ตอนที่ 327 เรื่องราวในอดีตของครอบครัวอวี๋
ตอนที่ 327 เรื่องราวในอดีตของครอบครัวอวี๋
เซียวเหวินถิงกระโดดออกจากความคิดทันที เขาจ้องมองเธอแล้วถามว่า “น้องสาวคนที่สามของผมเหรอ?”
ไป๋เจียเหยียนพยักหน้า “ใช่ เธอยังคงเป็นคนเงียบ ๆ เหมือนเคย เธอมาเงียบ ๆ ไม่มีคนข้างกาย และก็แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าธรรมดา ๆ ถ้าเธอไม่ทักทายฉัน ฉันก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าเธอมาที่งานประมูล”
เซียวเหวินถิงเดาได้เกือบจะในทันทีว่าน้องสาวคนที่สามของเขาเป็นคนซื้อพื้นที่เปิดโล่งในเถาหยางไป เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเขาแย่ลงกว่าเดิม ไป๋เจียเหยียนจึงพูดเสียงต่ำด้วยความกลัว “เหวินถิง? ฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า?”
เซียวเหวินถิงเริ่มปลอบใจตัวเองเมื่อเห็นอีกฝ่ายแสดงความไม่พอใจออกมา บางทีเถาหยางอาจจะเป็นเพียงสิ่งหลอกลวง และน้องสาวของเขาก็อาจจะเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์
ไม่สิ เขาต้องกลับไปสอบถามเรื่องนี้กับใครสักคน!
……
เสี่ยวอวี๋ใส่เสบียงสองถุงลงในท้ายรถ และพูดกับซูเถาที่เชิญเขาไปทานอาหารเย็นก่อนออกเดินทาง
“รบกวนพวกคุณไปส่งผมเลยดีกว่า เพราะว่าย่าของผมรอกินข้าวเย็นด้วยกัน ผมไม่รบกวนพวกคุณแล้ว”
ซูเถาไม่ได้บังคับเขา และเธอก็ได้บอกกับสวีฉีให้ขับรถไปที่บ้านของอวี๋ผอผ่อ
ซูเถาก็พยายามถามเสี่ยวอวี๋ที่นั่งเงียบมาตลอดทางว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขากลับเอาแต่สายหัว ท่าทางดูหดหู่นั้นปะปนไปด้วยความโกรธ เมื่อเห็นว่าเขาไม่เต็มใจที่จะพูด ซูเถาก็หยุดถามและส่งเขาถึงบ้านก่อนที่จะบอกว่า “เสี่ยวอวี๋ ถ้ามีเรื่องอะไรโทรหาฉันได้ตลอดนะ”
เสี่ยวอวี๋สัมผัสได้ถึงความจริงใจในคำพูดของเธอ เขาพยักหน้าตอบรับ และเปิดประตูลงจากรถ
หลังจากที่เปิดประตูเข้าไปในบ้าน อวี๋ผอผ่อซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาเพื่อรอเขาถามว่า “เรียบร้อย?”
เสี่ยวอวี๋พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ผมคืนของให้เธอไปหมดแล้ว และคุณซูก็รับแก้วน้ำที่ย่าให้เอาไปให้เธอด้วย”
อวี๋ผอผ่อยังคงพอใจและโบกมือให้เขา “กินข้าวเถอะ จำไว้นะ ในอนาคตแม้แต่เข็มเล่มเดียวก็ห้ามรับ เราต้องใช้ชีวิตให้อยู่โดยปราศจากความช่วยเหลือหรือความเมตตาใด ๆ”
เสี่ยวอวี๋เลียริมฝีปากของเขาสองครั้ง
“ย่า วันนี้ผมไปงานประมูลและได้ยินว่า ‘กำไลพลังธาตุ’ ถูกประมูลไปแล้ว”
คำพูดเหล่านี้ทำให้รอยย่นบนใบหน้าของอวี๋ผอผ่อตึงเครียด
น้ำเสียงของเสี่ยวอวี๋เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“แต่คนแซ่ฉู่ยังไม่ตาย เขารู้หรือเปล่าว่ากำไลพลังธาตุจะติดเชื้อหากใช้เป็นเวลานาน”บราวนี่ออนไลน์
ตอนนั้นตระกูลฉู่มาติดต่อย่าของเขาให้ร่วมมือด้วย พวกเขาแสดงความจริงใจต่าง ๆ ออกมา คอยไปเยี่ยมเยียนพวกเราอยู่บ่อย ๆ และยังช่วยชีวิตพ่อของเขาด้วย ย่ารู้สึกประทับใจในความจริงใจของตระกูลฉู่ และเริ่มทำงานให้กับตระกูลฉู่
ไม่นานหลังจากนั้น ตระกูลฉู่ก็เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา ว่าแท้จริงแล้วการช่วยพ่อของเขาเป็นเพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น และเขาก็ลงมือแสดงด้วยตัวเองเพื่อสร้างความประทับใจให้กับย่า ความจริงใจและผลประโยชน์เหล่านั้นล้วนมีราคาแอบแฝง
ตระกูลฉู่เข้าควบคุมตัวเขาและพ่อของเขาอย่างรวดเร็วโดยบังคับให้คุณย่าทำรายการ ‘ยืม’ จำนวนมาก
ทหารรับจ้างที่ทรงพลังบางคนของตระกูลฉู่ ลุกขึ้นมาเค้นฆ่าผู้มีพลังวิเศษอื่น ๆ เพื่อเอาผลึกนิวเคลียสมา และมาใช้กับกำไลพลังธาตุหรือกำไลยืมพลังนี้
ในช่วงเวลานี้ คุณย่าต้องทนทุกข์ทรมานเพราะชีวิตของคนใกล้ชิดทั้งสองของเธอตกอยู่ในเงื้อมมือของคนอื่น เธอจึงต้องประนีประนอม
ดังนั้นเธอจึงคิดวิธีที่จะแก้แค้นตระกูลฉู่ นั่นคือการกระตุ้นไวรัสในผลึกนิวเคลียส เพื่อให้คนที่ใช้กำไลพลังธาตุที่ยืมพลังมาบ่อย ๆ จะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นซากศพและกลายเป็นซอมบี้ในที่สุด เนื่องจากมันจะเป็นอาการเรื้อรัง ดังนั้นตระกูลฉู่จึงยังไม่ค้นพบ และพวกเขายังคงใช้มันมาเป็นเวลานาน
คุณย่าอดทนเช่นนี้เป็นเวลาสามปีจนกระทั่งพ่อของเขาเสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยน้ำมือของตระกูลฉู่
คุณย่าแตกหักกับตระกูลฉู่ และตัดนิ้วของเธอเองด้วยความคับแค้นใจ จากนั้นก็พาเขาหลบหนีออกมาจากตระกูลฉู่ สุดท้ายก็หลบหนีมาได้อย่างหวุดหวิด
วันที่หนีออกมาเหมือนฝันร้าย แม้ผ่านไปหลายปี แต่เมื่อคิดย้อนกลับไปเสี่ยวอวี๋ก็ยังรู้สึกอยากจะร้องไห้ แต่ก็ยังไม่ได้มีวี่แววการแก้แค้นครั้งใหญ่จากทางนั้น และหัวหน้าตระกูลฉู่ยังไม่ได้กลายเป็นศพ แต่ ‘กำไลพลังธาตุ’ ถูกขายไปแล้ว
“คุณย่า…ตระกูลฉู่จะจับได้ไหม พวกเขาจะมาแก้แค้นเราหรือเปล่า”
อวี๋ผอผ่อก็หัวเราะออกมาหลังจากปล่อยให้บรรยากาศนั้นเงียบงันมาสักพัก “ถ้าอยากแก้แค้นก็มาที่นี่สิ! ฉันจะรอพวกเขาที่นี่! อย่างแย่ที่สุดฉันก็แค่ตาย! วันสิ้นโลกอันเลวร้ายนี้ฉันเองก็เบื่อเกินทนแล้ว!”
ทันใดนั้นเธอก็คว้าตัวเสี่ยวอวี๋และกอดเขาไว้แน่น “แก…แกจะหนีไปไหนก็ได้ แต่อย่าให้ตระกูลฉู่พบแก ไปเดี๋ยวนี้”
หลังจากเหล่าอวี๋ผอพูดจบ เธอก็คุ้ยของบางอย่างและยัดของมีค่าทั้งหมดใส่กระเป๋าของเขา เพื่อให้เขารีบหนีไป เสี่ยวอวี๋ร้องไห้จนไม่เหลือน้ำตา ไม่ว่าเขาจะเคาะประตูมากแค่ไหน มันก็ไร้ประโยชน์
เขาถูกย่าของเขาขับไล่เขาออกมา เธอพยายามไล่เขาให้หนีไปให้ไกล
……
ซูเถากลับไปที่อพาร์ตเมนต์เพื่ออาบน้ำและหลังจากให้อาหารเจ้าขนปุยแล้ว เธอก็พร้อมที่จะจัดกระเป๋าเดินทาง
พรุ่งนี้ตอนบ่ายพวกเขาจะออกจากซินตูและเดินทางกลับไปที่เถาหยาง
ร่างกายของเสียวหั่วเยี่ยนดีขึ้นเรื่อย ๆ และขนตามร่างกายของมันก็ยาวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จะเห็นได้ว่าหูทั้งสองข้างของมันเป็นสีเปลวไฟ เช่นเดียวกับสีที่หางของมัน
เฉียนหลินกล่าว “แมวตัวนี้เติบโตมาอย่างดีจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหัวหน้าทีมซ่งถึงอยากได้ตัวมันนัก”
“เขาต้องการหาผลประโยชน์จากเสียวหั่วเยี่ยน ทุกคนมองหาแต่ผลกำไร ถ้าเป็นคนอื่นคงจะขโมยแมวตัวนี้ไปจากอกของฉันแล้ว” ซูเถากล่าว
เฉียนหลินพยักหน้า เธอก็คิดเช่นเดียวกัน การค่อย ๆ มาเกลี้ยกล่อมก็ยังดีกว่าการมาปล้นไปต่อหน้าต่อตา
“อ้อ ใช่แล้วเถ้าแก่ อีกาน้อยของคุณอยู่ที่ไหนเหรอ ฉันไม่เห็นมันมาสองวันแล้ว”
ซูเถาถอนหายใจ “ฉันปล่อยมันไปแล้ว”
นี่มันก็ออกไปสองวันแล้ว คิดว่ามันคงไม่กลับมาแล้วล่ะ
เฉียนหลินส่งเสียง “อ้อ” และหยุดถามทันที แม้ว่าอีกาตัวน้อยนั้นจะส่งเสียงดังบ้างในบางครั้ง แต่มันก็ค่อนข้างน่ารัก ฉลาดและมีมนุษยธรรม น่าเสียดายที่ต้องปล่อยมันไป แต่เถ้าแก่ก็คงมีการตัดสินของเธอเอง จึงขอไม่แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
หลังจากที่ซูเถาเข้านอน พอถึงเวลาเที่ยงคืน ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงแก้วดังขึ้น
ในตอนแรกเธอคิดว่าเป็นลมและฝน และก้อนกรวดที่กลิ้งมากระทบกระจก เธอพลิกตัวและนอนต่อโดยไม่ได้สนใจเรื่องนี้
เฮยจือหม่ากระโดดขึ้นไปบนขอบหน้าต่างอย่างไม่คิดและเปิดหน้าต่างเมื่อมันได้ยินเสียง
หลิงอวี่กระพือปีกของมันอย่างร่าเริง และพูดกับเฮยจือหม่าอย่างมีความสุข “เพื่อนรัก เพื่อนรัก”
เฮยจือหม่าคิดว่ามันส่งเสียงดังเกินไป และมันกังวลว่าจะเป็นการปลุกล่าเจียวและเสียวหั่วเยี่ยน ดังนั้นมันจึงเอาอุ้งเท้าของมันตบลงบนหัวของหลิงอวี่เพื่อทำให้มันเงียบสนิท
ซูเถาที่กำลังนอนหลับอย่างสนิท ก็ต้องตื่นขึ้นเมื่อได้ยินคำว่า “เพื่อนรัก เพื่อนรัก”
เธอลุกขึ้นนั่งและเห็นหลิงอวี่กำลังส่งเสียงร้องเรียกอย่างมีความสุข เธอยังคงงุนงงเล็กน้อยและถามมันที่หายไปนานว่า “กลับมาแล้วเหรอ”
หลิงอวี่ที่ออกไปหาอาหารกินอย่างมีความสุข บินไปที่ไหล่ของซูเถา จากนั้นมันก็ลดศีรษะลงและกางปีกข้างหนึ่งออก แล้วนำสิ่งที่เป็นประกายออกมาจากขนของมันไปให้ซูเถา
ซูเถารับของสิ่งนั้นเอาไว้ในมือ เมื่อมองผ่านแสงจันทร์ก็พบว่านี่มันคือแหวนเพชร
เธอเองก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
นี่น่าจะมาจากศพซอมบี้
เธอเคยได้ยินว่าอีกาชอบสะสมของที่มีความมันเงามาก่อน และมันก็น่าจะเป็นเรื่องจริง
“ฉันคืนให้แก แกเก็บมันไว้ให้ดีล่ะ”