บทที่ 153 ครอบครัวของข้าได้กินข้าวขาวจริงๆ

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

“ป้าใหญ่ไปฟังใครมา ข้าจะได้ไปคุยกับนางให้จบๆ ปากนี่ก็ดีแต่พูดเรื่องไร้สาระ ถ้าข้าต้องอธิบายให้ชัดเจนคงจะเปลืองน้ำลายมิใช่น้อย”

โจวกุ้ยหลานกัดฟันแน่นและเอ่ยกับหลี่ซิ่วยิงอย่างมีน้ำโห

ไม่มีเงินก็คือไม่มีเงิน

คำพูดประโยคนี้ปิดกั้นคำพูดของหลี่ซิ่วยิงได้อย่างสมบูรณ์

หลี่ซิ่วยิงจ้องมองอย่างโมโห แต่นางก็ทำอะไรโจวกุ้ยหลานไม่ได้

นางตัวแสบคนนี้ช่างรับมือยากจริงๆ!

แล้วก็ยังมีสวีเหมยฮวาที่อย่าคิดจะปล่อยให้คำพูดอะไรหลุดออกมาจากปากของนาง!

ยิ่งคิดหลี่ซิ่วยิงก็ยิ่งโมโห นางชี้ไปที่ตะกร้าของโจวกุ้ยหลานและเอ่ยเสียงเย็นว่า “นี่คือข้าวที่จะเอาไปให้พวกต้าไห่ใช่หรือไม่ เอามาให้ข้าดูหน่อยว่าเจ้าทำอะไรให้กิน”

“ท่านป้า ของพวกนี้แม่ของข้าเป็นคนทำ ไม่ใช่ข้า” โจวกุ้ยหลานกะพริบตาปริบๆ และเอ่ยกับหลี่ซิ่วยิงด้วยน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติ

มันสำคัญที่ไหนว่าใครเป็นคนทำ!

หลี่ซิ่วยิงนึกเดือดดาลอยู่ในใจ แต่นางยังคงพูดกับโจวกุ้ยหลานว่า “ข้าแค่อยากดูอาหารที่แม่เจ้าทำก็เท่านั้น”

โจวกุ้ยหลานทำท่าลำบากใจ “อย่าดูเลยเจ้าค่ะ มันไม่ใช่ของดีอะไรหรอก”

พอได้ยินนางบอกแบบนี้ หลี่ซิ่วยิงก็ยิ่งอยากจะเห็น

“ทำไม เจ้ากลัวว่าป้าจะแย่งอาหารดีๆ ของเจ้ากินหรือไง ป้านอนแบ็บอยู่อย่างนี้ ถ้าเจ้าจะไป แค่ก้าวขาก็ไปได้แล้วมิใช่หรือ” หลี่ซิ่วยิงว่าพลางชี้ไปที่เอวของตนเอง

โจวกุ้ยหลานมองออกไปนอกประตูอย่างลำบากใจ จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ก็แค่โจ๊กถั่วรวมนิดๆ หน่อยๆ มีอะไรน่าดูตรงไหนเจ้าคะ ท่านป้านอนพักเถิด ข้าขอตัวก่อนล่ะ”

ว่าแล้วจึงคิดจะลุกขึ้น หลี่ซิ่วยิงเห็นดังนั้นจึงกรีดร้องเสียงแหลมทันที “ทำไมเจ้าถึงดื้อด้านนัก”

“เกิดอะไรขึ้นหรือ” เสียงของโจวต้าซานดังมาจากด้านนอก หลังจากนั้นเขาก็โผล่เข้ามาในห้องพร้อมถือตะหลิวไว้ในมือ

เมื่อเห็นเขาเข้ามา หลี่ซิ่วยิงก็ระงับอารมณ์ของตนเองทันที นางเอ่ยอย่างน้อยใจว่า “หลานสาวคนดีของเจ้าน่ะสิ ข้าพูดประโยคเดียว นางตอบกลับมาเป็นสิบ กลัวว่าข้าจะเอาอาหารของนางไปกิน”

“ทำไมเจ้าต้องอยากดูอาหารของนางด้วยล่ะ” โจวต้าซานถาม

หลี่ซิ่วยิงเป็นคนอย่างไรเขาเองก็รู้ดี ตอนนี้เขาจึงถามไปตรงๆ

“ข้าเองก็เป็นห่วงและคิดถึงครอบครัวของพี่น้องเหมือนกัน” หลี่ซิ่วยิงระงับความโกรธและเอ่ยกับโจวต้าซาน

ไม่ว่าก่อนหน้านี้นางจะมีอำนาจแค่ไหน แต่ตอนนี้นางทำได้แค่นอนอยู่บนเตียงและขยับไปไหนไม่ได้ ต้องให้โจวต้าซานมาทำอาหารที่บ้าน ดังนั้นนางจึงกลัวว่าจะทำให้โจวต้าซานขุ่นเคือง

“เจ้ารีบเอาอาหารไปให้สองคนนั้นเถิด ตอนบ่ายพวกเขายังต้องทำงานต่อ” โจวต้าซานพูดกับโจวกุ้ยหลานและหันหลังเตรียมจะเข้าไปในครัว

ส่วนโจวกุ้ยหลานตอบรับและเตรียมจะออกไป

วันนี้หลี่ซิ่วยิงนอนขบคิดอยู่บนเตียงตลอดทั้งเช้า นางจะปล่อยให้โจวกุ้ยหลานจากไปทั้งแบบนี้ได้อย่างไร

ทันใดนั้นนางจึงรีบเอ่ยขึ้นว่า “ไปไหนไม่ได้! เจ้าต้องเอามาให้ข้าดูว่าแม่เจ้าทำกับข้าวอะไร!”

ถ้าครอบครัวของพวกนางได้กินข้าว เช่นนั้นก็ต้องให้ครอบครัวของพวกนางส่งข้าวสารร้อยจินมาให้คนป่วยอย่างนางกิน!

“มีอะไรดีๆ ให้ดูเสียที่ไหนเจ้าคะ อีกเดี๋ยวท่านก็จะได้กินแล้วเหมือนกัน”

โจวต้าซานขมวดคิ้วมองหลี่ซิ่วยิง “อย่าสร้างเรื่องน่า!”

“ข้าสร้างเรื่องอะไรตรงไหน คนอื่นเขาพูดกันทั้งนั้นว่าครอบครัวของนางหาเงินได้มากมาย! มีอาหารกินอิ่มหนำสำราญตลอดทั้งวัน ว่ากันว่ามีทั้งข้าวทั้งเนื้อให้กิน! แล้วเราล่ะ วันทั้งวันได้กินแต่โจ๊กถั่วรวม พวกนั้นคิดถึงเราบ้างไหม ถ้าเมื่อสองสามปีก่อนครอบครัวของเราไม่ประหยัดมัธยัสถ์ พวกนั้นคงจะจบเห่ไปนานแล้ว!”

ว่าแล้วหลี่ซิ่วยิงก็ยิ่งน้อยใจ

หลายปีที่ผ่านมานี้โจวต้าซานสนใจครอบครัวโจวเหล่าไท่ไท่ และสนใจสามพี่น้อง ดังนั้นนางจึงไม่เคยมีชีวิตที่ดีเลย!

หลี่ซิ่วยิงน้อยใจเรื่องนี้ โจวกุ้ยหลานฟังแล้วก็ชะงักไปนิดหนึ่งเหมือนกัน

โจวต้าซานที่อยู่ข้างๆ มีสีหน้าไม่ดีนัก “เจ้าจะเอาเรื่องนี้มาพูดทำไม”

“ถ้าข้าไม่พูดถึงพวกนั้นคงลืมกันหมด! ตอนนี้สถานการณ์ในครอบครัวเราเป็นอย่างไร? พวกนั้นคิดจะช่วยเราด้วยหรือ” หลี่ซิ่วยิงเอ่ยอย่างอึดอัด ชั่วขณะนั้นนางไม่ได้สนใจเลยว่าโจวกุ้ยหลานจะคิดอย่างไร

ที่นางทำแบบนี้ก็เพื่อครอบครัวนี้มิใช่หรือ

“ลุงกับป้าอย่าทะเลาะกันเลย เข้าจะให้พวกท่านดูก็ได้” โจวกุ้ยหลานว่าแล้วจึงเปิดฝาถ้วยใบใหญ่ออก ภายในถ้วยเป็นอ่างเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยโจ๊กถั่วรวมซึ่งมีผักกาดขาวอยู่ในโจ๊ก

เมื่อเห็นถ้วยโจ๊ก หลี่ซิ่วยิงก็อ้าปากกว้างและพูดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว

จะ… โจ๊กถั่วรวมนี่มันอะไรกัน ว่ากันว่ามีข้าวกับเนื้อมิใช่หรือ

โจวต้าซานที่อยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วมอง “ที่นี่มีเซาปิ่ง เจ้าเอาไปด้วยสักสองก้อนเถิด”

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านลุง แค่โจ๊กนี่ก็อิ่มแล้ว”

โจวกุ้ยหลานเอ่ยพลางวางถ้วยใหญ่ลงในอ่าง

นางหยิบตะกร้าขึ้นมาเตรียมจะจากไป เมื่อหันไปมองหลี่ซิ่วยิงจึงเห็นว่าหลี่ซิ่วยิงกำลังอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อ

ดูเหมือนนางจะเชื่อเรื่องนี้จริงๆ ใครเป็นคนเอาเรื่องนี้มาบอกนางกันแน่

โจวกุ้ยหลานครุ่นคิดอยู่ในใจ จากนั้นจึงเอ่ยกับหลี่ซิ่วยิงทันทีว่า “ท่านป้าอย่าไปฟังคนอื่นพูดจาเหลวไหลเลย พวกที่พูดไร้สาระนั่นให้ท่านไปกินข้าวที่บ้านพวกนางหรือก็ไม่ ยังมีชิวเซียงอีกคน เมื่อวานก็ไปบ้านพี่สาวรองของข้า ท่านเห็นแม่ของข้านำของอะไรไปให้ที่บ้านพี่สาวรองหรือก็ไม่ นางน่ะเป็นบุตรสาวที่แม่ข้าให้กำเนิดเองเลยนะ”

พูดจบนางก็ออกไปจากห้องทันทีโดยไม่รอให้หลี่ซิ่วยิงตอบอะไร

โจวต้าซานตามออกไปด้วย ทันใดนั้นเขาก็ดึงตะกร้าของโจวกุ้ยหลานไปและนำไปที่ห้องครัว เมื่อเป็นแบบนี้ โจวกุ้ยหลานจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรีบตามเข้าไปในครัว

หลี่ซิ่วยิงที่อยู่ในห้องครุ่นคิดถึงสิ่งที่โจวกุ้ยหลานพูด มันก็ใช่ โจวซ่านเย่เป็นลูกสาวแท้ๆ ของสวีเหมยฮวา ถ้านางมีของดีๆ อยู่จริง นางจะไม่แบ่งไปให้ลูกสาวสักหน่อยเลยหรือ

นอกจากนี้ยังมีชิวเซียงที่อาศัยกินข้าวที่ครอบครัวของโจวซ่านเย่ นางเองก็ไม่ควรทำอะไรที่ล่วงเกินจนเกินไป ไม่อย่างนั้นสวีเหมยฮวาอาจจะไปพาชิวเซียงกลับมาจากเมืองได้…
อีกด้านหนึ่ง โจวกุ้ยหลานตามโจวต้าซานเข้าไปในครัว จากนั้นจึงเห็นเขาเปิดฝากระทะและหยิบเซาปิ่งสองชิ้นจากขอบกระทะมาใส่ลงในถ้วยเปล่าในตะกร้า จนในกระทะเหลือเซาปิ่งเพียงแค่ชิ้นเดียว

ดูเหมือนเซาปิ่งทั้งสามชิ้นพวกเขาจะเตรียมไว้กินเอง เมื่อนำมาให้นางสองชิ้น เขาจึงเหลือเซาปิ่งเพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น

โจวกุ้ยหลานคิดจะถอยกลับ แต่โจวต้าซานรั้งมือนางไว้ “เอาน่า อย่าดึงไป วันนี้ข้ากับพี่ซานเฉียงไม่ได้ลงนา กินน้อยลงหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่ต้าไห่กับฉางหลินยังต้องทำงาน!”

คำพูดที่ได้ยินทำให้หัวใจของโจวกุ้ยหลานเกิดคลื่นความร้อนปั่นป่วน

แม้ว่าหลี่ซิ่วยิงจะหาเรื่อง แม้ว่าโจวชิวเซียงจะกวนใจจนน่ารำคาญ แต่นางก็ไม่อาจหักหาญน้ำใจลุงใหญ่ของนางซึ่งปฏิบัติต่อนางราวกับนางเป็นครอบครัวจริงๆ ได้

นางจับมือโจวต้าซานก่อนจะขยับเข้าไปใกล้เขาและกระซิบว่า “ท่านลุง ปกติครอบครัวของข้ามีข้าวกินจริงๆ เจ้าค่ะ”

“ข้ารู้” โจวต้าซานเอ่ยพลางยื่นตะกร้าไปตรงหน้าโจวกุ้ยหลานอีกครั้ง

โจวกุ้ยหลานชะงักและถามทันทีว่า “ท่านรู้ได้อย่างไร”

“แม่ของเจ้าเอาเนื้อมาให้พวกข้าบ่อยๆ เมื่อไม่กี่วันก่อนยังเอาแป้งสาลีมาให้ห้าจิน เหล่านี้ล้วนเอาเงินซื้อมา นั่นหมายความว่าครอบครัวของเจ้ามีชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว”

โจวต้าซานเอ่ยอย่างไม่สนใจอะไร

เมื่อก่อนมีแต่เขาที่ส่งข้าวโพดไปให้ญาติพี่น้อง แต่ช่วงไม่กี่เดือนมานี้นางส่งข้าวสารอาหารแห้งมาให้เป็นระยะๆ แล้วเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าสถานการณ์ทางบ้านของนางเป็นอย่างไรบ้าง