บทที่ 303 ผ้ารูปทรงแปลกประหลาด

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 303 ผ้ารูปทรงแปลกประหลาด

ไม่รู้ว่าด้วยเหตุอันใด

ตั้งแต่ที่เข้ามาอยู่ในตำหนักของนาง ความทรงจำเหล่านั้นที่เขาเคยลืมก็ค่อยๆหวนคืนกลับมา

ทุกๆท่าทางอาการของนาง เขาก็ค่อยๆรู้สึกถึงมัน

ไม่แน่!

เพียงแค่ได้อยู่เคียงข้างนางไปต่อไป ความทรงจำเหล่านั้นที่เขาลืมเลือน ก็น่าจะหวนคืนกลับมา……

ทันใดนั้น!

“ฟิ้ว······”

ลมหายใจอันเยือกเย็นที่แสนอันตรายพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

พวกเขาต่างรู้เท่าทัน!

หลานเยาเยาลืมตาในทันที ส่วนเย่แจ๋หยิ่งที่โน้มตัวมาข้างหน้า ก็โอบนางไว้ในอ้อมแขน อีกทั้งยังเอื้อมมือไปคว้าอาวุธลับที่พุ่งเข้ามา

มองอาวุธที่พุ่งเข้ามาผ่านอากาศอันหนาวเหน็บนั้น หลานเยาเยาไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายใดๆเลยแม้แต่น้อย

รู้สึกแต่······

รู้สึกแต่ความอบอุ่น

เป็นไปได้อย่างไรกัน? เป็นเพราะอยู่ในอ้อมกอดของเขางั้นรึ?

เช่นนั้น นางจึงอดไม่ได้ที่จะมองไปยังแววตาของเย่แจ๋หยิ่ง และเมื่อได้สบตากับเขา

จู่ๆใจนางก็เต้นตุ๊บตั๊บ!

ในพริบตาเดียว นางก็เห็นความหวาดกลัวและกังวลในแววตาของเย่แจ๋หยิ่ง

เขา เขากลัวสิ่งใด?

แล้วกังวลเรื่องอะไรกัน?

ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะนางงั้นรึ?

หึ!

ความกังวลน่ะหรอ? นางไม่รู้สึกถึงมันมาตั้งนานแล้ว……มิใช่รึ?

“ไม่ต้องกลัว ข้าปกป้องเจ้าอยู่” เสียงสุขุมนุ่มลึกอันอ่อนโยนดังขึ้น เพราะกลัวว่าอันตรายที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันจะทำให้นางตกใจด้วยเช่นกัน

เมื่อได้ยินเช่นนั้น!

หลานเยาเยาก็ตะลึงไปเล็กน้อย

ความกังวลของนางไม่เคยหลอกลวง ครั้งนึง น้ำเสียงที่อบอุ่นอ่อนหวานของเขาเช่นนี้มักจะพูดกับนางคนเดียวเท่านั้น

แต่ในตอนนี้······

ในความคิดของนาง เย่แจ๋หยิ่งกำลังทำให้คนอื่นทุกข์ใจ

นางรู้สึกเจ็บอยู่ในใจ

ความเจ็บปวดที่เหมือนจะเคยรู้สึกมาก่อน มันค่อยๆรุกรานเข้ามาในก้นบึ้งของหัวใจนาง

ตัวตนของนางในตอนนี้กับในอดีตต่างกันราวฟ้ากับเหว นางจำตัวเองแทบไม่ได้ แล้วคนอื่นจะจำได้ได้อย่างไร?

และดูเหมือน……

เขาคงจะลืมหลานเยาเยาที่ครั้งหนึ่งเคยไร้เดียงสาไปตั้งนานแล้ว และที่เลวร้ายคือ นางก็คิดเองเออเองว่าเขาลืมไปแล้วจริงๆ แถมยังแอบหวังเล็กๆ ว่าอย่างน้อยก็ขอให้เขาจำหลานเยาเยาได้บ้าง

แต่ในตอนนี้ ความหวังนั่นมันเลือนหายไปหมดแล้ว……

หึ!

บัดซบ!

บัดซบ……

หลานเยาเยา แกนี่แหล่ะที่บัดซบ

“อ๋องเย่ เจ้าปล่อยข้าได้แล้ว”

“ยังมีอันตรายอยู่ ข้า····” ในใจของเย่แจ๋หยิ่งนั้นเจ็บแปลบไปหมด

เมื่อครู่ก็เห็นๆอยู่ว่าไม่เป็นอะไร เหตุใดอยู่ๆถึงได้·····

ไม่ ไม่สิ

ในใจของเขาเมื่อครู่นี้ก็เจ็บอยู่บ้าง แค่ไม่ได้ชัดเจนมากเท่าไหร่ แต่เพลานี้เหตุใดถึงเจ็บแปลบเสียดแทงถึงเพียงนี้?

“ข้าหาได้เป็นหญิงสาวผู้อ่อนแอไร้กำลังไม่” หลานเยาเยาตอบอย่างเย็นชา

“อา งั้นข้าคงจะหุนหันพลันแล่นเกินไป” ความเจ็บปวดภายในใจจางหายไป

เย่แจ๋หยิ่งค่อยๆปล่อยตัวนาง ส่วนอันตรายในความมืดก็เลือนหายอย่างไร้ร่องรอย ไปพร้อมๆกับรถม้าที่เคลื่อนตัว

หลังจากนั้น ในรถม้าก็ตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง

หลานเยาเยานั่งเงียบๆ เหม่อลอยไปกับความคิด

ส่วนเย่แจ๋หยิ่งก็นั่งอกผายไหล่ผึ่ง จดจ่ออยู่กับหนังสือในมือ

ทว่า!

หลังผ่านไปพักหนึ่ง

เย่แจ๋หยิ่งที่เห็นหลานเยาเยาเหม่อลอยไปไหนต่อไหน ก็อดไม่ได้ที่จะหงุดหงิดเล็กน้อย

เขานั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคน แถมเพิ่งจะปกป้องนางไปเมื่อครู่

ใยนางถึงยังดูอารมณ์ไม่ดีอยู่อีก?

เช่นนั้นเขาจึงวางหนังสือลง ยื่นมืออันเรียวบางมาโบกๆอยู่ตรงหน้านาง โบกอยู่อย่างนั้นจนนางได้สติ

“มีอะไร?” กำลังเพลินเลยเนี้ย!

“ข้าอยากหาหนังสือเล่มอื่นมาอ่าน”

สิ่งที่พูดเหมือนกับว่าจะขอความยินยอมจากนาง

ทว่า พอเขาพูดจบ ก็ไม่ได้รอคำตอบของนาง แต่กลับเปิดช่องลับในรถม้าอย่างคุ้นเคย

ในช่องลับมีหนังสืออยู่สองสามเล่ม หลังเขาสุ่มหยิบออกมาเล่มนึง ก็ไม่ได้ปิดช่องลับ แต่ยังคงรื้อหาของต่อ

ช่องลับนั้นมีความกว้างเท่ากับตัวรถม้า ด้านในมีของอยู่มากมาย พวกมันระเกะระกะทับซ้อนกันไปหมด

“······”

เขาทำอะไรของเขา?

เขาขัดจังหวะการเหม่อลอยของนาง เพื่อให้นางมาดูเขารื้อของงั้นรึ?

หากเป็นเมื่อก่อน นางคงจะโมโหโต้เถียงกับเขา หรืออาจจะถึงขั้นตีกันสักตั้งเลยก็ได้

แต่ตอนนี้น่ะรึ!

นางรู้สึกว่ามันไร้สาระ

จะรื้อก็รื้อไป ยังไงก็ไม่ได้มีของสำคัญอะไรอยู่แล้ว ของที่สำคัญมันมาอยู่ในระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บนี่หมดแล้ว!

นางยังคงคิดต่อไปถึงสำนักหงอี

ช่วงแรกของการก่อตั้ง ในสำนักหงอีมีแต่คนเฒ่าคนแก่ หลังจากที่ค่อยๆรุ่งเรืองขึ้นมา ถึงได้มีหญิงสาวเพิ่มมาอีกสองสามคน

เพื่อให้สำนักหงอีเจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป แน่นอนว่านางต้องให้ความชำนาญการแก่พวกนาง

ในบรรดาพวกนางมีหญิงสาวคนหนึ่งที่โดดเด่นราวกับดอกไม้ไฟ นางมีความสามารถในการค้าเป็นอย่างมาก เช่นนั้นนางจึงมอบทักษะสมัยใหม่ให้แก่นาง

อย่างเช่น การผลิตข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันประเภทต่างๆของผู้หญิง

มันสมองของนางนั้นเป็นเลิศ

ใช้เวลาไม่นานก็ทำสิ่งของในภาพร่าง ออกมาเป็นชิ้นเป็นอันได้อย่างไร้ที่ติ อีกทั้งยังขายดีอย่างมากในทุกๆย่านของหอโคมเขียว

เหมือนว่านางจะเคยส่งมาให้หลานเยาเยาอยู่ชุดนึง ซึ่งนางน่าจะโยนไว้·····ในรถม้า

เอ๋?

รถม้า?

ทันใดนั้น นางก็ดูประหม่า อย่างกับเจอผีในทันใด และมองไปยังช่องลับจักรกล เพียงแวบเดียวก็เห็นชุดเข้ารูปสีสันสดใส

แต่ ที่แย่ไปกว่านั้นคือ มันอยู่ถัดจากมือของเย่แจ๋หยิ่ง

ทันใดนั้น ม่านตาของนางก็เบิกกว้างอย่างรุนแรง

“กรี๊ด·····”

นั่นเป็นของที่เขาส่งมาให้นี่

เย่แจ๋หยิ่งรื้อเจอผ้ารูปทรงแปลกประหลาด แล้วก็ได้ยินเสียงของนางที่จู่ๆก็ร้องลั่นขึ้นมา

จึงนึกว่ามีการลอบสังหารเกิดขึ้นอีกแล้ว

ดังนั้น!

เขาจึงหันหน้ามา ยังไม่ทันเห็นว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ ก็เห็นว่าหลานเยาเยาพุ่งเข้ามาดันตัวเขา

และแล้ว หลานเยาเยาก็ดันเย่แจ๋หยิ่งไปติดกับกำแพง

เย่แจ๋หยิ่งจ้องมองใบหน้าอันงดงามที่อยู่ใกล้เกือบคืบ ริมฝีปากแดงๆของนาง เกือบจะจุ๊บหน้าเขาอยู่แล้ว

จึงถามขึ้นอย่างไม่รู้ความ: “อะแฮ่ม มีสิ่งใดฤา?”

หลานเยาเยาจะอะไรขนาดนั้น ล้มทับลงมาก่อนแล้วค่อยบอกทีหลังเฉยเลย

จะอย่างไรก็แค่ยับยั้งเขาจากการรื้อของต่อได้ก็พอแล้ว หากเขาเห็นเข้า ก็คงจะไม่มีที่ให้ซุกหัวแล้วล่ะ

“ไม่มี ไม่มี ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้นแหล่ะ”

นางพูดไปยิ้มไป พร้อมกับกดตัวเย่แจ๋หยิ่งไว้ ในขณะที่จะปิดช่องลับอย่างเงียบๆ

เมื่อช่องลับปิดลง นางก็โล่งใจไปยกใหญ่:

“ฟู่ว·····”

หลังตัดความกังวลที่น่าอายออกไปได้ นางก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้น จากนั้นจึงปล่อยเขาอย่างสบายใจ พลางพูดอย่างจริงจังว่า:

“ข้าไม่เคยได้ยินเลยว่าอ๋องเย่จะชอบรื้อค้นของของผู้อื่น”

“ข้าก็อยู่กับเจ้า เจ้าก็ไม่เห็นจะห้ามข้านี่”

เย่แจ๋หยิ่งที่เห็นว่านางไม่เป็นอะไรจริงๆ จึงมองนางอย่างสงสัย

หากมิเป็นอันใดแล้วเหตุใดถึงกรี๊ด?

ทั้งยังกระโจนเข้ามาหาอีก เพื่อสิ่งใดกัน?

เป็นการขอบคุณหรือเป็นกลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับกันแน่?

แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา!

แบบไหนก็ดีทั้งนั้น แค่นางไม่เกลียดเขาก็พอ

“ไม่ใช่ว่าไม่ห้าม แค่กำลังเพลินอยู่กับความคิดต่างหาก

เดี๋ยวนะ แววตาของเจ้านี่มันทำไม อ๋องเย่ ข้าจะบอกให้นะ อย่าได้มองข้าเช่นนั้น ในช่องลับนั่นมันไม่ได้มีอะไรทั้งนั้นแหล่ะ”

“······”

เย่แจ๋หยิ่งเหมือนอยากจะขำออกมา

ไม่รู้ว่านางจะอารมณ์ขึ้นๆลงๆปานนั้นด้วยเหตุใด?

อย่างไรก็ตาม ถึงนางจะเป็นเช่นนี้ก็ยังงามล้นเหลือเกิน

แต่แค่····

“มิมีสิ่งใดจริงๆงั้นรึ?”

เขาเบนสายตาเล็กน้อย แล้วเหล่มองไปที่ช่องลับ

เมื่อเห็นเช่นนั้น!

หลานเยาเยาก็รีบพุ่งไปขวาง กั้นช่องลับไว้ในทันที พลางมองเขาอย่างหวาดระแวง

“เจ้าคิดจะทำสิ่งใด? บอกว่าไม่มีอะไรก็คือไม่มีไง”

“งั้นนี่มันคือสิ่งใดรึ?”

เย่แจ๋หยิ่งยกชิ้นผ้าทรงประหลาดในมือขึ้นมา แล้วมองนางด้วยความสงสัย

เมื่อหลานเยาเยาได้เห็น ก็แข็งทื่อไปในพริบตา……