บทที่ 307 ความว่างเปล่าอันเงียบงัน

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 307 : ความว่างเปล่าอันเงียบงัน
บทที่ 307 : ความว่างเปล่าอันเงียบงัน

เหตุผลที่แซดคิเอลถูกขนานนามว่า ‘นักคิดแห่งความว่างเปล่า’ นั้นง่ายมาก เพราะเขาเชื่อมจิตและวิญญาณของตัวเองเป็นหนึ่งเดียวกับความว่างเปล่าไปแล้ว

ส่วนร่างกายอันบิดเบี้ยวภายใต้เสื้อคลุมนั้นคือผลจากการเข้าไปพัวพันกับการหลอมรวมความว่างเปล่า…

ตอนนี้ สิ่งที่เขายื่นออกไปในรังของมารดาแห่งแมงมุมคือเสี้ยวหนึ่งของจิตสำนึกที่ถูกรวมเข้ากับความว่างเปล่าของตนเอง

ซานดัลฟอนไปไหนเนี่ย?

แซดคิเอลมองไปที่รังอันว่างเปล่าแล้วอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามขึ้นมาในใจ

เขาขมวดคิ้วแล้วขยายความว่างเปล่าออกไปทั่วทุกซอกทุกมุมของรัง ทว่า นอกจากกำแพงหินที่เต็มไปด้วยรอยแตกร้าว หยากไย่ที่ห้อยอยู่นับไม่ถ้วน รวมถึงซากศพของบรรดาเอลฟ์ดำที่ถูกถ้ำถล่มลงมาทับตายแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดอีก

ที่นี่…ช่างเงียบราวกับป่าช้า

แต่แซดคิเอลก็รู้ดีว่าที่นี่คือสถานที่จำศีลของซานดัลฟอนมาตลอดหลายพันปี ในฐานะระดับเหนือนภา เขาไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าจะมีเรื่องแบบว่า ‘เปิดประตูไปผิดที่’ เกิดขึ้น

แถมเมื่อสักพักที่ผ่านมานี้ แมงมุมเงาของซานดัลฟอนก็ยังส่งคำสั่งของมิคาเอลมาให้เขาเลย นี่แสดงให้เห็นว่าเธอฟื้นสติขึ้นมาแล้ว

แต่ในเมื่อนางฟื้น นางก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องหายไปไหนเลย…แต่นางก็หายไปแล้วจริง ๆ

หรือจะบอกว่านางออกไปหาใครสักคนด้วยตนเอง? แต่เรื่องง่าย ๆ เยี่ยงนี้มันมีค่าขนาดที่นางต้องออกไปส่งสาส์นด้วยตนเองด้วยเหรอ?

แซดคิเอลมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง แล้วครั้งนี้เขาก็พบสิ่งผิดปกติ

มีรอยแตกผิดปกติที่กำแพงหินและพื้นดิน…ดูเหมือนร่องรอยที่ใครสักคนพยายามจิกนิ้วเพื่อยึดเกาะ แต่ก็ถูกลากออกไป

ถ้าหากว่านี่เป็นร่องรอยการจิกนิ้วจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นดูจากขนาดนิ้วแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในหมู่สิ่งมีชีวิตใด ๆ ที่อาศัยที่นี่ มันตรงกับซานดัลฟอนเพียงผู้เดียว

หรือว่า…เกิดเรื่องบางอย่างขึ้นที่ทำให้ซานดัลฟอนต้องแสดงท่าทีตะเกียกตะกายดิ้นหนีอย่างสิ้นหวัง

หรือนางจะเจอศัตรู?

แซดคิเอลย่อมคาดเดาเช่นนี้ แล้วสีหน้าของเขาก็ซีดลง

การพบศัตรูในเวลาแบบนี้ออกจะบังเอิญเกินไปหน่อย…

เขานึกถึงศัตรูร่วมที่พวกเขากำลังจะผนึกกำลังกันไปจัดการขึ้นมาทันที เจ้าของร้านหนังสือไร้นามคนนั้น ตัวตนที่ใช้ชื่อว่า หลินเจี๋ย

เขาหรือเปล่าที่โจมตีซานดัลฟอน?

ในใจของแซดคิเอลครุ่นคิด แต่เขาก็ยังมีความเคลือบแคลงและลังเลอยู่

เพราะว่าเขาไม่ได้รับข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับการต่อสู้ที่อาจเกิดขึ้นนี้จากความว่างเปล่าที่แทรกซึมอยู่ทั่วทุกมุมโลกเลยสักนิด

นั่นทำให้แซดคิเอลผู้พึ่งพาความถูกต้องของข้อมูลจากความว่างเปล่าเสมอ กลับไม่กล้าสรุปเรื่องและยิ่งกังวลสับสน

ก่อนหน้านี้ ตอนที่กาเบรียลตายก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ระดับเหนือนภาหายวับไปจากโลกทั้งคน แต่ไม่มีข่าวคราวใด ๆ เลย

นี่เป็นการกระทำของตัวตนระดับเหนือนภาจริง ๆ เหรอ? ข้าไม่เชื่อหรอก ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่า…ที่จริงแล้วเจ้าของร้านหนังสือเป็นแค่ตัวหลอก แต่ยังมีตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าชักใยเขาอยู่เบื้องหลัง?

อย่างเช่น…แม่มดบรรพกาล?

เมื่อความคิดของแซดคิเอลกระโดดมาถึงจุดนี้ หรือถ้าให้แม่นยำกว่าก็คือ เมื่อเขาคิดถึงคำว่า ‘แม่มดบรรพกาล’ ความว่างเปล่าที่เคยนิ่งสงบก็เกิดปฏิกิริยาขึ้นกะทันหัน

ข้อมูลบางอย่างพลันปรากฏ

ดวงจันทร์ โบสถ์ เด็กสาว…เด็กสาวอีกคน พันธสัญญา แหวน แหวนเงิน…และสุดท้ายก็คือ หญิงสาวในผ้าคลุมหน้าสีดำที่มองเห็นใบหน้าได้ไม่ชัดเจน

ความว่างเปล่าส่งข้อมูลมากมายให้แซดคิเอลอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายใต้ผ้าคลุมดำของเขาบิดเบี้ยวไปมาอย่างรุนแรง ระเบิด หรือดีดดิ้น และสุดท้ายเส้นหนวดหลายเส้นของเขาก็ถูกเผยออกมา

เส้นหนวดของแซดคิเอลกระดิกไหวอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นเขาก็ถอนหายใจยาว ๆ ระลอกคลื่นความว่างเปล่ากลับสู่ปกติ แล้วความเงียบสงบก็กลับคืนมาอีกครั้ง

เขารู้สึกเหม่อลอยเล็กน้อยจนต้องส่ายหัวเพื่อสงบสติลง แล้วพูดอย่างครุ่นคิด “…วัลเพอร์กิสผู้ควมคุมรัตติกาล นางฟื้นสติขึ้นในแดนนิมิตแล้วกลับสู่โลกแล้วจริง ๆ”

“ถ้าจะบอกว่าศาสนาแห่งตะวัน ศาสนาไร้ความกลัวที่ทำเอาสปายทั้งหมดของวิถีแห่งดาบอัคคีได้คว้าน้ำเหลวจะเป็นฝีมือของวัลเพอร์กิสละก็ เช่นนี้ทุกอย่างก็จะสมเหตุสมผล!”

“ไม่น่าแปลกใจแล้วที่เจ้าของร้านหนังสือคนนั้นจะแข็งแกร่ง ที่แท้เบื้องหลังของเขาก็คือวัลเพอร์กิสผู้เคยคุ้มครองมนุษยชาตินี่เอง!”

แซดคิเอลพลันกระจ่างแจ้ง

ถ้าอย่างนั้น ผู้ที่ลงมือในครั้งนี้ก็เป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นวัลเพอร์กิส…!

มิน่าล่ะ เขาจึงตรวจจับอะไรไม่ได้เลย ถ้าเป็นฝีมือแม่มดบรรพกาล เรื่องแบบนี้ก็เป็นไปได้จริง ๆ

โดยเฉพาะร่องรอยครูดยาวผิดปกตินี่ ยิ่งมองต่อก็ยิ่งผิดปกติ…

ร่องพวกนี้บ่งบอกว่าทิศทางของรอยลากไม่ได้ขนานกับพื้นดิน แต่เป็นการลากลงไปใต้ดิน

แต่ว่าร่องรอยบางจุดก็แปลกไป มันดูเหมือนมีใครสักคนจากใต้ดินยื่นแขนออกมาคว้าสิ่งของบนพื้น แต่ก็จับไม่โดน

ในหมู่เขตแดนของวัลเพอร์กิส เขตแดนที่มีชื่อเสียงที่สุดของเธอก็คือ ‘ค่ำคืนที่กลืนกินทุกสิ่ง’

จากนั้นภาพเหล่านี้ก็ถูกเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์

ต้องเป็นวัลเพอร์กิสที่เปิดใช้งานเขตแดนกฎเกณฑ์ของตนเองแล้วลากซานดัลฟอนเข้าไปอย่างแน่นอน…ส่วนจะเป็นการลักพาตัวหรือฆ่านั้น แซดคิเอลไม่แน่ใจ

เขาถามความว่างเปล่าออกไปตรง ๆ ว่า “ซานดัลฟอนตายหรือไม่?”

แม้ว่าจะหลอมวิญญาณเข้ากับความว่างเปล่าแล้ว แต่ความว่างเปล่าก็ไม่เคยยอมรับเขาอย่างเต็มที่ และแซดคิเอลก็ไม่สามารถรับรู้ข้อมูลร่วมกับความว่างเปล่าได้ ดังนั้นจึงยังต้องเอ่ยปากถามหากต้องการทราบข้อมูลเชิงลึกใด ๆ

แต่คำตอบของความว่างเปล่า…กลับเป็น ‘ไม่รู้’

แซดคิเอลเงียบ…

เขาอ้าปากพะงาบ ๆ สีหน้าของเขาดูเหม่อลอยเล็กน้อย ความว่างเปล่าไม่เคยให้คำตอบเช่นนี้มาก่อนเลย…

ถ้าตายก็คือตาย ถ้ายังอยู่ก็คือยังอยู่ หัวข้อนี้เป็นเชิงตัดสิน ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไรเลย คำตอบมีเพียงแค่ใช่หรือไม่ แต่ความว่างเปล่ากลับบอกว่าไม่รู้

หรือจะบอกว่าในตอนนี้ ซานดัลฟอนถูกขังไว้ในกล่องที่มีควันพิษ อาจจะอยู่หรือตายก็ได้ล่ะ?

บางทีวัลเพอร์กิสอาจจะปกปิดข้อมูลเหล่านี้ไว้จากความว่างเปล่า เหมือนกับก่อนหน้านี้ก็ได้

แซดคิเอลทำได้แค่บอกตนเองเช่นนี้

แล้วเขาก็ว่า “ตอนนี้ซานดัลฟอนอยู่หนใด?”

ไร้คำตอบใด ๆ

“ที่มาของเจ้าของร้านหนังสือผู้นั้นเล่า?”

ความว่างเปล่าเงียบงัน

“ปฏิบัติการร่วมของเราจะสำเร็จได้หรือไม่?”

ความว่างเปล่าไม่ได้วิเคราะห์อันใด

มันไม่รู้อะไรเลย!

แซดคิเอลยังคงเงียบ

เขามองความว่างเปล่าอันเงียบงันตรงหน้า แล้วในที่สุดเขาก็ถามคำถามที่ไม่รู้ว่าตกลงถามตัวเองหรือถามใคร “การกระทำนี้คุ้มหรือไม่?”

ความว่างเปล่าพลันเดือดพล่านอีกครั้ง มันดูวุ่นวายและมีความมืดดำสนิทปะปนเข้ามา แต่สีของความว่างเปล่าไม่เคยแน่นอน ดังนั้นความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จึงไม่น่าใส่ใจ

ข้อมูลส่วนหนึ่งถูกส่งผ่าน

มันจะเป็นอันตราย แต่นี่จะเป็นโอกาสที่ทำให้เขาเข้าใกล้การเป็นเทพได้มากขึ้น…

แซดคิเอลผ่อนคลายลง ในที่สุดเขาก็ยืนยันได้ว่าความว่างเปล่ายังทำงานได้ แล้วเขาก็พยักหน้า “หากเป็นเยี่ยงนั้น…ก็ดำเนินการตามแผน แต่เมื่อพบกัน ข้าก็ควรแจ้งข่าวการตายของซานดัลฟอนให้พวกเขาฟังแล้วเตรียมรับอันตรายใด ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย”

เขานึกถึงสามคำถามที่ไม่ได้รับคำตอบก่อนหน้านี้

แล้วเขาก็ทอดถอนใจ “แม่มดบรรพกาลช่างแสนกลนัก”