แม่นมสี่เอ่ยอย่างปลอบใจว่า “องค์ชายแปดต้องไม่เป็นอะไรเพคะ ท่านอย่าคิดมากเลย รีบนอนเถอะ”

หยวนชิงหลิงได้แต่นอนลงอีก ไม่เช่นนั้นแม่นมคงต้องคอยบ่นอยู่อย่างนี้

ความคิดวุ่นวาย คิดอยู่นาน นางค่อยๆหลับไป

เพียงแต่ เพิ่งจะนอนหลับได้ไม่เท่าไหร่ ก็ได้ยินแม่นมสี่เรียกนาง “พระชายา รีบลุกขึ้นเถอะเพคะ ในวังมีคนมา ”

หยวนชิงหลิงลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ ได้ยินว่าในวังส่งคนมา ตกใจจนรีบลุกขึ้นนั่ง คว้ามือของแม่นมสี่เอาไว้

“ใช่องค์ชายแปด ……”

แม่นมสี่ปิดปากของนางเอาไว้ พูดเบาๆว่า “ชู่ อย่าพูดเรื่อยเปื่อยเพคะ เป็นมู่หรงกงกงที่มา บอกว่าฮ่องเต้เรียกท่านเข้าวังเดี๋ยวนี้”

หยวนชิงหลิงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “น่าจะเป็นเรื่องอาการขององค์ชายแปดไม่ดีขึ้น”นางลุกขึ้น แม่นมสี่กับลู่หยาช่วยนางเปลี่ยนเสื้อผ้า หวีผมจัดทรงธรรมดา อากาศค่อนข้างหนาว ฉะนั้น แม่นมสี่จึงเอาเสื้อคลุมหนึ่งตัวออกมาจากตู้เพื่อคลุมให้หยวนชิงหลิง แล้วก็เดินออกไป

มู่หรงกงกงกำลังรออยู่ข้างนอกอย่างร้อนใจ เห็นหยวนชิงหลิงออกมา ก็รีบพูดว่า “พระชายา ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ท่านเข้าวังทันที ”

หยวนชิงหลิงถามว่า “อาการขององค์ชายแปดไม่ดีขึ้นใช่หรือไม่ ”

มู่หรงกงกงพยักหน้าอย่างหนัก “ใช่พ่ะย่ะค่ะ ”

หยวนชิงหลิงก็ไม่เสียเวลาอีก พูดว่า “ไปกันเถอะ”

เมื่อคืนนางเคยดูกล่องยาแล้ว แต่ตนเองไม่มียา ในกล่องยานอกจากยาบำรุงครรภ์ก็จะมียาจำพวกไข้หวัดหรือไม่ก็ยารักษาบาดแผลภายนอกเล็กน้อยเท่านั้น มียาปฏิชีวนะไม่กี่เม็ด แต่ว่า สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส นี่แทบจะไม่ได้ผลอะไรเลย

ฟ้ายังไม่สว่าง ท้องฟ้ายังคงปกคลุมไปด้วยความสลัว ตรงขอบฟ้ามีแสงสีขาวปรากฏขึ้นจางๆ ทั้งเมืองหลวง เงียบสงัดจนน่ากลัว

แม่นมไปกับนางด้วย พูดเสียงเบาๆว่า “พระชายา ถ้าไม่มั่นใจ อย่าได้ลงมือช่วยรักษาเด็ดขาด หากเกิดอะไรขึ้นมา ฮองเฮาคงต้องผลักภาระทั้งหมดมาให้ท่านรับผิดชอบ”

หยวนชิงหลิงพยักหน้าทื่อๆ “ข้ารู้ ”

ในใจนางรู้สึกวุ่นวายชอบกล

ที่จิตใจวุ่นวาย ก็เพราะไม่สามารถมองเบื้องหลังของเรื่องทั้งหมดได้ชัดเจน

ที่จริงนางรู้สึกว่า เรื่องนี้นั้นพุ่งตรงมาหาเจ้าห้า

เข้าสู่เขตวัง มู่หรงกงกงพานางกับแม่นมสี่ไปที่ตำหนักชิงหัว ที่นี่คือด้านข้างของตำหนักบรรทมของฮองเฮา สร้างขึ้นโดดเดี่ยว เรียกว่า ตำหนักชิงหัว ใช้สำหรับให้องค์ชายแปดพำนัก

ตามมู่หรงกงกงเข้าไป ก็เห็นว่าฮ่องเต้หมิงหยวนกับฮองเฮาก็อยู่ด้านใน กุ้ยเฟย เต๋อเฟยเสียนเฟยก็อยู่พร้อมหน้า

อ๋องฉีและฉู่หมิงชุ่ยก็อยู่ แต่ว่าทั้งสองแบ่งกันนั่งอยู่สองฝั่ง

หยวนชิงหลิงเข้าไปคำนับ ฮ่องเต้หมิงหยวนมองนาง พูดเสียงขรึมว่า “ไม่ต้องมากพิธี เจ้าเข้าไปดูเจ้าแปดเถอะ ”

หยวนชิงหลิงพยักหน้า “เพคะ”

“พระชายาฉู่ ”ฮองเฮาเรียกนางเอาไว้

หยวนชิงหลิงหันไปมอง “เพคะ เสด็จแม่ ”

“เจ้ามีทางช่วยเขาใช่หรือไม่ ”ฮองเฮาจ้องมองนาง มีแสงสว่างวาบผ่านสายตานาง แสงนั้นคล้ายแววระแวง

หยวนชิงหลิงเอ่ยเบาๆว่า “ทุกอย่างต้องดูแล้วจึงรู้เพคะ”

ฮองเฮาลุกขึ้นอย่างกะทันหัน “ตอนนั้นอ๋องฉู่ถือว่าได้ตายไปแล้ว เจ้ายังสามารถช่วยกลับมาได้ ถ้าวันนี้เจ้าช่วยเจ้าแปดไม่ได้ ก็ถือว่าเจ้าเห็นคนจะตายแต่ไม่ช่วย”

ยังไม่ทันได้เข้าไป ก็ได้รับคำกล่าวโทษแล้ว หยวนชิงหลิงพูดว่า “เสด็จแม่ ตอนนี้ข้าไม่รู้ว่าองค์ชายแปดมีอาการเช่นไร รอให้หม่อมฉันไปดูก่อนค่อยว่ากันได้หรือไม่ ”

ฮ่องเต้หมิงหยวนก็เอ่ยเสียงเรียบว่า “ฮองเฮา อย่าใจร้อน ให้นางเข้าไปดูก่อน ”

อ๋องฉีก็ลุกขึ้นมา “ข้าจะเข้าไปกับพี่สะใภ้ห้าด้วย ”

ตำหนักบรรทมกับตำหนักด้านนอกกั้นไว้เพียงกำแพงเดียวเท่านั้น ตำหนักชิงหัวนั้นได้แบ่งสัดส่วนออกมาจากตำหนักบรรทมของฮองเฮา ฉะนั้นจึงไม่ใหญ่นัก

หมอหลวงเฝ้าอยู่ด้านใน บนเตียงมีหนุ่มน้อยที่ไร้สีเลือดนอนอยู่คนหนึ่ง หน้าตาเหมือนกับอ๋องฉีมาก ขนตายาวมาก นอนอยู่ตรงนั้นราวกับไร้ชีวิต

บนพื้นมีกะละมังใบหนึ่งวางอยู่ น้ำในกะละมังถูกย้อมเป็นสีแดง ด้วยเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้น ทำให้น้ำกระเพื่อมไปมา ราวกับคลื่นเลือดนั้นกำลังซัดไปมาไม่หยุด

หนุ่มน้อยคนนั้น ใบหน้าสะอาดสะอ้าน หากไม่เป็นเพราะสีหน้าขาวซีดกับลมหายใจที่แผ่วเบา คงทำให้รู้สึกราวกับว่าแค่นอนหลับไป

ที่ข้างมุมปากของเขามีร่องรอยของเลือดที่ถูกเช็ดออกไป น่าจะเป็นการกระอักเลือด

หมอหลวงเฉาเอ่ยเบาๆว่า “พระชายา องค์ชายแปดถูกคนทำให้ตกใจจนชีพจรหัวใจสลาย จากนั้นก็ใช้ดาบแทงที่หัวใจ แม้จะกินยาจื่อจินแล้ว แต่ว่า อาการก็ยังแย่มาก การหายใจยิ่งอยู่ก็ยิ่งช้าลง ”

มีหมอหลวงหลายคน ต่างก็มารออยู่ที่นี่อย่างอับจนหนทาง เห็นได้ชัดว่าได้ถอดใจไปแล้ว ฮ่องเต้กับฮองเฮาอยู่ด้านนอก เกรงว่าจะหมดลมหายใจ นั่นเท่ากับคนหัวขาวส่งคนหัวดำ(โดยปกติหมายถึงลูกๆ ตายก่อนพ่อแม่)

หยวนชิงหลิงพยักหน้ารับเงียบๆ เดินเข้าไป

ตอนที่อยู่บนรถม้า ได้แอบเอากล่องยาออกมาวางไว้ที่พื้นแล้ว ตอนที่ลงมาก็เอากล่องยาเข้ามาด้วย

ตอนนี้ นางเปิดกล่องยาออก ปรากฏว่ามียาเพิ่มขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่มาก มียาห้ามเลือดกับยากระตุ้นหัวใจ

นางเอาเครื่องฟังเสียงหัวใจออกมา ฟังการเต้นของหัวใจ ด้านในมีเลือดออก บาดเจ็บภายใน ทำให้เกิดเลือดคั่ง นางทำการสูบน้ำออก การหายใจขององค์ชายแปดก็ค่อยๆนิ่งขึ้นมาบ้าง

แต่ว่า อาการยังคงแย่มาก เขานอกจากจะได้รับบาดเจ็บภายนอกยังได้รับบาดเจ็บภายในจนเลือดออก ฉะนั้นสถานการณ์ตอนนี้ที่เป็นปัญหาก็คือเขาเสียเลือดไปมาก ต้องทำการเติมเลือดทันที

แต่ว่าการเติมเลือดจะสามารถทำให้อาการทรงตัวหรือไม่ ก็ไม่รู้ เพราะนางไม่มีทางที่จะรู้ว่าอาการเลือดออกของเขาได้หยุดลงหรือยัง

นางเดินออกไป บอกกับฮ่องเต้หมิงหยวนว่าต้องเติมเลือด

เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ฉะนั้นอ๋องฉีก็เข้าใจ

หยวนชิงหลิงหยิบเอากระดาษทดสอบกรุปเลือดออกมา ของอ๋องฉีนั้นใช้ไม่ได้ อ๋องสี่หยู่เหวินเว่ยที่อยู่ด้วยก็ได้ทำการทดลอง แต่ก็ไม่เข้ากัน

อ๋องจี้ อ๋องซุน ก็ถูกเรียกเข้ามา หลังจากทดลองแล้ว หยวนชิงหลิงยังคงส่ายหน้า

ฮองเฮาหมดความอดทน “ทำไมเจ้าจึงเอาแต่ส่ายหน้า นี่เจ้าจงใจหาเรื่องใช่หรือไม่ พวกเขาเป็นพี่น้องกัน ทำไมจะเข้ากันไม่ได้ เลือดของพวกเขาหากหยดรวมกัน ต้องรวมเข้ากันได้แน่ ”

หยวนชิงหลิงไร้หนทางที่จะอธิบายให้เข้าใจได้ ได้แต่พูดว่า “เสด็จแม่ ไม่ใช่ข้าหาเรื่อง ถ้าเลือดเข้ากันไม่ได้ เติมเลือดเข้าไปแล้วกลับจะเป็นการทำร้ายองค์ชายแปด”

“เจ้าห้าล่ะ”ฮ่องเต้หมิงหยวนถาม

มู่หรงกงกงตอบว่า “ท่านอ๋องยังคงทำการสอบสวนอยู่ในวัง ข้าน้อยจะไปเชิญมา ”

หยวนชิงหลิงเดิมอยากจะบอกว่าไม่ต้องแล้ว หยู่เหวินเห้านั้นเลือดกรุปเอ องค์ชายแปดนั้นเลือดกรุปบี แต่ว่า ถ้าหากไม่ผ่านการตรวจ ฮองเฮาก็ต้องว่านางอีกเป็นแน่

หยู่เหวินเห้าถูกเรียกตัวกะทันหัน มองเห็นหยวนชิงหลิงก็อยู่ที่นี่ เขานิ่งอึ้งไป แววตาซับซ้อน

เขาไม่อยากให้หยวนชิงหลิงมาที่นี่

หยวนชิงหลิงเจาะเลือดที่ปลายนิ้วของเขา หยดลงบนกระดาษทดลอง

หยู่เหวินเห้าเอ่ยเสียงเบาว่า “หากรู้สึกไม่สบาย เจ้าต้องพักผ่อนนะ”

“ข้ารู้แล้ว”หยวนชิงหลิงตอบเสียงเบาเช่นกัน

ยกกระดาษทดลองขึ้น หยวนชิงหลิงยังคงส่ายหน้า “ไม่เหมาะสม ”

ฮองเฮาแทบคลั่งแล้ว มีคนคนหนึ่งค่อยๆเดินเข้ามา ก้มหน้าพูดเสียงเบาว่า “พี่สะใภ้ห้า แล้วข้าล่ะ”

หยวนชิงหลิงมองเขา รู้สึกอึ้งอยู่บ้าง เขาเรียกนางว่าพี่สะใภ้ห้า แต่นางไม่เคยพบเขามาก่อน

หยวนชิงหลิงมองไปทางหยู่เหวินเห้าทันที หยู่เหวินเห้าพูดว่า “น้องเก้า เจ้าเข้ามาสิ ”

องค์ชายเก้า?

หยวนชิงหลิงนึกขึ้นมาได้ทันที

องค์ชายเก้าหยู่เหวินเทียน ปีนี้น่าจะอายุสิบหกสิบเจ็ดแล้ว มารดาผู้ให้กำเนิดคือหลอกุ้ยผิน เคยเป็นที่รักและเอ็นดูของฮ่องเต้ เคยคิดร้ายต่อฮองเฮาจึงถูกลงโทษประหาร

นางให้กำเนิดหนึ่งชายหนึ่งหญิง และเพราะความผิดของนางทำให้ลูกทั้งสองไม่มีโอกาสได้ออกหน้าเลย

ฮองเฮามองเขาด้วยสายตาเย็นชา “เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ออกไป”

ฮองเฮาเกลียดชังหลอกุ้ยผิน เกลียดองค์ชายเก้า เกลียดองค์หญิงสิบเจ็ด ทุกคนต่างก็รู้ดี แม้แต่ฮ่องเต้เองก็รู้