ตอนที่ 280

My Disciples Are All Villains

เจียงอาเฉียนมองไปรอบๆ ตัวก่อนที่จะขยับไปใกล้ลู่โจวมากขึ้น ตัวเขาได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย “อัครมเหสีทรงมีอาการประชวร และเพราะคัมภีร์ของศาลาปีศาจลอยฟ้าทำให้นางหายจากอาการประชวรได้ อัครมเหสีทรงมีคัมภีร์อยู่ 2 เล่มด้วยกัน นางตัดสินใจที่จะมอบหนึ่งในนั้นให้กับองค์จักรพรรดิองค์ก่อน…น่าเสียดาย คัมภีร์เล่มนั้นสุดท้ายก็ถูกฝังเอาไว้กับร่างอันไร้วิญญาณขององค์จักรพรรดิไป”

เมื่อหยวนเอ๋อได้ยินแบบนั้นนางก็ได้ถามขึ้น “ที่เจ้าพูดมาทั้งหมดเจ้าต้องการที่จะขุดหลุมฝังศพให้กับอาจารย์ของข้าอย่างงั้นหรอ? “

“เจ้ากำลังพูดถึงอะไรกัน? ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำอะไรแบบนั้น ข้ามาที่นี่ก็เพื่อที่จะตามหาดาบมารต่างหาก” เจียงอาเฉียนได้ตอบกลับมา

“ดาบมารอย่างงั้นหรอ? “

“สุสานแห่งดาบถือเป็นสถานที่ที่อยู่ในใต้ดิน มันเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังหยินและหยาง ข้าแน่ใจเลยว่าสถานที่แห่งนี้จะต้องสร้างดาบอันไร้เทียมทานขึ้นมาได้แน่ ในฐานะที่ข้าเป็นหนึ่งในผู้คลั่งไคล้ดาบการที่จะมาสถานที่แห่งนี้ถือเป็นเรื่องช่วยไม่ได้…สาวน้อยเจ้าอย่ามองข้าแบบนั้นเลย” เจียงอาเฉียนได้พูดขึ้น

ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นได้ถามออกมาอย่างสับสน “แล้วทุกๆ คนสามารถเข้าไปยังห้องเก็บสมบัติใต้ดินขององค์จักรพรรดิได้อย่างอิสระเลยอย่างงั้นหรอ? “

เจียงอาเฉียนโบกมือก่อนที่จะตอบกลับไป “สุสานแห่งดาบกับห้องเก็บสมบัติใต้ดินแตกต่างกัน ที่หุบเขาตะวันม่วงมันเต็มไปด้วยพลังหยางในทางทิศใต้ และในทางทิศเหนือก็ยังมีพลังหยิน…พลังที่ว่าได้แผ่ขยายออกไปกว่าหลายไมล์ด้วยกัน สถานที่ทั้งสองแห่งแม้ว่าจะเป็นสถานที่ของพระราชสำนักแต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน” เจียงอาเฉียนตัดสินใจอธิบายอยู่เพียงแค่นี้ ตัวเขารู้ดีว่าลู่โจวจะต้องมีความรู้ที่กว้างขวางอยู่แล้ว ยิ่งพูดออกมาเท่าไหร่ ตัวของเจียงอาเฉียนก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังดูโง่มากขึ้น

ลู่โจวมองไปที่เจียงอาเฉียนก่อนที่จะพูดออกมา “สถานที่ทั้งสองแห่งไม่เหมือนกับ…แต่สถานที่ทั้งสองตั้งอยู่ในหุบเขาตะวันม่วงเช่นเดียวกัน บางทีสถานที่ทั้งสองแห่งอาจจะเคยเชื่อมต่อกันก็เป็นได้ เจ้าจะยืนอยู่เฉยๆ แบบนี้ต่อไปอย่างงั้นหรอ? ” ยังไงซะเจียงอาเฉียนก็เป็นถึงองค์ชาย องค์ชายอย่างเขาจะยืนอยู่เฉยๆ เฝ้ามองดูคนนอกกำลังขุดหลุมฝังศพของบรรพบุรุษแบบนี้อย่างงั้นหรอ?

“เอ่อ…” เจียงอาเฉียนที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับตกตะลึง

ลู่โจวได้เดินไปยังก้อนหินที่กำลังปิดเส้นทางอยู่ กลุ่มผู้ฝึกยุทธได้หันไปหาลู่โจวด้วยความสนใจในทันที เมื่อเห็นชายชราที่ดูมีภูมิฐานพวกเขาทั้งหมดต่างก็หลีกทางให้อย่างไม่ลังเล

รูปร่างหน้าตาของลู่โจวเปลี่ยนไปมากเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ไม่ใช่แค่อายุของเขาจะลดลงแต่เพียงเท่านั้น รสนิยมในการเลือกใช้เสื้อผ้าเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน จีเทียนเด๋ามักไว้ผมรุงรังเล็กน้อย เขามักจะเป็นคนที่มีอารมณ์ร้อนเกินกว่าที่จะยับยั้งชั่งใจได้ เสื้อผ้าที่จีเทียนเด๋าเคยใส่ก็ยังดูดิบเถื่อนไม่ก็ดูเรียบง่าย ในทางกลับกันลู่โจวชอบที่จะรักษารูปลักษณ์ของตัวเองให้ดูเรียบร้อย อย่างน้อยที่สุดลู่โจวก็เลือกที่จะใส่เสื้อผ้าพอดีตัว ตอนนี้ตัวเขามีความรู้สึกเหมือนกับผู้อาวุโสแล้ว เพียงแค่เรื่องการแต่งตัวก็ทำให้คนที่มีรูปร่างเหมือนกันดูไม่เหมือนกับคนเดียวกันได้

ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะพูดออกมา “เก็บกวาดซะ”

ผู้คนที่อยู่รอบข้างต่างก็งุนงง ‘ตาแก่นี้กำลังพูดกับใครกัน? ‘

หยวนเอ๋อได้ชี้ไปที่เจียงอาเฉียนก่อนที่จะพูดขึ้น “ไปซะสิ”

“ข้า? ” เจียงอาเฉียนชี้ไปที่ตัวเอง

“ใช่ เจ้านั่นแหละ…”

เจียงอาเฉียนอยากจะร้องไห้ ‘ก็ได้…เพื่อดาบมารข้าจะต้องทนต่อไป’ ตัวเขาได้ลุกขึ้นมาจากพื้นก่อนที่จะกางแขนออกมา ดาบคีตะมังกรได้ถูกชักออกมาจากฝัก เมื่อเห็นแบบนั้นผู้ฝึกยุทธต่างก็หลีกทางกันไป

“ช่างเป็นคนที่แข็งแกร่งอะไรแบบนี้! “

“ก่อนหน้านี้ทำไมเขาบอกว่าทำอะไรไม่ได้กัน? “

“พลังนี้มัน…พลังของผู้ฝึกยุทธของขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์! เขาจะต้องเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์แน่! “

ทันทีที่ดาบคีตะมังกรถูกชักออกมา ที่ใบดาบของมันก็ถูกล้อมรอบไปด้วยพลังแสงสีทอง พลังที่ดาบเริ่มมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ เจียงอาเฉียนได้ใช้ดาบคีตะมังกรฟาดฟันไปที่ก้อนหินก้อนใหญ่

ตู๊ม!

ก้อนหินก้อนใหญ่ได้แตกเป็นเสี่ยงๆ

ผู้ฝึกยุทธทุกคนต่างก็ใช้พลังป้องกันตัวเองขึ้นมา

ไม่นานนักทางทั้งหมดก็ถูกเปิดอีกครั้ง

ก้อนหินก้อนใหญ่ได้ถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยฝีมือของดาบคีตะมังกร เจียงอาเฉียนพอใจกับฝีมือของตัวเองมาก เมื่อโจมตีเสร็จตัวเขาก็ได้ลอยลงมาอย่างช้าๆ เมื่อถึงพื้นเจียงอาเฉียนก็เก็บดาบลงไปที่ฝักอีกครั้ง “ช่วยไม่ได้ซะแล้ว…มันจำเป็นต้องทำล่ะนะ”

ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายได้ถอยหลังไปหลายก้าว ‘แข็งแกร่งจริงๆ ‘

แม้แต่หยวนเอ๋อเองก็ยังคาดไม่ถึงเลยว่าคนไร้ยางอายคนนี้จะมีความสามารถที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ดูเหมือนว่านางจะประเมินเขาต่ำจนเกินไป

ลู่โจวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจก่อนที่จะพูดออกมาเบาๆ “ไปกันเถอะ”

ฉินจานและหยวนเอ๋อได้เดินตามลู่โจวไป

“ท่านผู้อาวุโสเชิญก่อน”

“ใช่แล้ว ท่านผู้อาวุโสเชิญก่อนเลย”

เมื่อผู้ฝึกยุทธเห็นระดับพลังวรยุทธที่เจียงอาเฉียนมี พวกเขาก็รู้สึกเคารพในตัวของลู่โจวเพิ่มมากขึ้น

หยวนเอ๋อที่เดินตามมาได้หันไปแยกเขี้ยวขู่เหล่าผู้ฝึกยุทธ

กลุ่มผู้ฝึกยุทธรู้สึกกลัวหยวนเอ๋อมากจนไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ พวกเขาได้แต่เดินตามอยู่อย่างห่างๆ

หลังจากที่เดินไปได้สักพัก หยวนเอ๋อก็ยังสังเกตเห็นกลุ่มผู้ฝึกยุทธที่กำลังเดินตามอยู่ นางได้พูดขึ้น “ท่านอาจารย์…เจ้าพวกนี้น่ารำคาญจริงๆ ให้ศิษย์ไล่พวกมันไปเลยดีไหม? “

“ไม่จำเป็นจะต้องทำแบบนั้นหรอก” ลู่โจวได้ลูบเคราก่อนที่จะมองไปข้างหน้า “ในสุสานแห่งดาบมีดาบมากมายหลายเล่ม ด้วยพลังวรยุทธที่พวกเขามีการจะเคลื่อนย้ายดาบมารออกมาได้คงจะเป็นไปไม่ได้เลย ในทางกลับกัน…ถ้าหากเจ้าพวกนั้นสามารถดึงดาบออกมาจากสุสานได้ การทำแบบนั้นพลังของดาบก็จะอ่อนแอลงอยู่ดี”

“ท่านพูดถูกแล้วท่านผู้อาวุโส ตามที่ข้าคิดไว้จริงๆ ท่านช่างมีความรู้ที่กว้างขวาง…ข้ารู้สึกประทับใจจริงๆ ” เจียงอาเฉียนได้พูดแสดงความเห็นขึ้น

“เจ้าจะประจบประแจงอีกนานไหม! ” หยวนเอ๋อได้เดินไปใกล้เจียงอาเฉียน

ฉินจานได้คารวะก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านผู้อาวุโส ท่านกำลังบอกว่าดาบในสุสานแห่งดาบจะยังคงทรงพลังอยู่ตราบใดที่มันไม่มีเจ้าของอย่างงั้นหรอ? “

“ดาบที่ไร้ซึ่งผู้เป็นเจ้าของย่อมจดจำผู้เป็นเจ้าของใหม่โดยง่าย…แต่การจะทำแบบนั้นได้ก็ต้องใช้พลังมากพอในการกำราบมัน” ลู่โจวได้ตอบกลับมา

“ข้าเข้าใจแล้ว…ข้าได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ จากท่านอีกแล้ว” ฉินจานที่ได้ฟังคำตอบก็ได้โค้งคำนับให้

กลุ่มผู้ฝึกยุทธที่อยู่ด้านหลังที่ได้ยินบทสนทนารู้สึกยินดี ผู้ฝึกยุทธจำนวนหนึ่งได้โค้งคำนับให้กับลู่โจวก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านผู้อาวุโสพูดถูกแล้ว…ถ้าหากพวกเรารวมพลังกันพวกเราจะต้องกำราบสุสานแห่งดาบได้แน่! ยิ่งรวมพลังกันก็จะยิ่งแข็งแกร่ง! พลังวรยุทธของพวกเราอ่อนแอจนสามารถถือครองดาบธรรมดาได้เท่านั้น พลังวรยุทธของท่านผู้อาวุโสช่างลึกล้ำ พวกเราจะต้องได้รับดาบที่ดีกว่านั้นแน่ สมบูรณ์แบบ! “

“ท่านผู้อาวุโสทั้งใจดีแล้วก็มีน้ำใจ ไม่เหมือนกับเจ้าคนน่ารังเกียจอย่างสีวู่หยา เจ้านั่นน่ะเห็นแก่ตัวสุดๆ “

“…” หยวนเอ๋อมองไปที่ผู้เป็นอาจารย์ด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน

ลู่โจวไม่ได้โกรธอะไร สมควรแล้วที่ศิษย์ทรยศจะถูกด่าแบบนี้

บางทีที่เป็นแบบนี้อาจจะเป็นเพราะลู่โจวสามารถเข้าถึงได้ง่าย ผู้ฝึกยุทธส่วนใหญ่เริ่มมีความกล้ามากขึ้น พวกเขาเริ่มเข้ามาใกล้ลู่โจวมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็มาถึงสุสานแห่งดาบ

“สุสานอยู่ด้านหน้า…”

“ทางเข้าถูกปิดอีกแล้วสินะ”

“ทำไมถึงต้องทำแบบนี้กัน? ผู้ที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนก็มีแต่จะถูกด่าเท่านั้น”

ลู่โจวได้พูดออกมาอย่างเฉยเมย “เจียงอาเฉียน”

“หะ? “

“จัดการซะ”

“ข้าอีกแล้วอย่างงั้นหรอ? ” เจียงอาเฉียนสัมผัสได้ถึงทุกสายตาที่กำลังจับจ้องตัวเขา

“ก็ได้…ข้าจะทำเอง” เจียงอาเฉียนที่ตอบตกลงได้แต่ใช้ความคิดอยู่ภายในใจ ‘เฮ้อ นี่มันยังอยู่ไกลจากที่ข้าวางแผนเอาไว้’

เจียงอาเฉียนยังเป็นเช่นเดิม ตัวเขาสามารถจัดการสิ่งกีดขวางได้อย่างง่ายดาย

ฉินจานได้พูดขึ้น “การจะทำแบบนี้จะต้องเป็นการซื้อเวลาแน่ หินพวกนี้ไม่อาจที่จะขวางกั้นยอดฝีมือ เห็นได้ชัดว่าคนที่พยายามก่อเรื่องขึ้นจะต้องทำเพื่อซื้อเวลา”

“การจะได้มาซึ่งดาบมารเห็นทีคงจะไม่ใช่เรื่องง่าย” เจียงอาเฉียนพูดออกมาอย่างมั่นใจ

“เจ้าพูดถูกแล้วล่ะ อย่าลืมไปว่าสีวู่หยาครั้งหนึ่งก็เคยเป็นศิษย์ของศาลาปีศาจลอยฟ้า! ” ฉินจานได้พูดเสริม

เจียงอาเฉียนที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับพูดไม่ออก ตัวเขารู้สึกไม่พอใจคำพูดของฉินจาน ‘ถ้าหากไม่มีอะไรจะพูดทำไมเจ้านี่ถึงเลือกที่จะไม่พูดกัน! ‘

ลู่โจวยังคงเงียบ ตัวเขายังคงเดินนำทุกคนเข้าไปที่สุสานแห่งดาบ

หยวนเอ๋อตามตัวเขาไปอย่างเร่งรีบ

ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายที่เหลือก็ยังเดินตามเช่นกัน

ที่ทางเขาสุสานแห่งดาบ มีดาบถูกวางเอาไว้อยู่ทั่วทั้งทางเดิน ดาบหลากหลายเล่มได้ยื่นออกมาจากกองภูเขาดาบ ดาบทั้งหลายมีทั้งขนาดและความยาวที่แตกต่างกัน ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายที่เห็นภาพแบบนี้ต่างก็ตื่นตกใจ ในทางกลับกันเจียงอาเฉียนได้แต่ส่ายหัว “ดาบพวกนี้ไร้ประโยชน์เกินไป! ” ตัวเขาแทบที่จะรอไม่ไหวอีกต่อไปที่จะได้ถือดาบมาร เป็นธรรมดาที่คนมีฝีมืออย่างเจียงอาเฉียนจะไม่สนใจดาบทั่วๆ ไป มีเพียงดาบมารเท่านั้นที่จะดูงดงามจับใจของเจียงอาเฉียนได้ ดาบมารเป็นดาบที่เขาได้หมายตาเอาไว้ในที่แห่งนี้!