ตอนที่ 529 ทำดีหวังผล (4) ตอนที่ 530 นกพิราบครองรังนกกางเขน (1)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 529 ทำดีหวังผล (4) / ตอนที่ 530 นกพิราบครองรังนกกางเขน (1)
ตอนที่ 529 ทำดีหวังผล (4)

หนิงซินผู้ซึ่งมักมีวาทศิลป์อยู่เสมอ แต่เมื่อมาเจอจวินอู๋เสียที่ไม่เหมือนคนอื่นแบบนี้ก็ทำให้นางพูดไม่ออกเช่นกัน สมองของนางว่างเปล่าทันทีไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรดี

หนิงซินรู้สึกว่าถ้านางยังพูดคุยกับจวินอู๋เสียต่อไปก็กลัวว่าจะยิ่งอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ ที่จวินอู๋เสียมีท่าทีไม่เป็นมิตรแบบนี้คงเพราะยังแค้นอิ่นเหยียนอยู่ ดูท่าแล้วคงต้องให้อิ่นเหยียนมาขอโทษก่อน

หลังจากตัดสินใจแล้ว หนิงซินก็ไม่พยายามพูดคุยกับจวินอู๋เสียอีก แต่หันไปพูดคุยกับฟ่านจัวแทนด้วยท่าทางเขินอาย คำพูดที่พูดนั้นล้วนเต็มไปด้วยความห่วงใย

ฟ่านจัวก็นิสัยดีเหมือนเดิม เชิญหนิงซินให้อยู่ดื่มชากันต่อ

หนิงซินรีบหยิบขนมที่นางเตรียมไว้ออกมาทันที ราวกับว่านางก็เตรียมมาให้จวินอู๋เสียเช่นกัน พยายามลดระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสองให้เข้าใกล้กันอย่างเงียบๆ

จวินอู๋เสียนั่งอุ้มเจ้าแมวดำตัวน้อยอยู่ข้างๆ การกระทำที่ทำดีหวังผลของหนิงซินนั้นชัดเจนเกินไป นางอาศัยอยู่ในลานป่าไผ่มานานแล้วก็ไม่เคยเห็นหนิงซินมาก่อน แต่งานล่าวิญญาณเพิ่งจบลงไม่นาน นางก็รีบแจ้นมาที่นี่ทันที และในคำพูดของนางก็เหมือนจะพยายามทำตัวใกล้ชิดนางด้วย

หากจวินอู๋เสียยังมองความตั้งใจของหนิงซินไม่ออก นางก็ใช้ชีวิตทั้งสองชาติภพมาอย่างเปล่าประโยชน์

แต่ว่าในเมื่อมีคนมาหาความไม่สบายใจถึงที่ นางก็ไม่ควรปฏิเสธมิใช่หรือ

จวินอู๋เสียทานขนมนั้นด้วยท่าทางนิ่งเฉย หนิงซินรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นนางทาน

ฟ่านจัวเป็นคนที่เป็นธรรมชาติที่สุดในสามคน ราวกับว่าเขาไม่รู้อะไรเลย เขาแค่คุยกับสหายและคู่หมั้นของเขาเท่านั้น

หนิงซินตอบรับอย่างอดทน แต่ก็แอบสังเกตจวินอู๋เสียอย่ตลอดเวลา

ถ้าไม่ใช่เพราะคนที่มีพลังวิญญาณระดับสีม่วงที่อยู่เบื้องหลังจวินอู๋เสียเหล่านั้น แค่ท่าทางที่จวินอู๋เสีย ที่มีต่อนางก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้นางทุบโต๊ะมีเรื่องกับจวินอู๋เสียไปแล้ว

แต่ตอนนี้ หนิงซินทำได้เพียงกัดฟันอดทนแล้วยังต้องพูดคุยด้วยรอยยิ้มซึ่งเป็นการอดทนที่นางไม่เคยทนมาก่อน

ผ่านไปครึ่งวัน ในที่สุดหนิงซินก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป หลังจากบอกลาฟ่านจัวและจวินอู๋เสียด้วยรอยยิ้มแล้ว นางก็รีบจากไปทันทีโดยไม่ได้หยิบกล่องขนมกลับไปด้วย ก่อนจากไปแม้ว่านางจะโกรธมากแค่ไหนก็ตาม นางก็ยังต้องยิ้มแล้วบอกว่าต่อไปจะมาบ่อยๆ

หลังจากที่หนิงซินจากไป ฟ่านจัวก็วางขนมในมือลงทันทีแล้วเงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เสียด้วยรอยยิ้ม

“น้องเสีย เจ้าชอบขนมเหล่านี้หรือไม่”

จวินอู๋เสียกล่าวว่า “ก็ไม่เลว”

“หากมิใช่ของที่ชอบที่สุดก็อย่าทานเลย” หลังจากพูดเสร็จฟ่านจัวก็ยื่นมือออกไปหยิบขนมที่จวินอู๋เสีย ทานไปแล้วครึ่งหนึ่งมาแล้วโยนมันลงในกล่องขนม ปิดฝาแล้วนำไปทิ้งไว้ในมุมมุมหนึ่งของห้องครัว จากนั้นก็หยิบขนมเกาลัดกลับมาให้จวินอู๋เสียทานด้วยกัน

จวินอู๋เสียมองการกระทำของฟ่านจัวอย่างเงียบๆ แต่จู่ๆ ก็มีความคิดแปลกๆ ปรากฏขึ้นในใจของนาง นางมองใบหน้าที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนของฟ่านจัว ขนมเกาลัดในปากของนางก็ค่อยๆ ละลายในลำคอนาง

“เจ้าไม่ชอบนาง” จวินอู๋เสียถามขึ้นมา

ฟ่านจัวตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่ก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า “นางไม่ดี น้องเสีย ต่อไปก็อย่าเข้าใกล้นางเลย”

จวินอู๋เสียจ้องเจ้าโชคร้ายที่เกิดมาพร้อมกับร่างกายที่อ่อนแอและบุคลิกที่อ่อนโยน จ้องอยู่นาน รอยยิ้มบนใบหน้าของฟ่านจัวก็ไม่ได้ลดลง นางจึงละสายตาแต่ก็ไม่ได้ตอบฟ่านจัว

ในคืนนั้น เมื่อฟ้ามืดสนิท ฟ่านจัวลุกขึ้นแล้วสวมเสื้อคลุมเพียงตัวเดียว มาที่ห้องครัวแล้วจุดไฟในเตาขึ้นก่อนที่จะโยนกล่องขนมลงไปในกองไฟ

มีเสียงแตกปะทุในเปลวไฟ และเปลวไฟสีแดงสะท้อนใบหน้าที่หล่อเหลาของฟ่านจัว แต่ใบหน้าในเปลวไฟนั้นไม่มีความอ่อนโยนและรอยยิ้มอีกต่อไป ในดวงตาคู่นั้นมีเพียงความเย็นชาเท่านั้น

ตอนที่ 530 นกพิราบครองรังนกกางเขน[1] (1)

“อะไรนะ หนิงซินมาที่นี่หรือ” เที่ยงวันต่อมา ฟ่านจิ่นมาทานอาหารเหมือนปกติ แต่กลับได้ยินจากฟ่านจัวว่าหนิงซินมาหาฟ่านจัว เรื่องแบบนี้ทำให้ฟ่านจิ่นตกใจเป็นอย่างมาก

หากหนิงซินมาเยี่ยมฟ่านจัวก่อนงานล่าวิญญาณ ฟ่านจิ่นจะต้อนรับเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้หลังจากเกิดเรื่องราวเหล่านั้น ฟ่านจิ่นก็ไม่ไว้ใจหนิงซินอีก

เมื่อหนานกงซวี่กลับมาเขาก็ได้รายงานทุกอย่างที่เกิดขึ้นในป่าประลองวิญญาณให้ฟ่านฉีฟัง แต่ ฟ่านจิ่นก็ได้ปิดบังเรื่องที่ตัวเองถูกลอบสังหารไว้

มิใช่เพราะเหตุผลอื่นใด แต่เพราะถือว่าเรื่องนี้เป็นการตัดเยื่อใยหรือตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดของเขากับหนิงซิน อย่างน้อยพวกเขาก็เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งสุดท้ายที่ฟ่านจิ่นจะยอมหนิงซิน

“ใช่ ซินเอ๋อร์ยังเอาขนมข้าวเหนียวที่ข้าชอบมากที่สุดมาให้ข้าด้วย” ฟ่านจัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

สีหน้าของฟ่านจิ่นไม่ดีขึ้นเรื่อยๆ “น้องเสีย ร่างกายของเสี่ยวจัวช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง” ฟ่านจิ่นกล่าวถามด้วยความกังวลเมื่อคิดถึงเรื่องที่ตัวเองโดนลอบสังหารมา

จวินอู๋เสียเหลือบมองไปที่ฟ่านจิ่น ในอ้อนแขนของนางนั้นมีใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะและเจ้าแมวดำตัวน้อยตัว นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ไม่เป็นไร”

ฟ่านจิ่นจึงจะโล่งใจ

“พี่ใหญ่ พวกพี่ไปพบเรื่องแปลกใหม่อะไรที่ป่าประลองวิญญาณหรือไม่” ฟ่านจัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตาของเขากลับจับจ้องไปที่ก้อนเล็กๆ สองก้อนในอ้อมแขนของจวินอู๋เสีย

ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะไม่เหมือนกับเจ้าแมวดำตัวน้อย ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะไม่สนใจฟ่านจัวแม้แต่น้อย แม้ว่าฟ่านจัวจะพยายามเอาใจมันเพียงใด สิ่งที่ได้รับก็มีเพียงก้นที่มีขนปุกปุยเท่านั้น 

ฟ่านจิ่นหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง หลบสายตาแล้วเปลี่ยนเรื่องอื่น

เขาไม่ต้องการบอกเรื่องเหล่านั้นกับฟ่านจัว เพราะเขาต้องการให้ฟ่านจัวรักษาตัวอย่างสงบ

“ถ้าร่างกายของข้าดีขึ้น ข้าก็อยากไปป่าประลองวิญญาณ” ฟ่านจัวอดตั้งหน้าตั้งตารอไม่ได้ เพราะสุขภาพร่างกายของเขาทำให้เขาแทบไม่เคยออกจากสำนักศึกษาเฟิงหัวเลย เขาจึงตื่นเต้นกับโลกภายนอกมาก

แต่ตอนนี้ ภายใต้การดูแลของจวินอู๋เสีย ร่างกายของเขาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาเริ่มมีความหวังว่าจะได้พบกับภาพที่เขาไม่เคยกล้าใฝ่ฝันมาก่อน

เขาอยากไปดูแม่น้ำและภูเขาจริงๆ

เมื่อได้ยินคำปรารถนาของฟ่านจัว ฟ่านจิ่นก็รู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก เขาพยายามยิ้มแล้วพูดสิ่งที่น่าสนใจออกมาเพื่อทำให้ฟ่านจัวมีความสุข ตลอดมื้ออาหารเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของฟ่านจัว

เมื่อเห็นว่าฟ่านจัวอารมณ์ดีขึ้น ฟ่านจิ่นจึงจะมีอารมณ์ทานอาหาร แต่ขณะที่เขาหยิบตะเกียบขึ้นมา จวินอู๋เสียก็ปัดตะเกียบของเขาลงพื้นทันที

“มียา” จวินอู๋เสียหรี่ตาลง

สีหน้าของฟ่านจิ่นเปลี่ยนในทันที

รอยยิ้มบนใบหน้าของฟ่านจัวก็ค่อยๆ จางหายไป

“ยาตัวเดิมกับครั้งก่อน เขาไม่มีความสามารถอย่างอื่นแล้วหรือ” จวินอู๋เสียลุกขึ้นแล้วโยนอาหารบนโต๊ะทั้งหมดออกไปข้างนอก

ตั้งแต่อาจิ้งถูกไล่ออกไป คนสนิทที่ไว้ใจได้ของฟ่านฉีจะเป็นคนส่งอาหารทั้งสามมื้อมาที่ลานป่าไผ่ อาหารที่ฟ่านจัวทานจะเป็นอาหารที่จวินอู๋เสียจัดเตรียมเอง แต่อาหารเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเข้าท้องจวินอู๋เสียและฟ่านจิ่น

“เป็นไปได้อย่างไร หลังจากที่ข้ากลับมา ข้าก็ตรวจสอบแล้วว่าอาหารทั้งหมดที่ส่งมาที่นี่จะถูกปรุงในห้องครัวของท่านพ่อแล้วส่งมาที่นี่โดยตรง” สีหน้าของฟ่านจิ่นเปลี่ยนไปในทันที

ทุกคนที่อยู่ในลานของฟ่านฉีเป็นคนที่อยู่กับเขามาเป็นเวลานานและภักดีต่อเขามาก แต่อาหารเหล่านี้ก็ยังคงถูกวางยาเหมือนเดิม!

ใครเป็นคนทำกันแน่

“ท่านพ่อไม่ทำร้ายข้าอย่างแน่นอน ดังนั้นต้องเป็นใครสักคนที่อยู่ในลานของท่านพ่อ” ฟ่านจัวหรี่ตาลง

“ท่านอากงเป็นคนทำอาหารของเสี่ยวจัวด้วยตัวเองและไม่มีผู้ใดแตะต้องมาก่อน” ฟ่านจิ่นคิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะร่างกายของตัวเองฟ่านจัวจึงไม่สามารถทานอาหารตามใจชอบได้

——————————————————

[1] นกพิราบครองรังนกกางเขน อุปมาว่าเข้าครอบครองบ้านหรือที่ดินของผู้อื่นโดยพลการ บุกรุกครอบครองบ้านและที่ดินของผู้อื่น