บทที่ 275 ดูดซับแรงกรรม ความตกใจของจอมปีศาจคุกรัตติกาล

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 275 ดูดซับแรงกรรม ความตกใจของจอมปีศาจคุกรัตติกาล

หรือกายดาราอนธการสามารถดูดซับแรงกรรมและแปลงเอามาใช้ประโยชน์เองได้?

หานเจวี๋ยรู้สึกประหลาดใจ

ปราณอนธการเปรียบได้กับการสำรองพลังเวทของเขา ปราณอนธการยิ่งมาก เขาก็ยิ่งแข็งแกร่ง!

นี่นับว่าเป็นความโชคดีของความโชคร้ายได้หรือไม่

หานเจวี๋ยเริ่มสังเกตบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักร

แรงกรรมที่สะสมจากเคราะห์หนักทั้งสี่นั้นน่าสะพรึงจริงๆ หานเจวี๋ยสัมผัสได้ว่าหากตนตกเข้าไปภายในของบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักร เกรงว่าอาจจะถูกแรงกรรมมหันต์กลืนกินจนสิ้นซากในพริบตา

หากหานเจวี๋ยกลืนกินแรงกรรมทั้งหมดนั้นจะเป็นอย่างไร

แค่เขาคิดเล่นๆ หัวใจก็พลันเต้นรัวเร็วขึ้น

ต้าหลัว?

เกรงว่าคงไม่เพียงเท่านั้นแน่!

หานเจวี๋ยไม่ได้ตื่นเต้นจนเกินเหตุ เรื่องนี้ยังต้องเฝ้าสังเกตต่อไป เพื่อเลี่ยงไม่ให้ถูกแรงกรรมทำลายทำลายสภาวะจิต

เวลาหลายเดือนผ่านไปในพริบตา

หานเจวี๋ยพบว่าแรงกรรมไม่สามารถกัดกินกายดาราอนธการของเขาได้ ทำให้เขาเบาใจลงอย่างสิ้นเชิง

ดูเหมือนว่ากายดาราอนธการยังซ่อนนัยเร้นลับที่หานเจวี๋ยไม่เคยรู้เอาไว้อีก

ไม่ใช่คุณสมบัติกายฟ้าบุพกาลธรรมดาๆ เช่นนั้นแน่!

หานเจวี๋ยไม่เชื่อว่าเต้าจื้อจุนก็จะสามารถดูดซับแรงกรรมของบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรได้ หากเป็นเช่นนั้น บัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรก็คงไม่ถึงขั้นถูกสยบอยู่ภายใต้ปรโลกชั่วนิรันดร์

หานเจวี๋ยกำลังจะถอนจิตรับรู้ออกมา ทว่าเสียงของจอมปีศาจคุกรัตติกาลก็ดังขึ้นเสียก่อน

“ท่านผู้อาวุโส! ข้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ! ข้ายินดีจะรับใช้สำนักซ่อนเร้นตลอดไป! ได้โปรดปล่อยข้าไปเถิด!

ข้ารู้ว่าท่านอยู่! ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อไปแล้วจริงๆ!”

เสียงของจอมปีศาจคุกรัตติกาลเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ถึงขั้นเจือไปด้วยแววสะอื้นไห้

หานเจวี๋ยนิ่งอึ้ง

‘ข้าก็ไม่ได้ทรมานเจ้าเสียหน่อย เหตุใดเจ้าถึงได้ดูน่าเวทนาถึงปานนี้’

โดยไม่รู้เลยสักนิดว่าจอมปีศาจคุกรัตติกาลนั้นได้ถูกทรมานเข้าแล้วจริงๆ

บัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรอยู่ในพื้นที่เดียวกับเขา เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าหวาดกลัวถึงขีดสุดในความมืดอย่างชัดเจน เขาที่อยู่ภายใต้สถานะวิญญาณไม่สามารถที่จะป้องกันตัวเองได้ ทำได้เพียงตัวสั่นงันงกเท่านั้น

ทุกวันเขาล้วนใช้เวลาอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัวและสิ้นหวัง ในที่สุดก็รอจนกระทั่งหานเจวี๋ยปรากฏตัวขึ้น

หานเจวี๋ยอดที่จะคิดไตร่ตรองไม่ได้

ตราประทับหกวิถีก็ได้ตรึงประทับภายในวิญญาณของจอมปีศาจคุกรัตติกาลอย่างสมบูรณ์ ถือว่าอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว

ช่างเถิด เช่นนั้นก็ปล่อยเขาออกมาก็แล้วกัน

“หลังจากนี้เจ้าจงอยู่ที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียน คอยชี้แนะสั่งสอนไก่คุกรัตติกาลให้บำเพ็ญตบะแล้วกัน”

หานเจวี๋ยกล่าวออกมาง่ายๆ เมื่อได้ยินเช่นนี้จอมปีศาจคุกรัตติกาลก็ดีใจจนแทบคลั่ง รีบรับปากว่าจะทุ่มแรงใจชี้แนะสั่งสอนไก่คุกรัตติกาลอย่างแน่นอน

ภายในถ้ำเทวา

หานเจวี๋ยยกมือขึ้น หมอกสีดำระลอกหนึ่งลอยออกมาจากกลางฝ่ามือ ทำเอาอู้เต้าเจี้ยนที่ได้เห็นมองจนตาค้าง

นี่คืออะไร

“เจ้าออกไปเถอะ ไก่คุกรัตติกาลก็อยู่ข้างนอก” หานเจวี๋ยพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ไว้ชีวิตข้า!”

จอมปีศาจคุกรัตติกาลรีบพูดขึ้นเป็นพัลวัน จากนั้นก็บินออกจากถ้ำเทวา

อู้เต้าเจี้ยนเอ่ยถามในทันทีว่าเขาเป็นใคร

หานเจวี๋ยเองก็ไม่ได้ปิดบัง

เมื่อรู้ว่าไก่คุกรัตติกาลกลับมีที่มาที่ไปเช่นนี้ อู้เต้าเจี้ยนก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

‘ท่านไก่ก็ไม่ได้คุยโว มันก็เป็นหงส์จริงๆ!’

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ส่วนเขาน่ะ เจ้าไม่สามารถไว้ใจได้อย่างสมบูรณ์ เข้าใจหรือไม่”

อู้เต้าเจี้ยนพยักหน้า ไม่ต้องให้หานเจวี๋ยเอ่ยเตือน นางก็ไม่มีทางไว้ใจจอมปีศาจคุกรัตติกาลได้อย่างสมบูรณ์เช่นกัน ความรู้สึกบีบคั้นที่จอมปีศาจคุกรัตติกาลแผ่ซ่านออกมานั้นแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ

ใต้ต้นฝูซัง

เมื่อไก่คุกรัตติกาลเห็นจอมปีศาจคุกรัตติกาลปรากฏตัวก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก มันเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “เหตุใดท่านถึงออกมาจากถ้ำเทวาของนายท่านได้เล่า”

คนอื่นๆ พากันมองไปทางจอมปีศาจคุกรัตติกาลอย่างสงสัยใคร่รู้

อีกาทองสองตัวมีท่าทางราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ

ราชามังกรสามหัวมองไปทางจอมปีศาจคุกรัตติกาลด้วยความเกรงกลัว

จอมปีศาจคุกรัตติกาลเป็นถึงจักรพรรดิเซียนของเผ่าปีศาจ แม้จะไม่มีกายเนื้อ แต่สำหรับปีศาจประหลาด อานุภาพปีศาจก็น่ากลัวอย่างถึงที่สุดแล้ว

“แค่กๆ ข้าถกมรรคกับผู้อาวุโส หลังจากนี้เป็นต้นไปข้าจะเข้าร่วมกับสำนักซ่อนเร้น ข้าก็คือจอมปีศาจคุกรัตติกาล เคยเป็นจอมปีศาจของวังปีศาจในโลกเบื้องบน มาจากเผ่าหงส์คุกรัตติกาล และเป็นหัวหน้าเผ่า ไก่คุกรัตติกาลก็คือน้องชายครรภ์เดียวกันของข้าที่กลับชาติมาเกิด”

จอมปีศาจคุกรัตติกาลอารัมภบทประโยคหนึ่ง ก่อนเริ่มแนะนำตัวเอง

หลังจากผ่านความหวาดกลัวมาหลายสิบปี เขาก็ไม่สนใจหน้าตาอีกต่อไป ขอเพียงไม่หาเรื่องยั่วโมโหผู้อาวุโสเป็นพอ

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้นต่างก็เริ่มให้ความสนใจขึ้นมาตามๆ กัน พากันล้อมวงเข้ามาในทันที

ในเมื่อเป็นคนกันเอง เช่นนั้นก็ไม่ต้องกลัวแล้ว

ด้วยเหตุนี้ จอมปีศาจคุกรัตติกาลจึงเข้าร่วมกับสำนักซ่อนเร้น

แดนเซียน

ภายในตำหนักใหญ่ที่มีแสงเทียนสลัวหรุบหรู่ จักรพรรดิปีศาจกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะรองนั่ง มีกระบี่สีดำแปลกประหลาดวางพาดอยู่บนตัก

จักรพรรดิปีศาจพลันลืมตาขึ้น หัวคิ้วขมวดมุ่น บ่นพึมพำว่า “คนผู้นี้มีที่มาอย่างไรกันแน่ ถึงกับสามารถปราบจอมปีศาจคุกรัตติกาลได้”

เขาสัมผัสได้ว่าดวงชะตาของวังปีศาจนั้นได้ขาดจอมปีศาจไปหนึ่งคน และนั่นก็คือจอมปีศาจคุกรัตติกาล อีกทั้งจอมปีศาจคุกรัตติกาลเองก็ยังไม่ตาย

เจ้าหมอนี่จำนนต่อศัตรู!

การกบฏก่อนมหาเคราะห์มาเยือน ทำให้จักรพรรดิปีศาจหัวเสียจริงๆ

แต่ว่าตอนนี้จักรพรรดิปีศาจยังไม่มีเวลาไปเยือนโลกมนุษย์ ยามนี้เขากำลังถูกอิทธิพลใหญ่สามฝ่ายล้อมโจมตี สถานการณ์คับขัน

จักรพรรดิปีศาจยกมือขึ้นโบกคราหนึ่ง

เพียงไม่นาน ไอปีศาจกลุ่มหนึ่งก็ทะลักเข้ามาภายในตำหนักราวกับดาวตก ก่อนกลายร่างเป็นมนุษย์

ปีศาจตนนี้รูปร่างกำยำ ดูราวกับปีศาจหมีตนหนึ่ง ใบหน้าอัปลักษณ์ บิดเบี้ยวราวกับว่าถูกเพลิงไหม้ลุกโหมแผดเผา

“จอมปีศาจตะวันกล้า เราจะส่งเจ้าไปหาเผ่าเทพอีกาทอง ไปบอกว่าเรายอมรับเงื่อนไขของพวกเขา ให้พวกเขาเผาทำลายโลกมนุษย์ทั้งหมดที่อยู่ภายใต้ปกครองของวังสวรรค์!”

จักรพรรดิปีศาจกล่าวเสียงขรึม น้ำเสียงเต็มไปด้วยจิตสังหาร

จอมปีศาจตะวันกล้าขมวดคิ้วกล่าวว่า “ฝ่าบาท เผ่าเทพอีกาทองมักใหญ่ใฝ่สูง หากว่า…”

“ตอบตกลงพวกเขา! หากไม่พังทลายย่อมไร้การก่อสร้าง มหาเคราะห์เริ่มต้นขึ้นแล้ว ผู้ใดจะสามารถรับประกันได้ว่าจะเป็นผู้ที่หัวเราะได้ดังที่สุด” จักรพรรดิปีศาจกล่าวพลางโบกแขนเสื้อ ไม่ยอมให้โต้แย้ง

จอมปีศาจตะวันกล้าทำได้เพียงประสานมือและถอยออกไป

จักรพรรดิปีศาจมองกระบี่ในมือแล้วกล่าวพึมพำขึ้นว่า “เคราะห์นี้ เราจะทำให้เผ่าปีศาจกลับคืนสู่จุดสูงสุดของปวงสวรรค์ให้จงได้!”

วาจาเพิ่งสิ้นสุดลง เขาก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง

สมควรตาย!

เจ้าสุนัขลอบกัดที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดตัวนั้นเริ่มสาปแช่งเขาอีกแล้ว!

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ยี่สิบห้าปีต่อมา ตบะของหานเจวี๋ยเพิ่มพูนขึ้นไม่น้อย นอกจากการฝึกบำเพ็ญตามปกติ โลกอนธการยังกลืนกินแรงกรรมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตบะของหานเจวี๋ยเพิ่มขึ้นเร็วเป็นสองเท่าของก่อนหน้านี้

เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจว่าตัวเองกำลังแข็งแกร่งมากขึ้นอีกครั้ง

จักรพรรดิเซียนสามวัฏอยู่ไม่ไกลอีกต่อไป!

นอกจากการฝึกบำเพ็ญแล้ว หานเจวี๋ยก็ไม่ลืมที่จะสาปแช่งเหล่าศัตรู

ยามนี้หนังสือแห่งความโชคร้ายได้กลายเป็นยอดสมบัติมรรคจักรพรรดิ การสาปแช่งจักรพรรดิเซียนก็ได้ผลไม่น้อยเช่นกัน ก่อนหน้านี้ไม่นานจอมปีศาจอินทรีทองถูกสาปจนเกิดมารในใจ คาดว่าไม่เกินร้อยปีคงจะตกตายเป็นแน่แท้

จอมปีศาจคุกรัตติกาลประกอบกายเนื้อขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เขาต้องประหลาดใจที่ค้นพบว่าไอเซียนของเขาเพียรบำเพ็ญเซียนนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าถ้ำเทวาในวังปีศาจของตนเลยสักนิด

เขาสามารถบำเพ็ญตบะอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจ!

หลังจากอยู่ร่วมกันมาหลายปีเพียงนี้ เขากลับเกิดความประทับใจต่อผู้คนในสำนักซ่อนเร้น

ที่สำคัญที่สุดคือเขาพบว่าคนเหล่านี้ไม่ธรรมดาเลย…

หลงเฮ่า ที่เป็นโอรสจักรพรรดิสวรรค์

สวินฉางอัน โสมวิญญาณบรรพกาลสำนักพุทธ ของล้ำค่าฟ้าดินที่เลื่องชื่อในแดนเซียน

โจวหมิงเยวี่ย เทพปีศาจที่อาละวาดในวังสวรรค์เมื่อไม่นานมานี้ จอมปีศาจคุกรัตติกาลเองก็เคยผูกสัมพันธ์กับเขาเช่นกัน

ถูหลิงเอ๋อร์ ที่ไม่คาดคิดว่าจะมีสายเลือดมหาเวท!

สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้น ที่กลับสร้างดวงชะตาขึ้นมาได้ด้วยตนเอง!

ฉู่ซื่อเหริน ที่จอมปีศาจคุกรัตติกาลไม่สามารถคำนวณชีวิตในอดีตชาติของเขาได้ นี่มันหมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ

ก็หมายความว่าในอดีตชาติฉู่ซื่อเหรินนั้นแข็งแกร่งกว่าเขา!

รวมกับอีกาทองสองตัวที่เขาไม่คิดว่าจะมีผลกรรมกับตี้หงเย่ จอมปีศาจคุกรัตติกาลพลันสัมผัสได้ว่าการเข้าร่วมสำนักซ่อนเร้นนั้นไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเลย

วันนี้เอง

พุทธะอาภรณ์ขาวมุ่งหน้ามาเยี่ยมหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยยอมให้เขาเข้าพบอย่างยากที่จะได้เห็น

พุทธะอาภรณ์ขาวร่อนกายมาอยู่ที่ใต้ต้นฝูซัง สายตาเหลือบไปเห็นจอมปีศาจคุกรัตติกาล เพียงเท่านั้นก็ตกใจจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง

‘เหตุใดจอมปีศาจคุกรัตติกาลถึงมาอยู่ที่นี่ได้’

“เชิญเข้ามาในถ้ำเทวา”

เสียงของหานเจวี๋ยดังลอยเข้ามา พุทธะอาภรณ์ขาวจึงทำได้เพียงระงับความตกตะลึงในใจ เข้าไปในถ้ำเทวาฟ้าประทานอย่างระมัดระวัง

พุทธะอาภรณ์ขาวคุกเข่าลงคารวะต่อหน้าหานเจวี๋ย ชิงเอ่ยก่อนว่า “ผู้อาวุโส ข้าเตรียมจะพิสูจน์จักรพรรดิ!”

…………………………………………….