บทที่ 337 ยกหินทุ่มเท้าตัวเอง

บทที่ 337 ยกหินทุ่มเท้าตัวเอง

ณ หมู่บ้านเกษตรบริเวณชานเมืองห่างจากเมืองหลวงของหนานจ้าวออกไปไม่ไกล องครักษ์เงาที่สวมชุดดำผู้หนึ่งพุ่งเข้าไปในลานบ้านหลังหนึ่ง

“ฝ่าบาท กองทหารรักษาการณ์ห้าแสนนายถูกเคลื่อนย้ายออกจากเมืองหลวงของหนานจ้าว ตอนนี้การป้องกันเมืองหลวงหละหลวมมากพ่ะย่ะค่ะ”

หนานกงสือเยวียนหันหลังให้เขา น้ำเสียงลุ่มลึกเย็นชาตรัสว่า “เคลื่อนย้ายกำลังพลห้าแสนนายเช่นนี้ เชื้อพระวงศ์หนานจ้าวโฉดเขลาเบาปัญญา เหตุใดมหาปุโรหิตผู้นั้นก็ไม่มีสมองไปด้วยอีกคน”

มองอย่างไรก็รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสงสัย “เพราะอะไร”

องครักษ์เงาเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “จะว่าไปแล้วก็เกี่ยวกับฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

หนานกงสือเยวียนหันกลับมา เกี่ยวกับเขาหรือ

“ไม่รู้ว่าผู้ใดส่งข่าวออกมาว่าฝ่าบาท ฝ่าบาท…”

“ข้าตายแล้ว?”

หนานกงสือเยวียนเอ่ยขึ้นอย่างรู้ทัน

องครักษ์เงาก้มหน้าไม่กล้าเอ่ยคำ แต่ก็เท่ากับว่ายอมรับกลาย ๆ

หนานกงสือเยวียน “…”

“แค่นี้พวกเขาก็เชื่อด้วยหรือ”

องครักษ์เงาตอบ “พ่ะย่ะค่ะ เพราะเหตุนี้จึงเคลื่อนย้ายทัพใหญ่ห้าแสนนาย หมายจะใช้โอกาสนี้บุกยึดต้าเซี่ย”

หนานกงสือเยวียนเงียบไปชั่วครู่ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อิ่งอี เจ้าไปเคลื่อนย้ายกองกำลังที่เชี่ยวชาญการจู่โจมเร็วมาที่นี่”

โอกาสมาถึงแล้ว หากเขาไม่ทำอะไรเลยก็ออกจะเป็นการไม่ให้เกียรติผู้อื่นเกินไป

คิดไม่ถึงเลยว่าความเข้าใจผิดคราวก่อนจะทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ตามมา

หนานจ้าวไม่ใช่อาณาจักรใหญ่โตอะไร ประชากรมีจำกัด อีกทั้งเขายังรบชิงเมืองมาได้หลายแห่งแล้ว ด้วยเหตุนี้ ผู้ปกครองของหนานจ้าวจึงถูกเรียกเพียงว่ากษัตริย์หนานจ้าว

ที่หนานจ้าวยังดำรงอยู่ได้ล้วนเป็นเพราะสภาพภูมิประเทศและวิชาหนอนคุณไสยที่แพร่หลายอยู่ที่นี่

ผู้ปกครองทุกยุคทุกสมัยรังเกียจศาสตร์ชั่วร้ายนี้และพยายามปราบปรามมาโดยตลอด แน่นอนว่านั่นไม่รวมผู้ปกครองที่เป็นทรราช

เพราะตอนที่คนพวกนั้นยังอยู่ได้ทำร้ายผู้คนไปมาก สุดท้ายบ้างถูกจับเป็น บ้างถูกจับตาย บ้างถูกสังหาร กากเดนส่วนหนึ่งหนีเอาชีวิตรอดมาถึงหนานจ้าว

แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาใช้ชีวิตเหมือนคนตายมาหลายปี ทว่าก็ยังไม่รู้จักหลาบจำ ครั้นบำรุงกำลังจนเข้มแข็งแล้วก็เริ่มเข้ามาก้าวก่ายการเมือง

ช่างสอดรับกับคำกล่าวที่ว่า ‘ไม่ถอนรากถอนโคนวัชพืชให้หมดสิ้น ลมวสันต์โชยกลับพลิกฟื้น’

ณ วังหลวงของหนานจ้าว

เสี่ยวเป่าที่ไม่ได้รู้เลยว่าบิดามาตามหาตนเองแล้ว ยามนี้กำลังจดจ่ออยู่กับการสู้รบตบมือกับอาหารตรงหน้า แต่ทันใดนั้นกลับถูกคนพาดพิงถึงเสียได้

“ซื่อจื่อหวงลูกสาวเกินไปแล้ว เข้าวังครั้งแรกก็ให้พวกองค์ชายองค์หญิงพานางไปเล่นด้วยกันเถอะ”บราวนี่ออนไลน์

เสี่ยวเป่ายังเข้าไม่ถึงบทบาทที่ตนเองสวมอยู่ เจียงอู๋ฮ่วนก็กระทุ้งแขนนางเบา ๆ ถึงค่อยรู้สึกตัวบราวนี่ออนไลน์

พูดถึงนางหรือ

เจียงอู๋ฮ่วนกระแอม “เล่นกับเหล่าองค์ชายองค์หญิงได้ถือเป็นเกียรติของนาง แต่กระหม่อมขอสั่งสอนกฎระเบียบให้นางก่อนสักหลายคำ จะได้ไม่ทำอะไรผิดพลาดพ่ะย่ะค่ะ”

กษัตริย์หนานจ้าวหัวเราะพลางโบกพระหัตถ์ “ไม่จำเป็นต้องระวังตัวถึงเพียงนั้นหรอก ที่นี่ล้วนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน”

คำพูดพรรค์นี้ใครจะไปเชื่อเล่า มีแต่พระองค์นั่นแหละที่โกหกตัวเอง

เจียงอู๋ฮ่วนกระซิบบอกเสี่ยวเป่า “เจ้าอายุยังน้อย จำไว้ว่าหากถูกรังแกก็ร้องไห้ออกมา ข้าจะให้องครักษ์เงาคอยคุ้มครองเจ้า”

เสี่ยวเป่าตอบรับเสียงเบา “เข้าใจแล้ว ข้าเอาคืนได้หรือไม่”

เจียงอู๋ฮ่วนเหลือบมองร่างเล็ก ๆ ของนาง ใช่ว่าเขาไม่เชื่อมั่น แต่เป็นเพราะถ้าเทียบกับองค์ชายองค์หญิงที่ถูกประคบประหงมจนเนื้อตัวจ้ำม่ำเหล่านั้น ร่างกายเล็ก ๆ ของนางดูสู้ไม่ได้เลยจริง ๆ!

“อย่าทำอะไรเกินตัว”

ทันใดนั้นเสี่ยวเป่าก็ล้วงตัวต่อจากกลุ่มเส้นผมหลังศีรษะออกมาให้เขาดู ดวงตาดำสนิททั้งคู่เป็นประกาย

“ข้าไม่กลัว”

ในตัวนางไม่ได้มีแค่แมลงตัวเดียวหรอกนะ!

“ข้ายังพกยาพิษหลายชนิดมาด้วย”

เจียงอู๋ฮ่วน “…”

เขากังวลใจเกินเหตุแท้ ๆ เขาควรเป็นห่วงบรรดาองค์หญิงจอมเย่อหยิ่งเหล่านั้นมากกว่า

สุดท้ายก็ได้แต่กำชับว่า “อย่าทำอะไรรุนแรงเกินเหตุ”

เสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างว่าง่าย “เข้าใจแล้ว”

นางรับรองว่าตราบใดที่พวกเขาไม่รังแกตนเองเกินไปนัก นางจะไม่ตอบโต้

ฝ่าบาทเสนอให้บรรดาองค์ชายองค์หญิงพาเสี่ยวเป่าไปเล่นด้วยกัน คนฉลาดดูก็รู้ว่ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์

คนทั้งหลายมองมาทางซื่อจื่อด้วยแววตาเห็นใจ

ขณะที่เสี่ยวเป่าเดินตามหลังเหล่าองค์ชายองค์หญิงจากไปอย่างว่าง่าย

เมื่อออกมาจากงานเลี้ยง บรรดาองค์ชายองค์หญิงรวมถึงเด็กคนอื่น ๆ ที่ตอนแรกยังมีท่าทางเป็นมิตรกับเสี่ยวเป่าก็แสดงท่าทางรังเกียจออกมาโดยไม่ปิดบัง

เด็กหญิงที่หน้าตาน่ารักคนหนึ่งถามขึ้นอย่าง ‘ไร้เดียงสา’ “ได้ยินมาว่าแม่เจ้าพาเจ้ามาแสดงตัวกับซื่อจื่อของหนานหมานอ๋องใช่หรือไม่ แต่ผู้ใดจะไปรู้ว่าเจ้าใช่ลูกสาวของซื่อจื่อจริงหรือไม่”

“ซื่อจื่อช่างน่าสงสารจริง ๆ ที่ต้องถูกคนประหลาดพิลึกแบบนี้มาตามตอแย”

“ไม่ถูกสิ ควรพูดว่าคนบางคนไร้ยางอายจึงจะถูก ไม่พูดถึงเรื่องคลอดก่อนแต่ง ใครจะบอกได้ว่าเป็นเลือดเนื้อของคนชั้นต่ำคนไหน ราวกับว่าเชื้อพระวงศ์หนานจ้าวของพวกเรารังแกได้ง่ายอย่างนั้นแหละ สตรีคนไหนก็พาลูกสาวที่ไม่รู้จักมาแอบอ้างได้ หากต่อไปสตรีทั้งหลายเอาอย่างคนพรรค์นี้จะทำอย่างไร น้องหญิงอาชิง เจ้าเห็นด้วยหรือไม่”

เด็กสาววัยปักปิ่นราวสิบห้าสิบหกยิ้มมองเสี่ยวเป่า พลางกล่าววาจาแฝงพิษร้ายออกมา

เสี่ยวเป่าถูกเด็กสาวเหล่านั้นล้อมเอาไว้แล้วพูดอะไรมากมาย แต่ความหมายโดยรวมก็คือกล่าวหาว่ามารดาของนางไม่รักนวลสงวนตัวประพฤติตนไม่เหมาะสม ไม่รู้ว่าตกลงแล้วนางเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้ใดกันแน่ พวกนางสองแม่ลูกอย่าได้อาจเอื้อมเบื้องสูง

เสี่ยวเป่ามองพวกนางด้วยแววตาไร้พิษภัย “แต่ว่าท่านพ่อชอบข้ามากเลยนี่นา”

“นั่นเป็นเพราะซื่อจื่อถูกพวกเจ้าหลอกลวงน่ะสิ!”

เสี่ยวเป่า “แต่ท่านพ่อก็ชอบข้าอยู่ดี ทั้งยังชอบอุ้มข้าอีกด้วย”

“เจ้าไร้ยางอายสิ้นดี ไม่ใช่ลูกสาวซื่อจื่อชัด ๆ ยังมีหน้ามาสวมรอยอีก”

“เป็นพวกชั้นต่ำเหมือนแม่เจ้าจริง ๆ ด้วย!”

เสี่ยวเป่า “ข้าไม่อยากเล่นกับพวกท่านแล้ว ข้าจะไปหาท่านพ่อ”

นางพูดแล้วก็ทำท่าจะจากไป

“หยุดอยู่ตรงนั้น ใครอนุญาตให้เจ้าไป”

องค์ชายห้าตัวเอกของงานเลี้ยงวันนี้เชิดหน้าก้าวออกมา

“คุกเข่า!”

เสี่ยวเป่ามองเขาด้วยแววตาอึ้ง ๆ

“ไม่เอา”

“ข้าบอกให้เจ้าคุกเข่าก็ต้องคุกเข่า แค่ไพร่ชั้นต่ำคนหนึ่งถึงกับกล้าขัดคำสั่งขององค์ชายอย่างข้า ใครก็ได้ จับนางเอาไว้”

องค์ชายห้าของหนานจ้าวแย้มยิ้มชั่วร้าย “วันนี้พวกเจ้ากล้าทำให้เสด็จพ่อเสียหน้า ข้าย่อมต้องสั่งสอนเจ้าให้เข็ดหลาบ ให้ไพร่ที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำอย่างเจ้าเข้าใจว่าใครเป็นนายใครเป็นบ่าว!”

คนอื่นที่อยู่ข้าง ๆ มีสีหน้าเหมือนกำลังดูเรื่องสนุก ขณะที่บ่าวรับใช้เหล่านั้นย่างเข้ามาจะจับตัวเสี่ยวเป่า

เสี่ยวเป่าอยากหนี แต่กลับถูกบ่าวรับใช้คนหนึ่งจับเอาไว้

แต่ชั่วอึดใจต่อมา บ่าวรับใช้คนนั้นก็ร้องโหยหวน

นอกจากเสี่ยวเป่า ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ล้วนตกใจเพราะเหตุไม่คาดฝันนี้

เมื่อตัวต่อที่ถูกขุนจนลำตัวอวบอ้วนปรากฏต่อหน้าทุกคน บรรดาเด็กผู้หญิงทั้งหลายก็เริ่มกรีดร้องเสียงหลง

ตัวต่อโผล่ออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ จ้องจะต่อยผิวหนังนอกร่มผ้าของพวกเขาโดยเฉพาะ

ฉับพลันนั้น กลุ่มเด็ก ๆ ที่รวมตัวรุมแกล้งเสี่ยวเป่าล้วนแตกฮือวิ่งหนีไปทั่ว บางคนร้อนใจถึงขั้นดึงคนข้าง ๆ มาบังตัวเองเอาไว้

องค์ชายห้าที่ครู่ก่อนยังวางอำนาจบาตรใหญ่ก็คือผู้เคราะห์ร้ายคนนั้น ใบหน้าถูกต่อยไปแล้วสองที

ตัวต่อที่เสี่ยวเป่าเลี้ยงมีพิษ แต่ไม่ทำร้ายใครถึงแก่ชีวิต เพียงทำให้เจ็บมากเท่านั้น ถ้าถูกต่อยถึงสามครั้งก็จะทำให้เจ็บปวดจนเกลือกกลิ้งไปบนพื้นได้เลยทีเดียว

เสี่ยวเป่าเห็นว่าแต่ละคนถูกต่อยไปได้พอสมควรแล้ว ก็โบกมือเบา ๆ แล้วใช้จังหวะนั้นแอบหนีไป

ฝูงตัวต่อบินหึ่ง ๆ ทะยานขึ้นฟ้าแล้วหายวับไปอย่างรวดเร็ว

ใช้ประโยชน์จากสถานที่ที่พวกเขาเลือกเองซึ่งอยู่ค่อนข้างห่างไกลจากบริเวณจัดงานเลี้ยงและปลอดผู้คน ทำให้ไม่มีใครสามารถหาพวกเขาพบในเวลาอันสั้น

นับว่าเป็นการยกหินทุ่มเท้าตัวเองโดยแท้