ตอนที่ 424 ถ้าทับตาย ข้ารับผิดชอบเอง

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 424 ถ้าทับตาย ข้ารับผิดชอบเอง

ภายใต้ค่ำคืนที่มีแสงจันทร์อันหาได้ยากในฤดูหนาว นานๆ ทีเรือนห่างไกลของฉินหลิวซีจะคึกคักเช่นเดียวกับในคืนนี้

บนกำแพงมีผีชายหญิงสองคนเฝ้าดูหนึ่งปีศาจหนึ่งโสมต่อสู้กันพัลวัน ขณะค่อยๆ หยิบเทียนขาวเล่มหนึ่งออกมาเคี้ยวอย่างเงียบๆ

ผีผู้หญิงถามว่า “เจ้าคิดว่าใครจะแพ้”

ผีผู้ชายเอ่ยตอบ “ยังต้องสงสัยอีกหรือ ปีศาจโสมน้อยเป็นเพียงทารกฟันไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม จะสู้จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ได้อย่างไร”

“ก็จริง ข้าเห็นว่าปีศาจโสมน้อยคงจะจบเห่ในไม่ช้าก็เร็ว” ผีผู้หญิงส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ

รากของปีศาจโสมน้อยถูกดึงขาดอีกหนึ่งเส้น มันนั่งก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น ร้องไห้จ้า “ฮือๆ รังแกโสมเกินไปแล้วนะ!”

มันมีชีวิตแบบไหนกันแน่?

ฉีหวงปรากฏตัวได้ถูกเวลา เมื่อเขาเห็นสวนสมุนไพรสภาพเละเทะ นางก็อุทานออกมาทันที

“เสี่ยวฉีหวง ข้าคิดถึงเจ้ามากเลย!” พอปีศาจจิ้งจอกเห็นฉีหวง ก็ผายมือออกแล้วพุ่งเข้าหา

ฉีหวงหลบเขา รีบไปที่สวนสมุนไพร หยิบหญ้าวิญญาณราตรีขึ้นมาแล้วเอ่ยด้วยความเสียใจว่า “พวกเจ้ากำลังจะตายแล้ว”

ปีศาจจิ้งจอกเพิ่งจะตระหนักได้ และมองไปที่สวนสมุนไพร ขนเงาๆ บนตัวมันชี้ตั้งขึ้นทันใด จบเห่แน่

ปีศาจโสมน้อยเองก็กวาดตามองและฟ้องทันทีว่า “พี่ฉีหวง มันเป็นคนทำ ไม่รู้ว่าปีศาจจิ้งจอกมาจากไหน ไม่พูดไม่จา ก็ลงมือทันที แถมยังแย่งผลของข้าไปด้วย เดิมทีข้าคิดจะให้ท่านด้วยผลหนึ่ง”

ข้าจะฟ้องและใส่ไข่ใส่สีจนให้เจ้าตายไปเลย!

ปีศาจจิ้งจอกจ้องมองเขา “เจ้ายังเด็กมากเอาชนะข้าไม่ได้แล้วยังจะฟ้องอีก ถุย!”

ฉีหวงหันกลับมามองมัน แล้วเอียงศีรษะ “เถ้าแก่เฟิงท่านกลับมาแล้วหรือ”

“เจ้าเพิ่งเห็นข้าหรือ ใจเจ้าเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ปีศาจโสมตัวน้อยนี้ล่อลวงเจ้าหรือไม่” ปีศาจจิ้งจอกกลายร่างเป็นชายหนุ่มหล่อเหลาและชั่วร้ายในชุดสีแดง

ถ้าไม่ใช่เฟิงซิว เถ้าแก่ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะจะเป็นใครได้อีก?

ปีศาจโสมน้อยปิดปากด้วยรากที่เหลืออยู่ ดวงตาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา

มันรู้ว่าปีศาจจิ้งจอกตัวนี้มีพลังบำเพ็ญแก่กล้า แต่ไม่รู้ว่าเขาจะแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ด้วย?

“เจ้าแปลงร่างได้แล้ว ใครสรรเสริญอวยพรให้เจ้าหรือ” ปีศาจโสมน้อยถามอย่างอิจฉา

หากปีศาจต้องการกลายร่างเป็นมนุษย์ นอกเหนือจากการบำเพ็ญจนถึงระดับหนึ่งแล้ว ยังต้องให้ผู้อื่นสรรเสริญด้วย เช่นเดียวกับหวงต้าเซียนเมื่อบรรลุถึงระดับสมบูรณ์แล้ว เขาก็ออกตามหาผู้มีวาสนาต่อกันเพื่อขอคำสรรเสริญอวยพร เมื่อสำเร็จก็สามารถกลายร่างได้

เถ้าแก่เฟิงกลอกตาใส่เขา “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า”

ปีศาจโสมตัวน้อยเบ้ปาก “เจ้าไม่บอกข้าก็รู้ จะต้องเป็นจอมมารฉิน ปรมาจารย์สรรเสริญอวยพรให้เจ้าแน่ เจ้าแย่แน่ ผลสีแดงๆ บนหัวข้านางอยากได้มานานแล้ว เจ้าเด็ดมันออกมาหมด เจ้ามันเนรคุณ”

“งี่เง่า” เถ้าแก่เฟิงแบมือออก กลางฝ่ามือมีผลไม้สีแดงสี่ผล เขาหยิบขวดหยกออกมาแล้วใส่ทั้งหมดลงไป ปิดผนึกกลิ่นหอมของผลไม้

จากนั้นเขาก็หยิบรากโสมเส้นหนึ่งขึ้นมาจากพื้น ร่ายอาคมปีศาจ และยัดรากโสมสะอาดเข้าไปในปากของตนทันที

หมับๆๆ

ปีศาจโสมน้อยเงยหน้าขึ้นแล้วตะโกน “เจ้ามันไม่ใช่มนุษย์ เจ้ามันปีศาจชั่วร้าย!”

เฟิงซิวเยาะ ก่อนจะหันกลับมาแล้วเห็นฉีหวงเหมือนจะยิ้มให้เขาก็ไม่เชิง เขาจึงยิ้มให้ “คือว่า…”

“ข้าหวังว่าจะเห็นสวนสมุนไพรแห่งนี้เรียบร้อยก่อนที่คุณหนูจะกลับมา ไม่อย่างนั้นท่านก็ไปอธิบายให้นางฟังเอาเอง” ฉีหวงเอ่ย

เฟิงซิวเหลือบไปมองสวนสมุนไพรที่ยุ่งเหยิงก็รู้สึกร้อนตัวเล็กน้อย เขาถามว่า “นางเล่า?”

เขามานานแล้ว นางก็ยังไม่ปรากฏตัวซึ่งไม่ปกติ

“นายท่านไปหมู่บ้านเจ่าจือแล้ว” ฉีหวงหยิบสมุนไพรที่ถูกเหยียบย่ำขึ้นมาอย่างปวดใจ ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเจ้าไม่รู้จักกาลเทศะจริงๆ สมุนไพรพวกนี้คุณหนูเป็นคนปลูกเองกับมือเลยนะ”

เฟิงซิวลูบจมูกอย่างทำตัวไม่ถูก พลางขึงตามองปีศาจโสมน้อยที่ทำเป็นไร้เดียงสา “ยังไม่เก็บกวาดอีกหรือ อยากตายสินะ?”

ปีศาจโสมน้อย “!”

ทุบตีโสมแล้วยังมาใช้มันอีก ยังสมเหตุสมผลอยู่หรือ

แต่เมื่อนึกถึงความโหดร้ายของฉินหลิวซี มันก็ตัวสั่นสะท้านขึ้นมาอีก กอด ‘ร่างพิการ’ ของมันไว้ และเริ่มช่วยเก็บกวาด

ฉีหวงวางสมุนไพรที่มีรากหักไว้ข้างๆ และสั่งเฟิงซิว “เจ้ามีหน้าที่ฟื้นฟูรากและปลูกลงใหม่อีกครั้ง”

เฟิงซิว “ข้าเป็นถึงจิ้งจอกเก้าหางผู้ยิ่งใหญ่ ให้ข้าฟื้นฟูสมุนไพรเช่นนี้มันจะไม่เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรหรอกหรือ…”

“คุณหนูเป็นคนปลูก”

เฟิงซิว “ข้าทำ ให้ข้าทำเอง”

ฉีหวงพยายามกดข่มรอยยิ้มไว้

ไม่ว่าจะเป็นปีศาจใหญ่มาจากไหน ต่อหน้าคุณหนูของนางก็แค่ลูกแมวตัวหนึ่งเท่านั้นมิใช่หรือ

เฟิงซิวจับปีศาจโสมน้อยไว้และฟื้นฟูสวนสมุนไพรให้กลับสู่สภาพเดิม จากนั้นเขาก็ถามเรื่องหมู่บ้านเจ่าจือ เพียงแวบเดียวก็หายไปจากลานบ้าน

ไปหานาง

เมื่อเห็นว่าเขาจากไปแล้ว ปีศาจโสมน้อยก็ถามฉีหวงด้วยท่าทางน่าสงสาร “จิ้งจอกหลงตัวเองนั่นเป็นมาอย่างไรหรือ”

“ว่ากันว่าเขาเป็นจิ้งจอกปีศาจที่บำเพ็ญเพียรอยู่ที่ภูเขาเทียนซาน ขณะที่กำลังจะกลายร่างก็ได้พบนายท่าน และนายท่านเป็นคนสรรเสริญอวยพรเขา ทั้งยังใช้บุญช่วยให้เขาพ้นทัณฑ์อสุนีบาตด้วย” ฉีหวงเอ่ย

ปีศาจโสมน้อยได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย

ฉีหวงเอ่ย “เจ้าก็ตั้งใจบำเพ็ญให้มากเถิด เมื่อเจ้ากลายร่าง นายท่านจะต้องช่วยสรรเสริญอวยพรเจ้าแน่”

ปีศาจโสมน้อยเริ่มตื่นเต้นและรอคอย

ด้วยพลังปีศาจของเฟิงซิว ยังไม่ทันถึงเวลาชั่วก้านธูปเขาก็ไปหมู่บ้านเจ่าจือได้

แต่เมื่อเขาเข้าใกล้หมู่บ้านเจ่าจือ เขาก็เก็บงำพลังบำเพ็ญของตน เมื่อเห็นว่าฟ้ายังไม่สว่าง ก็ยังไม่เข้าไปในหมู่บ้าน เพียงหาที่ในป่าเพื่อบำเพ็ญ

เหอะๆ รอให้ฟ้าสว่างก่อน อำนางสักหน่อย

เฟิงซิวหลับตาลง

เวลาผ่านไปท้องฟ้าก็ค่อยๆ สว่างขึ้น ฉินหลิวซีและเถิงเจาเดินพลังปราณในร่างก่อน จากนั้นจึงไปกินข้าวเช้าที่จัดมาเต็มโต๊ะ และเตรียมตัวไปวัดหนี่ว์วา

ฉินหลิวซีรับมันมาโดยไม่เกรงใจ และเก็บมันไว้ในอกเสื้อโดยไม่ได้ดูจำนวนเงินบนตั๋วเงินในซองแดงด้วยซ้ำ

เติ้งฟู่ไฉบอกกำชับบุตรชายคนโตว่า “ส่งท่านอาจารย์ไปถึงวัดหนี่ว์วาดีๆ แล้วคอยปรนนิบัติข้างกายด้วย จากนั้นค่อยพาท่านไปส่งให้ถึงเมืองหลี ไม่ต้องกลัวสิ้นเปลืองเงินทอง”

เติ้งต้าอู่ตอบ “ไม่ต้องห่วง ข้าจะส่งท่านอาจารย์กลับไปอย่างแน่นอนขอรับ”

เติ้งฟู่ไฉจึงนำภรรยาและบุตรสาวมาร่ำลาฉินหลิวซี

รถม้าขับออกจากหมู่บ้านเจ่าจือ มุ่งหน้าไปยังเมืองหลิง หลังจากออกเดินทางไปได้ไม่นาน จู่ๆ นางก็ลืมตาขึ้นและถอนหายใจ

“ท่านอาจารย์?” เถิงเจามองนางด้วยท่าทางสงสัย

ฉินหลิวซียกมือขึ้น

จากนั้นเติ้งต้าอู่จึงรั้งบังเหียน ดึงม้าที่กำลังวิ่งให้หยุดพลางส่งเสียงสั่งให้ม้าหยุด เขาตกใจจนหน้าซีดขณะมองดูชายชราที่ไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้วข้างหน้า

“โอ๊ยๆ ข้าจะถูกชนตายแล้ว เจ้าขับรถม้าอย่างไรนี่” ชายชรานอนอยู่บนพื้นและร้องโอยโอยด้วยความเจ็บปวด

ฉินหลิวซีถามว่า “มีอะไรหรือ”

เติ้งต้าอู่หันหน้ากลับมาด้วยท่าทางตื่นตระหนก เอ่ย “ท่านอาจารย์ จู่ๆ ก็มีชายชราโผล่มาจากไหนไม่รู้ ข้าบังคับม้าไม่ทัน ชนเขาเข้า จะทำอย่างไรดีขอรับ”

ฉินหลิวซีหรี่ตาลง มองผ่านเพลารถม้า จนสายตาไปหยุดอยู่ที่ชายคนหนึ่งที่นอนอยู่ข้างหน้าม้า ก่อนจะส่งเสียงหยันออกมา “ไม่เป็นไร แค่สร้างสถานการณ์คิดจะเรียกร้องค่าเสียหายน่ะ เจ้าขับหลบไป ถ้าทับตาย ข้ารับผิดชอบเอง!”

เติ้งต้าอู่มองนางด้วยความตกใจ “?”

เถิงเจาเองก็หันไปมองฉินหลิวซี แล้วมองคนที่อยู่บนพื้น รู้จักหรือ

ชายชราที่ยังคงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดบนพื้นหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกระโดดเด้งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วพุ่งเข้ามาชี้หน้านาง “เอ๊ะ นักพรตน้อยนี่ เป็นนักบวชแท้ๆ เหตุใดยังฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเล่า”

ฉินหลิวซีโผล่หน้าออกมา และเผยรอยยิ้มที่อาจเรียกได้ว่าชั่วร้ายนัก “ข้าไม่เพียงแต่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเท่านั้น แต่ยังรับฝังศพสวดส่งวิญญาณด้วย บริการครบวงจร ค่าบริการไม่สูง รีบลงไปนอนข้างหน้าสิ ข้าจะทับท่านเอง รับรองว่าจะได้ไปเกิดใหม่ในที่ดีๆ แน่!”

ชายชรา “…”

ปากร้ายนัก!