บทที่ 333 พรรคพวกองค์ชายสามแตกคอ

ทางด้านนี้ หลังจากเอี๋ยนเฉาเก็บหลักฐานยืนยันสิ่งที่ยึดมาได้และหนังสือเลือดแล้วก็ขึ้นหลังม้าทันที ก่อนจะพาอาควนกลับเมืองหลวงเพื่อไปเอาเงิน แม้แต่สารรูปก็ยังไม่ได้จัดการให้เรียบร้อย

ดีใจจนน้ำลายแทบจะไหลลงมาอยู่แล้ว!

ส่วนในห้องขังก็คึกคักมากทีเดียว พวกเขาทนหิวมาหนึ่งวันแล้ว เพราะไม่ได้กินข้าวกินน้ำ ทั้งยังต้องคัดสมุนไพรตะกร้าแล้วตะกร้าเล่าที่ส่งเข้ามา ทำงานไม่หยุดยังไม่เท่าไร แต่นี่ยังไม่ได้กินข้าวอีกด้วย!

แม้พวกเขาจะไม่เคยเป็นเชลยมาก่อน แต่การถูกปฏิบัติเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถอดทนจนคนในครอบครัวมาช่วยพวกเขาได้หรือไม่!

เมื่อคิดได้ดังนั้น พวกเมิ่งเยี่ยนก็ทำการคัดสมุนไพรอย่างเอาเป็นเอาตาย

ส่วนทางด้านเสี่ยวลิ่วจื่อนั้นเสร็จงานแล้ว ที่เหลือก็แค่รอพวกแม่นางจี้เอาตัวเชลยที่เหลือมาสมทบ จากนั้นก็ให้เอี๋ยนเฉานำเงินมาไถ่คน เวลานี้จึงว่างจนรากแทบจะงอกออกมาอยู่แล้ว

เขาจึงสั่งให้คนยกโต๊ะ ย้ายไปกินข้าวในห้องขัง

เฮอะ แม้จะไม่ใช่อาหารที่แม่นางจี้ทำเองกับมือ แต่ว่าอาหารที่ภัตตาคารของคุณหนูใหญ่ส่งมาก็เรียกได้ว่าหอมฉุย รสชาติเข้มข้น! เนื้อสัมผัสกำลังดี พวกเขากินจนปากมันแผล็บไปหมด

“อันนี้เผ็ดสะใจ เหมือนที่แม่ข้าทำให้กินตอนเด็ก ๆ ไม่มีผิด”

“เจ้าลองชิมอันนี้ด้วยสิ อันนี้เคี้ยวหนึบหนับ อร่อยกว่าของเราเยอะเลย!!”

ท้องของเมิ่งเยี่ยนส่งเสียงร้องออกมา เสี่ยวลิ่วจื่อดื่มเหล้าไปหนึ่งอึก ก่อนจะจ้องเขาแล้วเอ่ยขึ้น “ทำงานเสร็จแล้วหรือ ถึงอยากจะกินน่ะ?”

พวกเขาล้วนเป็นคุณชาย เคยปล่อยให้ท้องหิวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน แค่ไม่กินมื้อหนึ่งทั้งสาวใช้และคนรับใช้ต่างก็ต้องคุกเข่าขอร้องพวกเขา อาหารที่สิ้นเปลืองไปนั้นเพียงพอที่จะช่วยชีวิตได้อีกกี่ครอบครัวก็ไม่รู้

ทว่าต่อให้ตายก็คิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งจะถูกคนต่ำต้อยเช่นนี้เย้ยหยัน ว่าอยากกินอาหารของพวกเขา

เมิ่งเยี่ยนเบือนหน้าหนีทันที ต่อให้หิวตายพวกเขาก็ไม่กิน

จ้าวเหนียนกลับกลืนน้ำลายลงคอ วางท่าของคุณชายตระกูลใหญ่ “พวกเจ้าลักพาตัวพวกเรามา คงไม่ได้ต้องการฆ่าพวกเราเพื่อทำงานให้เสร็จหรอกกระมัง ในเมื่อต้องการไถเงินจากครอบครัวของพวกเรา ก็ต้องแน่ใจว่าพวกเราปลอดภัยดี นี่อะไร แม้แต่ซาลาเปาสักลูกก็ไม่มีอย่างนั้นหรือ?”

“เห็นพวกเราเป็นคนแบบนั้นหรือ เป่ยป้าเทียนขึ้นชื่อเรื่องการปฏิบัติต่อเชลยอย่างดี เห็นอาหารมากมายตรงนั้นหรือไม่ พวกเจ้าเพียงแค่ทำงานให้เสร็จ ใครทำงานได้เยอะที่สุดก็จะมีของให้กิน มัวพูดพล่ามอะไรอยู่ อาหารเย็นแล้วจะมาโทษข้าไม่ได้นะ?!”

ทั้งสามคนต่างมองไปยังอาหารที่เย็นชืดตรงมุมห้องเป็นตาเดียวกัน มีเนื้อตุ๋นน้ำแกง แม้ว่าจะเย็นแล้วแต่สีสันมันวาวนั่น ดูน่ากินกว่าภัตตาคารใหญ่ในเมืองหลวงเสียอีก ยังมีผักกวางตุ้งนั่นอีก ยอดอ่อน ๆ ดูก็รู้ว่าสดใหม่ บนข้าวนั่นยังโรยงาดำเอาไว้อีกด้วย นี่มัน… นี่มันห้องขังจริงหรือ!?

จะให้พวกเขากินจริงหรือ?

ทันใดนั้นทั้งสามคนก็เกิดความรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีขึ้นมา

“ไม่ทำงานก็ช่างเถอะ เอาอาหารออกไปให้หมากิน!”

“ช้าก่อน ก็กำลังทำอยู่นี่อย่างไรเล่า พวกเราไม่เคยทำมาก่อน แต่อีกเดี๋ยวก็จะเสร็จแล้ว”

เสี่ยวลิ่วจื่อเห็นพวกเขาจู่ ๆ ก็ออกแรงคัดอย่างเอาเป็นเอาตายก็ส่ายหัว คนเราย่อมต้องกินข้าว คนไม่กินข้าวอาจตายได้~~

เอี๋ยนเฉาเองก็ไม่รอช้าเช่นกัน ทันทีที่เขามาถึงเมืองหลวงก็ไม่แม้แต่จะทักทายใคร ๆ พลางใช้กลยุทธ์จับโจรให้จับหัวหน้าก่อน ไปถึงก็ร้องโหยหวนที่หน้าประตูของตระกูลเมิ่งทันที

เดิมตระกูลเมิ่งสองวันมานี้ก็กลัวจนหัวหดอยู่แล้ว จึงปิดประตูไม่ต้อนรับแขก คนในจวนล้วนกำลังรอข่าวอย่างเงียบ ๆ แต่ใครจะไปคิดว่าคนเฝ้าประตูจะกลับมารายงานเช่นนี้ ว่าคุณชายของตระกูลแม่ทัพทหารเอี๋ยนที่มักจะไปเที่ยวเป็นเพื่อนกับนายน้อยบ่อย ๆ จะมาล้มพับอยู่ที่หน้าประตูบราวนี่ออนไลน์

นี่มันเรื่องอะไรกัน

พวกเขาจึงส่งเด็ก ๆ ในจวนออกไปดู เดิมคิดจะไปแจ้งข่าวให้ตระกูลเอี๋ยนทราบ กลับได้ยินเอี๋ยนเฉาตะโกนออกมาจากห้องรับแขกว่าหากไม่รีบไป ร่างของเมิ่งเยี่ยนก็จะเย็นแล้ว

ประโยคนี้ทำให้บรรดาสตรีในตระกูลเมิ่งที่มาคารวะฮูหยินผู้เฒ่าตกใจจนนิ่งงัน

“อะไรนะ โจรภูเขา? เป่ยป้าเทียนถูกจับไปแล้วมิใช่หรือ?”

เดิมเอี๋ยนเฉาคิดที่จะแคะจมูก แต่สถานการณ์ไม่ค่อยเหมาะเขาจึงเอ่ยพร้อมกับร้องไห้ออกมา “ก็ใช่น่ะสิขอรับ ใครจะไปคิดว่าเป่ยป้าเทียนนั่นจะยังอยู่อีก ครั้งนี้ตระกูลของพวกท่านขนของออกไปมากมายเพียงนั้น ข้าเห็นหมดแล้ว กองอยู่ตรงนั้น พี่เมิ่งถูกตีมือตีเท้าจนหักและถูกขังอยู่ในคุกน้ำ สถานการณ์ของพี่น้องคนอื่น ๆ ก็ไม่สู้ดีเหมือนกันนะขอรับ”

“เช่นนั้นเจ้าออกมาได้อย่างไร?” พ่อของเมิ่งเยี่ยนถามออกมา

เอี๋ยนเฉาเอ่ยพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย “ข้าก็ไม่รู้ขอรับ พวกมันคงเห็นว่าข้ากับพี่เมิ่งเยี่ยนรู้จักกันและไม่ได้ขนของอะไรไป จึงให้ข้ากลับมาแจ้งข่าวกับพวกท่าน ข้ายังต้องรีบกลับบ้านอีก ท่านลุงเมิ่ง ในเมื่อท่านรู้เรื่องแล้ว หนังสือเลือดก็อยู่นี่แล้ว ตระกูลอื่นข้าก็จะไม่ไปรายงานแล้วนะขอรับ กว่าข้าจะรักษาชีวิตให้รอดมา ข้าจะ…”

“ช้าก่อน! หลานชาย ในเมื่อเจ้าเสี่ยงอันตรายมาแจ้งข่าวให้ตระกูลข้า คิดว่าคงเป็นเพราะจดจำมิตรภาพระหว่างเมิ่งเยี่ยนกับเจ้าในอดีตได้กระมัง เช่นนั้นขอเชิญหลานชายนั่งลงก่อน เพราะเรื่องของเป่ยป้าเทียนคงต้องวางแผนกันให้ดี!”

เอี๋ยนเฉาหัวเราะเยาะอยู่ในใจ เจ้าคงกลัวว่าหากปล่อยข้ากลับบ้านไปแล้วข้าจะเอาเรื่องนี้ไปโพนทะนากระมัง เจ้าคงไม่มีความกล้าเช่นนั้นแน่บราวนี่ออนไลน์

“แต่…แต่ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้นนะขอรับ”

“นั่งลงเถอะ!”

คนตระกูลเมิ่งต้องรวบรวมเงินสามแสนตำลึงในเวลานี้ นี่ไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ! ต่อให้ขายบ้านขายที่ดินทั้งหมดก็ตาม จากนั้นก็จะไม่มีเงินไปซื้อข้าวสารและสมุนไพรในช่วงนี้อีก

เรื่องที่สำคัญกว่าก็คือต้องรีบรายงานให้องค์ชายสามทราบโดยเร็วที่สุด และตรวจสอบว่ามีใครปล่อยข่าวออกไปหรือไม่

ไม่ว่าอย่างไรเมิ่งเยี่ยนก็เป็นลูกชายภรรยาเอก ตระกูลอื่น ๆ เองก็ล้วนให้พวกลูกหลานไปจัดการ หากมีคนใดตายไปก็ยากที่จะอธิบายได้

เวลานี้องค์ชายสามเซี่ยเซวียนเองก็กำลังกระวนกระวายใจอยู่เช่นกัน

จู่ ๆ ก็มีราชครูบ้าบออะไรนั่นโผล่มา อยู่ดี ๆ ก็มีคนมากมายยกย่องเขาไปทั่ว นี่มันประหลาดเกินไปแล้ว

ทั้ง ๆ ที่เขาเตรียมการเอาไว้อย่างดีแล้วแท้ ๆ หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมจะทำให้เสด็จพ่อและเหล่าราษฎรเห็นว่าเขาเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ในอนาคตที่สามารถพึ่งพาได้

แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็มีข่าวบอกว่าเขาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะเป็นองค์รัชทายาทออกมา!

เสด็จพ่อเองตอนนี้ก็ทรงพระประชวรเจ็บออด ๆ แอด ๆ นี่ไม่เท่ากับเป็นการบอกว่าเขาอยากจะได้บัลลังก์หรอกหรือ!?

ตอนที่คนตระกูลเมิ่งมารายงาน เซี่ยเซวียนถึงกับหักพู่กันทิ้งทันที “เป่ยป้าเทียน? เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นเป่ยป้าเทียนแน่ พวกท่านปล่อยให้ข่าวรั่วไหลออกไปเองหรือไม่? เช่นนั้นตระกูลใดบ้างที่ออกเงิน?”

“องค์ชายสาม นี่มันเรื่องอะไรกันพ่ะย่ะค่ะ พวกเราไหนเลยจะกล้าพูดมาก ต่อให้รู้ก็รู้แค่ว่าจะมีการโก่งราคาข้าวสารเท่านั้น หาได้รู้เรื่องภายในไม่”

เซี่ยเซวียนเองก็คิดว่าพวกเขาไม่กล้าทำเช่นกัน

“ข้าจะให้คนไปสืบข่าวที่ตำบลฉาซู่ พวกท่านอยู่เฉย ๆ เอาไว้ก่อน”

สืบข่าว? เช่นนั้นต้องรอถึงเมื่อใดกัน

“แต่โจรภูเขาพวกนั้นบอกว่าพรุ่งนี้เช้าหากไม่เห็นเงินสามแสนตำลึง จะมีคนตายวันละคน”

“เช่นนั้นคนที่ตายก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเมิ่งเยี่ยน!”

แต่หากว่าใช่เล่า!

คำพูดของพ่อเมิ่งเยี่ยนติดอยู่ในลำคอ เขามองหน้าองค์ชายสามนิ่ง ๆ แต่กลับพูดอะไรไม่ออก

ตระกูลเมิ่งเป็นบ้านพ่อแม่ของเต๋อเฟย หลายปีมานี้สนับสนุนองค์ชายสามมาโดยตลอด พวกเขาสองคนแม่ลูกมีวันนี้ได้เป็นเพราะการทุ่มเทแรงกายแรงใจของคนตระกูลเมิ่ง แต่หากองค์ชายสามเลือกจะสละเรือเพื่อรักษาขุนพล* เช่นนั้นก็ไม่ใช่การทำร้ายจิตใจของคนแค่ตระกูลเดียวแล้ว

* สละเรือเพื่อรักษาขุนพล (弃车保帅) หมายความว่า เสียสละส่วนน้อย เพื่อรักษาส่วนใหญ่ไว้

เซี่ยเซวียนเองก็รู้ว่าพูดแรงเกินไป จึงปรับน้ำเสียงเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น “ท่านลุง ท่านอย่าคิดมากไปเลย ข้ากลัวว่าจะเป็นหลุมพรางของคนอื่น แต่ข้าจะรีบให้คำตอบท่านนะขอรับ”

“องค์ชายสาม ได้ยินประโยคนี้ของพระองค์ กระหม่อมก็สบายใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

สบายใจ จะสบายใจได้อย่างไรกัน เพราะความบาดหมางเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่มีทางจางหายไปง่าย ๆ

แผนการในตอนนี้ทำได้เพียงช่วยตัวเอง! และต้องรีบหาเงินไปช่วยชีวิตคนก่อน แต่ที่เจ็บใจที่สุดก็คือเรื่องพวกนี้ แม้แต่แจ้งทางการก็ทำไม่ได้

.