ตอนที่ 231

Great Doctor Ling Ran

ในพื้นที่ปฏิบัติการในศูนย์เวชศาสตร์การกีฬาและศัลยกรรมกระดูกและข้อมีขนาดเล็กและมีห้องผ่าตัดทั้งหมดแปดแห่ง

อัตราส่วนของห้องผ่าตัดต่อเตียงของโรงพยาบาลนั้นมีจำนวนเตียงทั้งหนึ่งร้อยแปดสิบเตียงในศูนย์อายุรศาสตร์และเวชศาสตร์การกีฬาซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติ

ศูนย์เวชศาสตร์การกีฬาศัลยกรรมกระดูกและข้ออาจดูเหมือนว่าพวกเขามีห้องผ่าตัดหลายห้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขามักจะมีเตียงเปล่าจำนวนมากเมื่อเทียบกับโรงพยาบาลทั่วไปซึ่งมักจะต้องเพิ่มเตียงเพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีเข้ามาอย่างมากมาย

หลิงรันชอบพื้นที่ปฏิบัติการที่กว้างขวาง หากเขาไม่ได้รวมส่วนที่เหลือของอาคารครึ่งหนึ่งที่สงวนไว้โดยเจตนาเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ซึ่งอีกครึ่งหนึ่งของอาคารนั้นถูกใช้งานจนไม่สามารถใช้งานได้ เมื่อหลิงรันมองดูออกไปเขาพบว่าทางเดินในอาคารนั้นว่างเปล่าและสะอาด มันมีห้องสุขาที่ฆ่าเชื้อ ห้องผ่าตัดห้องเก็บอุปกรณ์ผ่าตัดและห้องอื่น ๆ ดูสะอาดไปทั้งหมด พวกมันกระจัดกระจายไปตามทางเดิน แต่ตำแหน่งของแต่ล่ะห้องก็พิสูจน์แล้วว่ามันน่าสนใจ ด้วยเหตุนี้เมื่อพวกเขานำบางสิ่งออกมาจากห้องเหล่านั้นในเวลากลางคืนในขณะปฏิบัติหน้าที่พวกเขาอาจทำให้นางพยาบาลสาวตกใจกลัวได้เพราะมันซับซ้อนไปหมด

ในทำนองเดียวกันโรงอาหารที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ปฏิบัติการ – สถานที่โปรดของศัลยแพทย์ทุกคน – ยังมีรูปแบบมาตรฐานมากเช่นเดียวกับอุปกรณ์มาตรฐาน ตั้งแต่แรกเห็นห้องครัวมีขนาดใหญ่ประมาณ 131 ตารางฟุตและพื้นที่รับประทานอาหารมีขนาดใหญ่เกือบ 328 ตารางฟุต แต่โรงอาหารในพื้นที่ปฏิบัติการมักจะว่างเปล่าเพราะมันตั้งอยู่ในสถาบันการวิจัยซึ่งมีแพทย์เพียงไม่กี่คนที่ใช่มัน

อย่างไรก็ตามโรงอาหารในพื้นที่ปฏิบัติการดูเหมือนจะค่อนข้างแออัดในวันนี้

มันนดูเงียบ แต่มีคนอยู่ทั่วโรงอาหารอย่างแออัด

เจียนเทียนยูเดินตามหลิงรันเข้าไปในโรงอาหาร สักพักเจียนเทียนยูรู้สึกไม่ค่อยคุ้นเคยกับโรงอาหารแห่งนี้เท่าไร

เพราะโต๊ะอาหารเกือบครึ่งห้องถูกย้ายไปที่หน้าโรงอาหาร มีหม้อสแตนเลสวางอยู่และแผ่นป้ายชื่อที่คล้ายกับที่ใช้ในร้านบุฟเฟ่ต์อยู่หน้าหม้อแสตนเลส

แพทย์บางคนเดินไปที่หม้อสแตนเลสและเปิดฝา จากนั้นแว่นตาของพวกเขาก็ชุ่มไปด้วยไอน้ำที่พวยพุ่งขึ้นมาจากหม้อ เมื่อพวกเห็นมันได้ชัดแล้ว ในที่สุดแพทย์เหล่านั้นก็รู้ว่ามันเป็นขาหมู และซี่โครงหมูชิ้นยาว …

หมอลู่สวมเสื้อคลุมสีขาวของเขาและยืนที่ท้ายแถว ที่ด้านหน้าของเขามีเขียงและเขาถือมีดทำครัวในมือของเขา เช่นเดียวกับร้านบุฟเฟ่ต์แพทย์สามารถเลือกเนื้อสัตว์ที่พวกเขาชอบและให้หมอลู่หั่นเนื้อเป็นชิ้น ๆ ตีนหมูจะถูกตัดตรงกลางขาหมูจะถูกตัดตามแนวยาวข้าวโพดจะถูกสับเป็นสองส่วนและซี่โครงหมูจะถูกหั่นเป็นชิ้น …

แน่นอนหมอส่วนใหญ่จะเอาตักเนื้อขึ้นมาและตัดมันด้วยตัวเอง

บางคนใช้มีดที่มาพร้อมกับจานเพื่อตัดเนื้อในขณะที่บางคนกินแค่ตีนหมู แต่สิ่งที่เห็นได้บ่อยที่สุดคือศัลยแพทย์เลือกตีนหมูและใช้ทักษะการผ่าที่แม่นยำจัดการกับอาหารเหล่านั้น

มีมีดราคาถูกจำนวนมากในห้องผ่าตัดปฏิบัติการ ตราบใดที่พวกเขาตัดเนื้อพวกนั้นด้วยความระมัดระวังพวกนั้นจะกินมันได้อย่างเต็มที่และมีบางคนหั่นเนื้อเป็นชิ้นใหญ่ก็จะเอาไปในปากอย่างเอร็ดอร่อย

“เกิดอะไรขึ้น?” หัวหน้าแพทย์เจียนเทียนยูสงสัยมากเมื่อเขาเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโรงอาหาร

หลิงรันพูดว่า “หมอลูส่งหมูตุ๋นมาจากหยุนหัว … “

“ฉันจำได้ที่คุณพูดถึงเอสเอฟเอ็กเพลส แต่นั่นไม่ใช่สตูว์หนึ่งหม้อหรือยังไง … “เจียนเทียนยูจ้องไปที่ศัลยแพทย์ที่กำลังกินจนปากเลอะไปด้วยมันเยิ้มๆ เจียนเทียนยูไม่มีความสุขและบ่นออกมาว่า “พวกเขาไม่เคยกินเนื้อมาก่อนหรือยังไงแล้วนี้ตอนเขาอิ่มเขายังจะผ่าตัดไว้อยู่หรอเนี่ย พวกเขาไม่รู้สึกเบื่อหรือยังไง ที่ต้องมานั่งแทะซี่โครงหมูอยู่อย่างนี้เนี่ย? “

หมอลู่เห็นหลิงรัน และ เจียนเทียนยูเข้ามา เขาจึงหยุดหั่นอย่างรวดเร็วและยื่นคิวอาร์โค้ดให้พวกเขา จากนั้นเขาก็ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณมาถูกที่แล้วตีนหมูอีกขาหนึ่งกำลังจะสุกเร็ว ๆ นี้”

“หมายถึงอีกหม้อหรอ?” เจียนเทียนยูไม่รู้จะพูดยังไงดีเมื่อเขามองไปที่หมอลู่เขาไม่ได้ประทับใจอะไรเป็นพิเศษกับแพทย์ประจำแผนกของหยุนหัว สิ่งที่เขาจำได้ก็คือ หมอลู่ค่อนข้างมีประสบการณ์ในฐานะผู้ช่วยมีการตัดสินใจที่รวดเร็วและดูเหมือนว่าเขาจะมีอนาคตที่สดใส แต่สิ่งที่เจียนเทียนยูไม่คาดหวังก็คือหมอลู่ไม่ได้มีชื่อเสียงในห้องผ่าตัด แต่เขาสร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ในโรงอาหารได้

หมอลู่ไม่ใส่ใจในการแสดงออกทางสีหน้าของเจียนเทียนยูเขายิ้มและตอบว่า “ทุกคนที่นี่ชอบที่ตีนหมูของผมมีหมอบางคนอยากจะขอซื้อพวกมันกลับไปกินที่บ้าน ซึ่งบังเอิญว่าผมโชคดีที่มีเบอร์ของเจ้าของร้านขายเนื้อจึงโทรสั่งให้เขาเอาเนื้อมาส่งอีกหนึ่งหม้อพอดี “

“คุณมีเบอร์โทรศัพท์ของร้านขายเนื้อด้วยเหรอ?”

“จริงแล้วผมไปร้านขายเนื้อตอนบ่ายสองและพบว่าผมเป็นลูกค้ารายแรกเจ้าของร้านดีใจมากจึงให้ราคาพิเศษกับผมด้วยพร้อมเบอร์ติดต่อ” หมอลู่แสดงสีหน้าที่ภาคภูมิใจออกมา

เจียนเทียนยูตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ เขาสูญเสีย ‘ความคิด‘ไปอย่างสมบูรณ์แบบสำหรับการเรียนแพทย์และความรู้อันสูงส่งของเขาได้หายไป มันดูไร้ประโยชน์มากเมื่ออยู่ต่อหน้าหมอลู่ในตอนนี้

“ช่วยหั่นขาหมูให้พวกเราด้วย ฉันขอส่วนหนังและไขมัน นอกจากนี้ขอเนื้อซี่โครงหมูตุ๋นบนข้าวเพิ่มบรอกโคลีและเห็ดด้วยและฉันก็ชอบสลัดผลไม้ เช่นกัน ” หลิงรันสั่งอาหารอย่างง่ายดาย จากนั้นเขาก็ถามเจียนเทียนยูว่า “คุณต้องการตีนหมูเท่านั้นใช่ไมคุณจะเอาข้าวโพดเพิ่มด้วยไม?

“ฉันต้องการสลัดผลไม้ด้วย” เจียนเทียนอยู่ยังอยู่ในอาการตกตะลึง

“สั่งแล้ว” หลิงรันพยักหน้า

“คุณ…” เจียนเทียนยูจ้องที่หลิงรันและหมอลู่เขาถามว่า “คุณทำอะไรแบบนี้ที่โรงพยาบาลหยุนหัวหรอ”

“ไม่มีทาง” หมอลู่รีบตอบก่อน “ผมประสบความสำเร็จมากกว่านี้ในโรงพยาบาลหยุนหัวมีพนักงานนับร้อยในแผนกฉุกเฉินเพียงอย่างเดียวถ้าเราไปที่ห้องผ่าตัดจะมีศัลยแพทย์และพยาบาลหลายร้อยคนเข้าและออกจากโรงพยาบาลทั้งวันและนั่นก็คือลูกค้าของพวกเรา “

เจียนเทียนยูเริ่มสับสนมากขึ้น เขาเกาหัวแล้วพูดอย่างเหน็ดเหนื่อย“ โรงอาหารในพื้นที่ปฏิบัติการคือเพื่อให้เราสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้ง่ายสำหรับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของเราที่จะกินและนั่นทำให้พวกเขาสามารถทำการผ่าตัดได้ดีขึ้น”

“สะดวกมากจริงๆ”

“เมื่อเรากินอาหารเย็นเราสามารถเริ่มการผ่าตัด คุณกำลังจะกลับบ้านใช่ไมล่ะ?” หลิงรันมองไปที่เจียนเทียนยูด้วยประกายแห่งความหวังที่ส่องประกายในดวงตาของเขา ในครั้งที่เขาผ่าตัดหลิวเหว่ย เจียนเทียนยูก็เป็นผู้ช่วยของเขา เจียนเทียนทำการผ่าตัดได้ดีและช่วยให้เขาประหยัดได้มากในตอนนั้น

เจียนเทียนยูได้แต่หัวเราะ เขาไม่รู้จะพูดอะไรออกมาอีก

ขณะที่พวกเขาพูดกัน หมอลู่ก็เสิร์ฟอาหารตุ๋นที่สั่งโดยหลิงรัน

“มากินกันเถอะ” หลิงรันเริ่มกินอย่างรวดเร็วหลังจากเขาพูดอย่างว่าเขาจะมีพลังงานเพียงพอที่จะทำการผ่าตัดหลังจากที่เขาอิ่มแล้ว

เจียนเทียนยูจ้องไปที่โต๊ะอาหารเนื้อตุ๋นสีเข้ม สลัดผลไม้เป็นอาหารจานเดียวที่มีสีสัน เขาอดไม่ได้ที่จะบ่น “การกินแบบนี้มันไม่ดีต่อสุขภาพ”

“มันจะเป็นอย่างงั้นได้อย่างไร?“

“เราจำเป็นต้องเปลี่ยนประเภทของอาหารที่เรากินทุกวัน อีกทั้งเราจำเป็นต้องผสมผักกับเนื้อสัตว์เป็นอย่างอื่นถ้าคุณกินในลักษณะนี้เป็นระยะเวลาหนึ่งคุณจะโชคดีที่มีเพียงแผลในปากเท่านั้นเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ … ” เจียนเทียนยูกล่าวว่าในขณะที่เขาหยิบขาหมูที่มันเยิ้มและใส่เข้าไปในปากของเขา จากนั้นเขาก็เคี้ยวช้าๆ

ขาหมูตุ๋นที่เคี่ยวแล้วนั้นจะให้รสเค็มและเผ็ดเมื่อลิ้นสัมผัสมันเป็นครั้งแรก จากนั้นตามด้วยน้ำซุปรสเลี่ยนจากขาหมู ผิวที่กรอบเล็กน้อยเนื้อนุ่มไขมันและเนื้อติดมันเล็กน้อยทำให้ได้รสชาติที่อร่อย …

เจียนเทียนยูมักจะทำงานเป็นศัลยแพทย์อิสระและเขาถือได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร ในขณะนั้นเขาอดอาหารไม่ได้ที่จะทานแต่เขาก็ปรบมือชื่นชมหมอลู่เช่นกัน

โชคดีที่เขาตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าเขากำลังจะทำอะไรไม่เช่นนั้นเขาก็จะต้องลงไปทำอาหารเองแน่ๆ

เจียนเทียนยูแอบพยักหน้า เมื่อเขาลืมตาอารมณ์ของเขาก็จะดีขึ้น เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “เมื่อฉันอ่านรายงานจากเซนทัลเฮลแคร์ พวกเขากล่าวว่าพวกเขามีอาหารอย่างน้อยยี่สิบสองชนิดในเมนูที่เตรียมไว้ ทุกวันเพื่อให้แน่ใจว่าได้รับสารอาหารที่เพียงพอ เมื่อพวกเขายังเด็กอยู่ดังนั้นตอนนี้คุณไม่มีความคิดที่จะดูแลสุขภาพของคุณยังคุณไม่ควรละเลยเรื่องนี้ในฐานะแพทย์เรารู้ว่ามันจะสายเกินไปสำหรับเราถ้าเราเริ่มกินยาเมื่อเราไม่สบายเท่านั้น … “

“หัวหน้าแพทย์เจียน” พยาบาลสาวเข้ามาทักทายเจียนเทียนยู

“ว่าไง?” เจียนเทียนยูที่อยู่ในวัยวัยกลางคนพยักหน้าอย่างมั่นคง เขาดูสง่างามมาก

“หมอหลิงฉันทำพริกเขียวและไข่กวนมันช่วยลดความร้อนภายในร่างกายส่วนเกิน เดียวฉันจะเอามาแบ่งคุณนะ” พยาบาลสาวยิ้มแย้มขณะที่เธอเดินมาที่หน้าหลิงรัน

“ขอบคุณ.” หลิงรันผลักฝากล่องไปข้างหน้าเล็กน้อยแล้วหยิบอะไรบางอย่างจากใต้โต๊ะ จากนั้นเขาก็พูดว่า “นี้โยเกิร์ตหนึ่งขวด”

“ขอบคุณคุณหมอหลิงมากๆ” พยาบาลสาวรับโยเกิร์ตจากหลิงรันอย่างมีความสุข

“หมอลิงฉันทำเยลลี่มาให้”

“หมอหลิงลองชิมนี้สิ…”

“หมอหลิงข้าวผัดกับเนื้อ … “

เจียนเทียนอยู่ที่นั่งข้างๆ หลิงรันดูสาวๆของสถาบันวิจัยเดินมาที่หลิงรัน ก่อนที่พวกเธอจะเดินออกไปกับโยเกิร์ตที่พวกเขาได้รับจากหลิงรันกล่องโยเกิร์ตใต้โต๊ะของพวกเขาว่างเปล่าในเวลาอันสั้น

เจียนเทียนยู ตกตะลึงอีกครั้ง

นอกจากนี้ยังมีอาหารจำนวนมากอยู่ที่หน้าหลิงราน แต่ก็เป็นเพียงจานเล็กๆและหลิงรันกินพวกมันไปเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว

“หัวหน้าแพทย์เจียน” หลิงรันเช็ดปากของเขาก่อนที่เขาจะพูดคุยกับเจียนเทียนยูที่ไม่สามารถลิ้มรสอาหารที่หลิงรันพึงกินไปเพราะเขาตกตะลึงที่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อยู่ในเวลานั้น “เดียวฉันจะเริ่มทำการผ่าตัดแล้ว ตอนนี้ผู้ป่วยมาถึงแล้วใช่ไม?”

“อืมใช่! ผู้ป่วยคือคนที่เราเพิ่งติดต่อไปเขาควรจะมาที่นี่แล้ว” เมื่อ เจียนเทียนยูกำลังจะพูดมากกว่านี้เขาพบว่าหลิงรันเดินออกจากโรงอาหารอย่างรวดเร็ว

แสงไฟในห้องผ่าตัด2 สว่างขึ้นในไม่ช้า

หมอลู่ก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

ในระยะเวลาอันสั้นแสงในห้องผ่าตัดสามก็สว่างขึ้นเช่นกัน ภายในยี่สิบนาทีพยาบาลคนหนึ่งวิ่งออกมาและพูดว่า “หมอหลิงกำลังทำการผ่าตัดครั้งที่สามของเขามันเป็นการฉีกที่เอ็นร้อยหวาย เขาขาดผู้ช่วยมีใครที่ต้องการเข้าร่วมบ้างไหม?”

“ฉันเข้าเอง” แพทย์ประจำบ้านไม่กี่คนที่มีเวลาว่างยกมือขึ้น

เจียนเทียนยูกำลังนั่งดมกลิ่นอายของตีนหมู เขามองไปที่ห้องผ่าตัดที่แออัดและดูหมอประจำถิ่นที่กำลังตื่นเต้น เขาเต็มไปด้วยความงุนงง ‘นี่ยังเป็นศูนย์กระดูกและเวชศาสตร์การกีฬาอยู่ใช่ไหม?’

ไฟในห้องผ่าตัดสว่างขึ้นก่อนที่จะถูกปิด จากนั้นมันก็สว่างขึ้นอีกครั้ง

ในปกติแล้วหลิงรันเองจะเลือกใช้คนในทีมเท่านั้นในการผ่าตัดแต่เมื่อคนในทีมไม่เพียงพอเขาก็จะให้คนออกมาเรียกคนที่ว่างให้เข้าไปช่วยเขาทำการผ่าตัด อีกทั้งถ้าเขากระหายน้ำเขาก็แค่ดื่มน้ำ ถ้าเขาเหนื่อยเขาจะเอาเซรั่มพลังงานขึ้นมาดื่ม วัฏจักรนี้ดำเนินต่อไปจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นและทำให้เขาผ่านภารกิจ [การชื่มชนจากเพื่อนร่วมงาน] สองอันด้วยเหตุผลบางอย่างที่อธิบายไม่ได้

ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับหับสมบัติจาก [การชื่มชนจากเพื่อนร่วมงาน] ยี่สิบหีบขั้นพื้นฐานที่มอบให้แก่เขา

‘เปิดหีบทั้งยี่สิบบาน‘ หลิงรันยืนอยู่ในห้องผ่าตัดขณะที่เขาสั่งคำสั่งภายในใจของเขา ขณะที่เขาสังเกตแผลที่เปิดใต้กล้องจุลทรรศน์

ในฐานะคนที่ปัจจุบันมีเซรั่มพลังงาน 124 ขวดเขาหมดความสนใจในการเปิดหีบสมบัติ นี่เหมือนกับนักเล่นเกมที่ได้รับหีบสมบัติปกติในเกมมากมาย นักเล่นเกมนั้นจะไม่เปิดมันทันทีจนกว่าเขาจะได้รับหีบจำนวนมาก

เมื่อเขาได้รับหีบสมบัติจนถึงจำนวนหนึ่งพวกเขาจะสามารถเปิดพวกเขาทั้งหมดได้ในครั้งเดียว หลิงรันจึงมีแรงจูงใจในการที่จะเปิดหีบสมบัติน้อยลง

เขารู้ว่าการเปิดพวกมันทั้งหมดในครั้งเดียวจะไม่เพิ่มโอกาสในการได้รับไอเท็มหายาก อีกทั้งการเปิดหีบสมบัติทีละเยอะๆแตกต่างจากการเปิดที่ละจำนวนน้อยๆอยู่มาก

สีสันสดใสส่องประกายในใจของหลิงรัน แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อสายตาของเขา

ในระหว่างนั้นเซรั่มสีเขียวและหนังสือสีก็ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าเขา …

“หยุดเดียว” หลิงรันผ่าตัดเสร็จด้วยความรวดเร็ว เขายืนขึ้นแล้วส่ายหัว จากนั้นเขาเปลี่ยนความสนใจของเขาไปที่สมุดสีเงินเล่มนั้น

หนังสือเล่มนี้เปิดขึ้นเองและบนหน้าปกเป็นวลีที่คุ้นเคย

[หนังสือทักษะเดียว]

[สาขาทักษะที่ได้รับ: เทคนิค การเชื่อมเยื่อบุประสาทด้วยกล้องจุลทรรศน์ (ระดับปริญญาโท)]

หลิงรานได้รับเทคนิคการเชื่อมเยื่อบุประสาทด้วยกล้องจุลทรรศน์ อีกทั้งเทคนิคการการเชื่อมเยื่อบุประสาทด้วยกล้องจุลทรรศน์ที่เขาได้รับในครั้งนี้อาจทำให้เทคนิคการเชื่อมต่อประสาทของเขาสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ในทางทฤษฎีการพูดช่วงของการประยุกต์สำหรับ การเจาะผ่านเยื่อบุโพรงจมูกด้วยกล้องจุลทรรศน์ นั้นกว้างกว่ามากและมันก็สามารถทำให้เสร็จได้เร็วขึ้น ถ้ามันถูกนำไปใช้ในระบบประสาทการผสมผสานของเยื่อยุประสาทและการเชื่อมปมประสาทจะมีความแม่นยำและผลลัพธ์ที่ดีกว่า

‘บางทีมันอาจจะมีผลที่ดีกว่านี้ถ้าฉันเปิดหีบสมบัติทั้งหมดในครั้งเดียว‘ หลิงรันนั่งอยู่ข้างหน้ากล้องจุลทรรศน์และพูดว่า “หมอลู่“

“ครับ.”

“พรุ่งนี้เช้าเราไปตรวจรอบวอร์ดกันเถอะ!”

หมอลู่มองนาฬิกาในห้องผ่าตัดและถามว่า “พรุ่งนี้คุณหมายถึงในวันนี้หรอหรือตอนนี้” เนื่องจากเวลาผ่านไปเร็วมากเมื่อพวกเขาทำการผ่าตัดซึ่งนี้ก็จะเป็นเช้าของอีกวันแล้ว

หลิงรันตระหนักถึงสิ่งที่หมอลู่หมายถึง ก่อนถอนหายใจและตอบว่า “เวลาผ่านเร็วจริงๆ “

หมอลู่อดไม่ได้ที่จะหาว เขาหันไปหานางพยาบาลและพูดอย่างขวยเขิน “ขอโทษนะช่วยฉันเช็ดน้ำตาหน่อย”