศาจลอยฟ้าอีกด้วย แต่ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าคนจากศาลาปีศาจลอยฟ้าจะมาพบข้าเป็นการส่วนตัวที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ได้ ถ้าหากท่านมีอะไรต้องการที่จะถามไถ่ข้าแล้วล่ะก็ ก็ถามมาได้เลย ข้าจะบอกทุกอย่างที่ข้ารู้เอง”

น้ำเสียงของหลี่หยุนเฉาทั้งสูงและฟังบาดหู น้ำเสียงของเขาเองได้ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง

ลู่โจวพยักหน้าก่อนที่จะถามออกมา “จ้าวยู่มาจากพระราชวังอย่างงั้นหรอ? “

“ใช่แล้ว”

“เจ้าเป็นคนที่ใช้ฝ่ามือหยินแห่งความมืดเพื่อให้ร่างกายของนางติดพิษเย็นสินะ?

“ข้าเป็นคนทำเอง”

“เจ้ามีเหตุผลอะไรกัน? “

หลี่หยุนเฉาไม่ได้ตอบกลับมาในทันที ตัวเขาไม่ได้ตอบทันทีเหมือนกับคำถามก่อนๆ ดูเหมือนคำถามนี้จะเกี่ยวพันกับเรื่องที่สำคัญ…

“ท่านผู้อาวุโส ข้าไม่สามารถพูดเหตุผลได้ ข้าพูดมันไม่ได้…และจะไม่…” หลี่หยุนเฉาได้ตอบกลับมา

เมื่อลู่โจวยกมือขวาขึ้นมา ในตอนนั้นเองทั่วทั้งห้องก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสลัว

ที่ฝ่ามือของเขามันเต็มไปด้วยคลื่นพลังสีฟ้าที่ดูเหมือนกับกระแสน้ำวน

ดวงตาของหลี่หยุนเฉาเบิกกว้าง ตัวเขาได้ถอยหลังกลับไปสามก้าวก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านผู้อาวุโส! “

“ท่านปรมาจารย์! “

ลู่โจวได้ปล่อยพลังฝ่ามือไปที่ด้านหน้า

คลื่นพลังได้ซัดเข้าใส่หลี่หยุนเฉา

ตู๊ม!

สายฟ้าสีม่วงได้พุ่งทะลุเพดานด้านบนมาก่อนที่จะบรรจบกับกระแสคลื่นพลัง

พลังนั่นถูกตัวของหลี่หยุนเฉาไปเต็มๆ!

พลังได้ปะทะเข้ากับร่างกายของหลี่หยุนเฉาไปเต็มๆ แม้แต่พลังหยินแห่งความมืดที่ขันทีคนนี้ภาคภูมิใจก็ยังไม่อาจที่จะป้องกันการโจมตีนี้ได้ หลี่หยุนเฉาได้ถูกกระแทกจนชนเข้ากับลานบ้าน

ที่ด้านบนเพดานมีรูโหว่ปรากฏออกมา

ดูเหมือนจะไม่มีใครเห็นว่าลู่โจวทำการโจมตีออกมา แม้แต่ยอดฝีมือของทางพระราชวังเองก็ยังไม่แม้แต่จะมีโอกาสในการรับมือกับการโจมตีนี้ หลี่หยุนเฉาได้กระเด็นถอยกลับไปที่ด้านหลัง

นี่มันเป็นเพียงแค่พลังฝ่ามือเดียวเท่านั้น! ขันทีติดตามได้เดินตามหาหลี่หยุนเฉาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

หลี่หยุนเฉาล้มลงไปกับพื้น! ที่ริมฝีปากของเขามีรอยเลือดติดอยู่ ขันทีคนนี้ได้หายใจอย่างหอบเหนื่อย ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ในตอนนี้ตัวเขาได้เอามือข้างหนึ่งจับไปที่หน้าอกของตัวเองเอาไว้ ตัวเขาได้ใช้มืออีกข้างพยุงตัวขึ้นมาจากพื้น

ห้องที่เคยเต็มไปด้วยผู้คนกับลานบ้านต่างเงียบสงบ และเพราะเสียงที่เกิดขึ้นทำให้เหล่าผู้คุ้มกันขององค์ชายแห่งพลังรีบกูกันเข้ามา

“ถอยไปซะ! ” ฉินจานได้ตะโกนสั่งการขึ้น

ทหารยามรีบออกไปจากลานบ้านในทันที ใครจะไปเชื่อกันว่าปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าจะเป็นผู้สร้างเรื่องทุกอย่างจากการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว?

หลี่หยุนเฉาไอออกมา ตัวเขาได้พยุงตัวเองขึ้นอย่างช้าๆ แม้ว่าภายนอกของเขาดูสงบแต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัวที่อยู่ในใจ

เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เต็มไปด้วยเหล่ายอดฝีมือ

หลี่หยุนเฉาคิดมาเสมอว่าคงไม่มีใครเอาชนะตัวเขาได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวแบบนี้

“ข้าได้รับบทเรียนแล้ว” หลี่หยุนเฉาได้โค้งคำนับให้ การที่ตัวเขาถูกโจมตีเป็นอะไรที่สมควรที่จะได้รับแล้ว

ฉินจานจำคำถามของตัวเขาเมื่อวานนี้ได้ ตัวเขานึกย้อนไปเมื่อตอนนั้น มันเป็นคำถามที่โง่มาก คนโปรดปรานของอัครมเหสีคนนี้ไม่สามารถต้านทานแม้แต่การโจมตีเพียงครั้งเดียวได้!

ลู่โจวดูสงบเยือกเย็นเช่นเคย พลังคลื่นสายฟ้านี้ถือเป็นบทเรียนเล็กน้อยสำหรับหลี่หยุนเฉา

“พูดออกมาซะ” สีหน้าของลู่โจวยังคงดูสงบ

หลี่หยุนเฉาส่ายหัวของตัวเองออกไปอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าได้ยินมาว่าวิธีการของศาลาปีศาจลอยฟ้ามักจะเป็นวิธีการที่ดูไม่ธรรมดามาโดยตลอด ข้าอยากที่จะประมือกับท่านสักครั้ง ท่านปรมาจารย์ แม้ว่าข้าจะพ่ายแพ้ไปแต่ข้าก็จะยอมรับความพ่ายแพ้นั้นอย่างเต็มใจ แต่พลังสายฟ้านั่นทำให้ข้า…”

หลี่หยุนเฉาได้หยุดพูดต่อไปก่อนที่จะพูดต่อ “ตอนที่องค์หญิงหยุนจ้าวกำลังจะคลอดลูกในคืนที่มีพระจันทร์สีเลือด ในตอนนั้นมันถือเป็นลางร้ายอย่างหนึ่งก็ว่าได้ และเพราะแบบนั้นข้าก็เลยเป็นคนที่รับหน้าที่จัดการกับลางร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น”

คำพูดนี้เป็นข้อมูลอันสำคัญ

จ้าวยู่สั่นไปทั้งตัว ใบหน้าของนางซีดเผือดลงก่อนที่นางจะถามออกมา “องค์หญิงหยุนจ้าวเป็นแม่ของข้าอย่างงั้นหรอ? “

“ถูกต้องแล้ว”

แม้แต่ก้อนหินก้อนเดียวก็อาจจะทำให้เกิดคลื่นนับพันได้

ฉินจาน, พ่อบ้านหง, ขันทีผู้ติดตาม และหยวนเอ๋อที่อยู่ข้างๆ ต่างก็ตื่นตกใจเมื่อได้ยินแบบนั้น

หลี่หยุนเฉาสะบัดเสื้อของตัวเองก่อนที่จะคุกเข่าลงกับพื้น “แม้ว่าท่านจะไม่ได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการจากทางราชวงศ์ แต่ถึงแบบนั้นข้าก็จะแสดงความเคารพต่อท่าน ไม่ว่าจะยังไงข้าก็ขอคารวะให้! “

การโค้งคำนับในครั้งนี้ถือเป็นเครื่องยืนยันตัวตนของจ้าวยู่ได้เป็นอย่างดี

เป็นที่รู้ดีกันอยู่แล้วว่าคนที่กำลังโค้งคำนับอยู่คนนี้เป็นคนสนิทของอัครมเหสี หลี่หยุนเฉา

หลี่หยุนเฉาไม่ได้รอการตอบรับจากจ้าวยู่ ตัวเขาได้ลุกขึ้นมาซะก่อน “องค์หญิงหยุนจ้าวจะต้องจบชีวิตลูกของตัวเองไปทั้งแบบนั้น ข้าเองทนไม่ได้ที่จะเห็นผู้เป็นแม่ลงมือกับผู้เป็นลูกด้วยตัวเอง ข้าเองก็รู้สึกสงสารเด็กแรกเกิดเกินกว่าที่จะลงมือเองได้ ข้าจึงตัดสินใจทิ้งพลังของฝ่ามือหยินแห่งความมืดเอาไว้ในตัวของเด็กคนนั้นแทน” หลี่หยุนจ้าวได้พูดขึ้น ในตอนนั้นลู่โจวก็ได้ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ

ลู่โจวได้เดินไปข้างหน้าโดยที่เอามือไขว้หลังเอาไว้ ตัวเขาได้เดินไปที่หน้าประตูก่อนที่จะพูดออกมา “พระจันทร์สีเลือดอย่างงั้นหรอ? ใครบอกให้เจ้าฆ่านางกัน? “

“เอ่อ…” หลี่หยุนเฉาลังเลอีกครั้ง

“เจ้าจะยังไม่พูดอีกอย่างงั้นสินะ? ” ลู่โจวได้พูดออกมา

“ทำไมท่านถึงต้องทำให้ข้าลำบากใจด้วยท่านผู้อาวุโส? “

“จ้าวยู่เป็นลูกศิษย์ของข้า เจ้ากำลังบอกว่าข้าไม่ควรเรื่องของลูกศิษย์ตัวเองอย่างงั้นสินะ? ” ลู่โจวได้พูดออกมา

หัวใจของจ้าวยู่ที่ได้ยินแบบนั้นรู้สึกปั่นป่วน

“ไม่ใช่ว่าข้าไม่เต็มใจที่จะบอกท่าน แต่นางสนมขององค์จักรพรรดิตั้งใจที่จะทำร้ายองค์หญิงหยุนจ้าวที่ล่วงลับไปแล้ว เพราะแบบนั้นข้าก็เลยตัดสินใจที่จะหยุดเรื่องนี้เอาไว้ไม่ให้ทุกคนได้พูดถึงอีก” หลี่หยุนจ้าวพูดตอบกลับมา

“ข้าได้บอกเหตุผลเจ้าไปแล้ว แต่ถึงแบบนั้นเจ้ากลับไม่รับฟัง น่าเสียดายจริงๆ! ” ลู่โจวได้พูดออกมาพลางลูบเคราของตัวเองไปด้วย

หลี่หยุนเฉาขมวดคิ้ว

แรงระเบิดจากคลื่นพลังสายฟ้าทำให้เกิดความกลัวในใจของขันทีคนนี้ “ข้าประมาทเกินไปจนโดนโจมตีด้วยคลื่นพลังสายฟ้าเมื่อครู่นี้…ท่านคิดว่าข้าเองจะไม่มีไม้ตายที่เก็บซ่อนเอาไว้อย่างงั้นสินะ? ท่านคิดว่าข้าคนนี้ใช้ชีวิตอยู่ในพระราชสำนักมานานกว่าหลายปีได้ยังไงกันล่ะ? ข้ารู้ดีว่าศาลาปีศาจลอยฟ้าแข็งแกร่งมากแค่ไหน…แต่ท่านบีบบังคับข้าไม่ให้มีทางเลือกเอง”

ร่างกายของเขาร้อนขึ้นเพราะพลังลมปราณ มันเป็นพลังที่ควบแน่นโดยธรรมชาตินั่นเอง