บทที่ 272 จอมปีศาจสวามิภักดิ์ คนชุดกันฝนฟางลึกลับ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 272 จอมปีศาจสวามิภักดิ์ คนชุดกันฝนฟางลึกลับ

หลังจากจอมปีศาจคุกรัตติกาลจำค่ายกลกระบี่สังหารเซียนได้ ปฏิกิริยาแรกก็คือตั้งท่าหนี

ทว่าเขาต้องตกใจที่พบว่าตนเองไม่สามารถกระโจนออกจากห้วงอากาศว่างเปล่านี้ได้ ผนึกต้องห้ามที่ไร้ลักษณ์และทรงพลังได้ปิดกั้นห้วงอากาศว่างเปล่าโดยรอบเอาไว้

จอมปีศาจคุกรัตติกาลรีบพุ่งไปทางกระบี่พิฆาตเทพ

เขาสัมผัสได้ว่ากระบี่เล่มนี้อ่อนแอที่สุด บางทีอาจกลายเป็นจุดฝ่าทะลวง

ผลลัพธ์คือเขาเพิ่งจะชนกับกระบี่พิฆาตเทพ พายุอันน่าหวาดกลัวหอบหนึ่งก็พุ่งปะทะหน้า พัดจนจอมปีศาจคุกรัตติกาลเจ็บปวดทรมานหาที่เปรียบไม่ได้ แม้แต่จิตดั้งเดิมก็ยังสั่นเทิ้ม

เขาตกใจจนต้องถอยหลังออกไปโดยสัญชาตญาณ

มุมปากของหานเจวี๋ยยกขยับ สองมือทำท่ามือร่ายวิชา

ค่ายกลกระบี่สังหารเซียน สยบสังหาร!

ตูม!

ไอชั่วร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนปะทุผ่านอากาศออกมาจากภายในค่ายกลกระบี่ ปกคลุมจอมปีศาจคุกรัตติกาลในทันที

จอมปีศาจคุกรัตติกาลส่งเสียงร้องโหยหวนราวกับว่าตกไปอยู่ในนรกเก้าขุมอันเงียบสงัด

สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์

ไก่คุกรัตติกาลที่กำลังบำเพ็ญตบะพลันลืมตาขึ้น เอ่ยพึมพำว่า “แปลก? เมื่อครู่ดูเหมือนจะได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง”

มันส่ายหัว และบำเพ็ญตบะต่อไป

เมื่อเผชิญกับค่ายกลกระบี่สังหารเซียนที่ทรงพลังหาที่เปรียบไม่ได้ เดิมทีจอมปีศาจคุกรัตติกาลก็ไม่สามารถต้านทานได้เลย กายเนื้อถูกสังหารในทันที

หลังจากนั้นคือวิญญาณ!

ความตั้งใจดั้งเดิมของหานเจวี๋ยนั้นคือทำลายทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ

“ช้าก่อน! ข้ายอมแล้ว! อย่าฆ่าข้า!”

จอมปีศาจคุกรัตติกาลร้องลั่นออกมาด้วยความหวาดกลัว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

หานเจวี๋ยนึกถึงไก่คุกรัตติกาล ก็ยังต้องใจอ่อนลงมาบ้าง

เขาร่ายพลังดูดวิญญาณหกสาย ดูดซับวิญญาณของจอมปีศาจคุกรัตติกาลเข้าไปในส่วนลึกของจิตวิญญาณของตน คุมขังอยู่ในโลกอนธการ

โลกอนธการที่เรียกกันนั้นก็คือส่วนลึกของจิตวิญญาณของเขา พื้นที่พิเศษที่เต็มไปด้วยดวงดาวนับไม่ถ้วน

การต่อสู้สิ้นสุดลง

หานเจวี๋ยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

ถือว่าแก้ปัญหาไปได้เปลาะหนึ่ง

ในที่สุดเขาก็สามารถบำเพ็ญตบะได้อย่างสบายใจ

หานเจวี๋ยกลับไปที่ถ้ำเทวาฟ้าประทาน

อู้เต้าเจี้ยนถามอย่างสงสัยใคร่รู้ว่า “เมื่อครู่ท่านไปทำอะไรมาเจ้าคะ มีศัตรูมาโจมตีหรือ”

ตอนนี้ตบะของนางอยู่ในระดับเซียนอิสระแล้ว ห่างจากเซียนพิภพไท่อี่ไม่ไกลนัก สามารถสัมผัสได้รางๆ ถึงการมีอยู่ของห้วงอากาศว่างเปล่า

หานเจวี๋ยเอ่ยตอบว่า “ไม่มีอะไร”

เรื่องเกี่ยวกับจอมปีศาจคุกรัตติกาลนั้น เขาไม่อยากพูดให้มากความ

เขาหลับตาลงเริ่มบำเพ็ญตบะต่อ

หลายเดือนหลังจากนั้น ไก่คุกรัตติกาลที่ทนรอจอมปีศาจคุกรัตติกาลไม่ไหว ก็กลับมาบำเพ็ญตบะอยู่ใต้ต้นฝูซัง

ทุกคนต่างให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลงระยะนี้ของมันเป็นอย่างมาก ทว่ามันแค่ไม่พูด

‘เฮอะๆ ท่านไก่อย่างข้าได้รับวาสนาใหญ่แล้ว ข้าจะบำเพ็ญตบะเงียบๆ แซงหน้าพวกเจ้าทุกคน!’

ไก่คุกรัตติกาลคิดอย่างมีความหวัง

ใครจะรู้เล่าว่า วาสนาใหญ่ของมันไม่เหลือแล้ว

ยี่สิบปีผ่านไป

หานเจวี๋ยเพิ่งสาปแช่งจักรพรรดิปีศาจและจอมปีศาจอินทรีทองเสร็จ เขาจึงนำจิตรับรู้เข้าสู่โลกอนธการในส่วนลึกของจิตวิญญาณ

วิญญาณของจอมปีศาจคุกรัตติกาลถูกมหามรรคเวียนว่ายตายเกิดคุมขังไว้ ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

เมื่อสัมผัสได้ว่าจิตดั้งเดิมของหานเจวี๋ยกำลังจับจ้องตน จอมปีศาจคุกรัตติกาลก็ตะโกนขึ้นมาอย่างลนลานว่า “อย่าฆ่าข้า ข้าผิดไปแล้วจริงๆ!”

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างใจเย็น “ข้าเคยให้โอกาสเจ้าแล้ว เจ้าก็ปฏิเสธได้ แต่เจ้ากลับอาศัยอยู่ในโลกเขย่าพิภพของข้า หากเป็นเจ้า เจ้าจะยอมให้จักรพรรดิเซียนแปลกหน้าคนอื่นอาศัยอยู่ในดินแดนของเจ้าหรือ”

จอมปีศาจคุกรัตติกาลยิ้มอย่างขมขื่น “ข้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ ข้ายินดีที่จะเข้าร่วมสำนักซ่อนเร้น!”

ช่วงเวลาที่ถูกกักขังนี้ เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด

ปราณแห่งอนธการที่มีอยู่ในโลกอนธการแห่งนี้กำลังกัดกินจิตวิญญาณของเขาไม่ว่างเว้นตลอดเวลา ทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมาน

“จริงหรือ ในใจเจ้ายังคงเกลียดข้าอยู่กระมัง” หานเจวี๋ยแค่นเสียงกล่าว

จอมปีศาจคุกรัตติกาลตะโกนร้องว่า “ไม่ใช่! จะเป็นไปได้อย่างไร!”

ถึงจะพูดเช่นนี้ แต่ระดับความเกลียดชังกลับไม่ได้ลดลงเลย

หนทางของเจ้าหมอนี่ยังคับแคบอยู่ ไม่รู้จักความเท่ามารสวรรค์เบิกฟ้าเอาเสียเลย

“ลองดูไปก่อนแล้วกัน ตอนนี้ข้าจะยังไม่ฆ่าเจ้า”

หานเจวี๋ยทิ้งคำพูดไว้เพียงเท่านั้นก่อนที่จะตัดการเชื่อมต่อพลังจิต

จอมปีศาจคุกรัตติกาลเป็นจักรพรรดิเซียนห้าวัฏ ไม่อาจที่จะดูเบาได้ หานเจวี๋ยต้องเพิ่มตราประทับหกวิถีให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อควบคุมจอมปีศาจคุกรัตติกาลอย่างสมบูรณ์

ภายในถ้ำเทวา หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น

เขาหยิบป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมาตรวจดู อันดับของโลกเขย่าพิภพได้ไต่ขึ้นไปถึงอันดับที่สามสิบเก้าแล้ว

ตบะที่สูงสุดในโลกมนุษย์ทะยานขึ้นไปถึงเซียนพิภพไท่อี่ระยะปลาย และหากเอ่ยถึงพลังการต่อสู้ที่สูงที่สุดอันที่จริงก็ไม่คู่ควรกับลำดับที่สามสิบเก้านัก

แต่ว่าโลกเขย่าพิภพมีสรรพชีวิตมากมาย ผู้บำเพ็ญระดับเซียนอิสระ ระดับมหายานและระดับฝ่าด่านเคราะห์แทบจะถือกำเนิดวันละคน

เมื่อทอดสายตามองดูทั่วทั้งโลกเขย่าพิภพ การต่อสู้มีไม่สู้เมื่อก่อน ภายใต้การส่งเสริมในเงามืดของพุทธะอาภรณ์ขาว ทั่วใต้หล้าล้วนก่อกระแสบำเพ็ญตบะอย่างบ้าคลั่ง

การเพิ่มขึ้นของพลังวิญญาณ การแพร่กระจายของมรรถวิถีนิกายฉ่าน ทำให้เหล่าผู้บำเพ็ญไม่ต้องแย่งชิงทรัพยากรในการบำเพ็ญตบะไปทั่ว ก็สามารถบำเพ็ญตบะได้อย่างสบายใจ

ไม่เพียงเช่นนี้ เกณฑ์การฝึกบำเพ็ญก็ลดลงด้วย

เมื่อเทียบกับตอนที่หานเจวี๋ยเพิ่งถือกำเนิด พลังวิญญาณของโลกเขย่าพิภพก็เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยเท่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้แต่คนที่ไร้ประโยชน์ที่สุดก็ยังสามารถบำเพ็ญตบะได้

ระดับปราณก่อกำเนิดไม่ใช่ยอดฝีมืออีกต่อไป ถึงขั้นที่ค่อนข้างอ่อนแอด้วยซ้ำ

เมื่อหานเจวี๋ยได้รู้เรื่องทั้งหมดนี้ ก็จนปัญญาเป็นอย่างมาก

ปัญหาที่จะตามมาภายหลังคงไม่น้อยเลยทีเดียว

หานเจวี๋ยนำกายเนื้อของพุทธะพิชิตชัยออกมา ท่าทางราวกับกำลังครุ่นคิด

อู้เต้าเจี้ยนเมื่อมองเห็นพุทธะพิชิตชัย ก็อดเบิกดวงตาคู่สวยนั้นขึ้นมาไม่ได้

นางสัมผัสได้ถึงรัศมีอันน่าหวาดกลัวที่แผ่ซ่านออกมาจากกายเนื้อนี้ ตกใจจนไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา

“กายเนื้อที่แข็งแกร่งเพียงนี้ทิ้งไปก็น่าเสียดาย มอบให้ผู้อื่น ก็เกรงว่าผู้อื่นจะแบกรับไม่ไหว”

หานเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

หรือจะกลั่นหลอมกายเนื้อของเจ้าหมอนี่ให้กลายเป็นร่างแยกวัฏจักร?

ก็ได้นี่นา

แต่ว่าต้องให้หานเจวี๋ยบรรลุถึงจักรพรรดิเซียนห้าวัฏก่อนค่อยดำเนินการ เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุสุดวิสัย

วิธีการของจักรพรรดิเซียนมีมากมายเกินไป แม้ว่าวิญญาณของพุทธะพิชิตชัยจะถูกดับทำลายไปแล้ว ทว่าหากวิญญาณของเจ้าหมอนี่กลับมาเกิดใหม่ตามกาลเวลาที่ผ่านไปเล่า

หานเจวี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนำกายเนื้อของพุทธะพิชิตชัยทิ้งไปในโลกอนธการ และปิดผนึกด้วยปราณแห่งอนธการและมหามรรคเวียนว่ายตายเกิด

จอมปีศาจคุกรัตติกาลมองเห็นพุทธะพิชิตชัยที่อยู่ไกลออกไปก็อดเบิกตากว้างไม่ได้

“พุทธะพิชิตชัย! เป็นไปได้อย่างไรกัน!”

จอมปีศาจคุกรัตติกาลถูกทำให้ตกใจ

ชื่อของพุทธะพิชิตชัย กึกก้องดั่งฟ้าคำรามในแดนเซียน

จอมปีศาจคุกรัตติกาลเคยพ่ายแพ้ใต้เงื้อมของมือพุทธะพิชิตชัย ก่อนหน้านี้ไม่นานได้ยินมาว่าพุทธะพิชิตชัยตกตาย เขาก็ดีใจแทบแย่

แต่คิดไม่ถึงว่าพุทธะพิชิตชัยจะอยู่ที่นี่…

ช้าก่อน!

นั่นคือกายเนื้อ ไม่ใช่จิตวิญญาณ!

หรือว่า…

จอมปีศาจคุกรัตติกาลคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จิตวิญญาณพลันสั่นสะท้าน

[จอมปีศาจคุกรัตติกาลเกิดความประทับใจในตัวท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 5 ดาว]

เมื่อหานเจวี๋ยมองเห็นประโยคที่ปรากฏขึ้นตรงหน้า ก็อดที่จะงุนงงไม่ได้

เหตุใดถึงพุ่งไปถึงห้าดาวเลยเล่า

เขาอดไม่ได้ที่จะกดเปิดภาพประจำตัวของจอมปีศาจคุกรัตติกาลขึ้นมาตรวจดู

[จอมปีศาจคุกรัตติกาล: จักรพรรดิเซียนห้าวัฏ หนึ่งในจอมปีศาจของวังปีศาจ มาจากเผ่าหงส์คุกรัตติกาลในสมัยโบราณ เนื่องจากรู้ว่าท่านเป็นผู้สังหารพุทธะพิชิตชัย จึงเกิดความเคารพยำเกรงต่อท่านอย่างสุดซึ้ง ไม่กล้าต่อต้านท่าน ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 5 ดาว]

หานเจวี๋ยแปลกใจ

พุทธะพิชิตชัยก็มีประโยชน์เช่นนี้ด้วยหรือ

หานเจวี๋ยกลับไม่ได้เปลี่ยนความตั้งใจ เขายังคงรอให้ตราประทับหกวิถีทวีความลึกซึ้งขึ้นก่อนค่อยปล่อยจอมปีศาจคุกรัตติกาลออกมา

ยมโลก

เบื้องบนแม่น้ำปรโลก

คนในชุดกันฝนผู้หนึ่งหยุดอยู่กลางอากาศ เขาปรายตามองลงไปที่แนวปะการังเล็กๆ ในทะเลเบื้องล่าง

“ตรงนี้แหละ เขามาถึงตรงนี้แล้วก็หยุดลง!”

คนในชุดกันฝนถอดพลังจิตออกมา กวาดเข้าไปในแนวปะการัง

เกาะสำนักซ่อนเร้น?

เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ ที่เหมือนกับหานเจวี๋ยไม่มีผิดเพี้ยน

เขากำหมัดในทันทีและเอ่ยว่า “จักรพรรดิเซียนวัฏจักร ครั้งก่อนเป็นข้าที่ประมาท ครั้งนี้ข้ายินดีมอบสิ่งที่ท่านต้องการให้ก่อน ท่านได้โปรดอย่าทอดทิ้งข้าเลยนะ!”

เขาไม่ได้รับคำตอบ ยิ่งกระวนกระวายใจมากขึ้นไปอีก

“จักรพรรดิเซียนวัฏจักร หากสิ่งที่ข้าต้องการยังมาไม่ถึง ข้าก็สามารถรอได้!”

คนในชุดกันฝนกัดฟันเอ่ย เห็นได้ชัดว่าภายในใจแบกรับความทุกข์ทรมานอย่างใหญ่หลวง

หุ่นเชิดแห่งสวรรค์ที่อยู่ภายในเกาะลืมตาขึ้น หานเจวี๋ยได้ยินวาจาของคนในชุดกันฝนผ่านมัน

‘เจ้าหมอนี่ตามมาทันได้อย่างไรกัน’

……………………………………………………………..