ตอนที่ 337 เถาหยางวางยา

ตอนที่ 337 เถาหยางวางยา

เจียงอวี่พูดไม่ออก ริมฝีปากของเขาสั่นระริก

“มันอยู่ไม่ไกลจากเถาหยาง อีกอย่างตอนนี้ก็มีหลิงอวี่และเฮยจือหม่า ไม่มีอันตรายอะไรเกิดขึ้น ดังนั้นไม่ต้องกังวลไปนะ” ซูเถาปลอบใจเขา

“เถ้าแก่ซู หลังจากเรื่องนี้ ผมจะขอเป็นเงาติดตามอยู่ข้างกายคุณตลอดไป ผมจะไม่ทิ้งคุณไปอีก” เจียงอวี่ตาแดงเล็กน้อย

“เอาล่ะ ไปกันเถอะ! คู่หูเงาของฉัน!” ซูเถาหัวเราะ

และสุดท้ายเจียงอวี่ก็พาแค่เนี่ยซือป๋อไปด้วย และผู้หญิงคนนั้นยังคงถูกขังอยู่ในท้ายรถ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังสถานที่ฝังศพของเจียงถง แม้ว่ามันจะกลายเป็นร่างไร้วิญญาณ แต่เขาก็อยากดูให้เห็นกับตา จากนั้นก็จะได้เผาเธอและพาเธอกลับบ้าน เขากับน้องจะได้ไม่มีวันแยกจากกันอีก

ทันทีที่เจียงอวี่จากไป ซ่งเยว่ปินก็เสนอที่จะแยกทางเช่นเดียวกัน

เขาซื้อแมวไม่สำเร็จ และตอนนี้เขารู้สึกหดหู่ใจมาก เขามองซูเถาราวกับว่าเขากำลังมองเสียวหั่วเยี่ยนผ่านเธอ

“เถ้าแก่ซู ถึงเวลาที่ผมต้องกลับไปพบกับเพื่อนร่วมทีมแล้ว เอาล่ะ… พวกเราแยกกันตรงนี้เลยแล้วกัน ไว้โอกาสหน้าเราจะไปเยี่ยมเถาหยางอีก ลาก่อนครับ”

แต่ทันทีที่เขาหันหลังกลับไป เขาก็หวนกลับมาอีกครั้ง “เถ้าแก่ซู ผมขอดูหั่วเยี่ยนอีกครั้งได้ไหม ผมไม่เอาตัวมันไปหรอก แต่ขอดูมันเฉย ๆ”

ซูเถาพาเขาเข้าไปในรถบ้านอย่างเงียบ ๆ และให้เขายืนดูอยู่หน้าประตูเท่านั้น

ล่าเจียวนั้นกำลังทำหน้าที่แม่ให้กับเสียวหั่วเยี่ยน

เนื่องจากมันได้รับอาหารดี ๆ น้ำนมของล่าเจียวจึงมีเพียงพอต่อการให้อาหารหั่วเยี่ยนได้

ซ่งเยว่ปินเพียงแค่มองดูมันอย่างตั้งใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหยิบอุปกรณ์สื่อสารออกมาและถ่ายรูปไปสองสามภาพ

หลังจากถ่ายภาพเสร็จก็ถามซูเถาอย่างเกรงใจว่า “ผมขอถ่ายรูปมันเก็บไว้สักสองสามภาพได้ไหม ในอนาคตผมอาจจะไม่ได้เห็นแมวสีเพลิงแบบนี้อีก”

ซูเถาชำเลืองมองอีกฝ่าย “คุณถ่ายรูปมันไปหมดแล้ว ถ้าฉันขอให้คุณลบมัน คุณจะลบเหรอ”

ซ่งเยว่ปินหน้าหนา แน่นอนว่าเขาปฏิเสธที่จะลบมันจากนั้นเขาก็เดินกลับออกมา อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไปไม่นาน เขาก็ส่งอีเมลไปให้ใครบางคน

คุณนายเวิน ผมลงใต้เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดพันธมิตร และโชคดีที่ได้พบกับลูกแมวสีเพลิงที่หายาก นี่คือรูปถ่ายของมันและแม่ของมัน ปัจจุบันมันมีอายุไม่ถึงหนึ่งเดือน หลังจากสามเดือนขนจะหนาขึ้น ตอนนี้หางของมันจะค่อย ๆ ยาวเป็นสีทองทีละน้อยเหมือนเปลวไฟ และหูของมันก็มีสีทองอ่อน ๆ ถ้าดูดี ๆ ตรงจมูกมีสีทองนิดหน่อยเหมือนได้รับการแต่งแต้มสี จากประสบการณ์ คงไม่สามารถหาแมวแบบนี้ได้อีกแน่

แต่เจ้าของลูกแมวคนปัจจุบันไม่เต็มใจที่จะขายมัน ถ้าคุณชอบมันมาก ผมจะพาคุณไปดูลูกแมวด้วยตาของคุณเอง เราจะทำงานร่วมกันเพื่อโน้มน้าวใจเจ้าของลูกแมวคนปัจจุบัน

[รูปถ่าย]

เวินม่านซึ่งอยู่ห่างออกไปที่ฐานเชียนอัน เปิดอีเมลแจ้งเตือน

เธอมองภาพนั้นด้วยดวงตาเป็นประกาย และมองซ้ำแล้วซ้ำอีก

ตอนแต่งงานสามีให้ลูกสุนัขแก่เธอ แต่เป็นที่น่าเสียดาย หลังจากอยู่ด้วยกันไม่ถึงครึ่งปี เธอก็พบว่าสุนัขมีโรคทางพันธุกรรมร้ายแรง เธอไปรักษาหลายแห่งแต่ก็ไม่เป็นผล

ตอนที่มันอาการหนัก สุนัขของเธอล้มลงกับพื้นและส่งเสียงร้องไม่หยุด เธอคุกเข่าข้าง ๆ และสัมผัสมันพร้อมกับร้องไห้ออกมา และสุดท้ายมันก็กลับไปยังดาวของมัน

เวินม่านมีอายุ 20 ปีแล้ว ก่อนที่เธอจะแต่งงาน เธอเป็นแก้วตาดวงใจของครอบครัว หลังจากเธอแต่งงาน สามีก็รักและทะนุถนอมเธอเป็นอย่างมาก เธอไม่เคยเจอเรื่องทุกข์ใจหรือต้องพรากจากใคร การจากไปของสุนัขทำให้เธอเสียใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นในช่วงสองปีแรก เธอจึงไม่กล้ามองลูกสุนัขของคนอื่น และจะเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นพวกมัน

มันไม่ได้ดีขึ้นจนกระทั่งปีนี้ และด้วยคำชักชวนของสามี เธอจึงเริ่มคิดที่จะเลี้ยงลูกแมว

เธอไม่กล้าที่รับสุนัขมาเลี้ยงอีก เพราะความทรงจำตอนนั้นเจ็บปวดเกินไป แต่เวินม่านชอบสัตว์ตัวน้อยที่มีขนสวยงาม ทว่าเธอมองหาอยู่นานแต่ไม่พบตัวที่ถูกใจ ตอนนี้หลังจากดูรูปถ่ายในอีเมลแล้ว เวินม่านรู้สึกว่าเธอมีชะตากรรมร่วมกับเสียวหั่วเยี่ยน และเธอก็ชอบมันมากจนอดไม่ได้ที่จะวิ่งไปแบ่งปันกับสามีของเธอ

ไม่ว่าจะเป็นแมวอะไรลั่วเหยียนก็ยินดี ขอแค่ภรรยาของเขาชอบ “ถ้าคุณต้องการ ผมจะส่งคนไปรับมา คุณไม่ต้องไปเอง ข้างนอกมันอันตราย”

เวินม่านแสดงความไม่พอใจออกมา และชี้ไปที่อีเมลที่ซ่งเยว่ปินส่งมาแล้วพูดว่า “หัวหน้าซ่งบอกแล้วว่าเจ้าของเดิมไม่ต้องการขายมัน ดังนั้นฉันต้องการไปแสดงความจริงใจด้วยตัวเอง คุณจะส่งคนไปทำอะไร? ปล้นเหรอ? ฉันทำเรื่องน่าอายแบบนั้นไม่ได้หรอก”

ลั่วเหยียนกล่าวว่า “แล้วถ้าฝั่งนั้นเขาไม่ยอมล่ะ? ก็อาจจะต้องใช้เงินเข้าสู้ คุณลองถามหัวหน้าทีมซ่งก่อน และให้อีกฝ่ายเสนอราคามาได้”

เวินม่านทำหน้ามุ่ย

เธออายุแค่ยี่สิบปี ยังถือว่าไม่มากนัก และเพราะเธอได้รับการปกป้องเป็นอย่างดีจึงมีความไร้เดียงสาและมีความเป็นเด็ก เธอก็ใสสะอาด และปราศจากความคิดไม่ดีใด ๆ บนใบหน้าของเธอ

เมื่อลั่วเหยียนเห็นเธอเช่นนี้ หัวใจของเขาก็อ่อนลง “งั้นคุณรอผมมีเวลาแล้วเราค่อยไปด้วยกัน แต่ผมแนะนำว่าให้อีกฝ่ายเสนอราคามาก่อน เรื่องไหนที่ใช้เงินแก้ปัญหาได้ ก็อย่าไปใช้ความคิดให้ปวดหัวเลย”

เวินม่านตกลงอย่างไม่เต็มใจ

ปรากฏว่าเมื่อซ่งเยว่ปินได้รับคำตอบ ทางนั้นให้เขาไปถามซูเถาว่าเธอสามารถขายเสียวหั่วเยี่ยนได้เท่าไร จู่ ๆ เหงื่อของเขาก็แตกพลั่ก

เขาไม่กล้าถาม ซูเถาต้องใช้พลั่วทุบหัวเขาแน่ถ้าเขาถามออกไป

เขาตอบทันทีว่าเจ้าของเดิมไม่ได้สนใจเรื่องราคา แต่เพียงต้องการหาบ้านที่ดีและไว้ใจได้ให้กับเสียวหั่วเยี่ยน

เวินม่านรับคำตอบและแสดงข้อความนี้ให้สามีของเธอ “คุณดูสิ คุณอย่าคิดว่าทุกคนจะคิดแต่เรื่องเงินเหมือนคุณ เอาเป็นว่าคุณหาเวลาพาฉันไปที่เถาหยางในช่วงสองเดือนนี้แล้วกัน”

“เถาหยาง? ผมไม่เคยได้ยินชื่อนี้ อยู่ที่ไหนเหรอ?” ลั่วเหยียนขมวดคิ้ว

เวินม่านส่ายหัว “ฉันก็ไม่รู้ คุณลองไปหาดูเถอะ แต่ไม่สำคัญว่ามันจะอยู่ที่ไหน ยังไงฉันก็จะไปอยู่ดี”

ลั่วเหยียนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้คนไปหาข้อมูล ตัดสินใจที่จะตรวจสอบเถาหยางนี้ในภายหลัง และจะไม่พูดเรื่องราคาในตอนนี้ ถึงตอนนั้นเขาค่อยเอ่ยปากพูดทีเดียว เพราะว่าผู้คนในสถานที่เล็ก ๆ หากไม่ได้ขาดแคลนเงิน บางทีพวกเขาอาจกำลังรอการถูกสังหาร

เมื่อภรรยาของเขาจากไปอย่างมีความสุข ลั่วเหยียนได้โทรหาผู้ช่วยของเขาและขอให้เขาตรวจสอบข้อมูลโดยละเอียดของเถาหยาง

เมื่อผู้ช่วยได้ยินชื่อนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมได้ยินมาว่าที่การประชุมสุดยอดพันธมิตรทางตอนใต้ ทายาทลำดับสามของตระกูลเซียวได้ใช้เงินประมูลไปถึง 65 ล้านเหลียนปังพร้อมชำระผลึกนิวเคลียสอีก 40 อันเพื่อซื้อพื้นที่เปิดโล่งในเถาหยาง น่าจะเป็นสถานที่เดียวกัน”

ลั่วเหยียนที่สบประมาทเถาหยางเอาไว้ก็ต้องหยุดนิ่ง “ตระกูลเซียวมีเงินมากมายและไม่มีที่จะใช้จ่ายหรือไง?”บราวนี่ออนไลน์

ผู้ช่วยไม่เข้าใจว่าทำไม

“แต่ว่าตอนนี้ชื่อเสียงของเถาหยางในทางใต้ค่อนข้างดี แต่คนส่วนใหญ่ล้อเลียนคุณหนูสามตระกูลเซียวว่าเธอซื้อที่ดินนี้เป็นของขวัญให้พ่อของเธอ นายท่านเซียวคงดูถูกของสิ่งนี้ และน่าจะวิจารณ์อย่างหนัก”

ลั่วเหยียนคิดกับตัวเอง ถ้าเขาเป็นนายท่านเซียว เขาก็คงจะรู้สึกหดหู่ใจเช่นกัน

ของขวัญอะไรกัน เป็นแค่ที่ดินฐานเล็ก ๆ ไร้ค่า ซื้อมาเพื่อรอวันให้ซอมบี้เหยียบย่ำ

ผู้หญิงคนนี้ไร้เหตุผลจริง ๆ ไม่รู้ว่าคุณหนูสามตระกูลเซียวถูกล้างสมองหรือเปล่า เรื่องนี้ทำให้ลั่วเหยียนกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับภรรยาของเขา

แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว ภรรยาของเขาถูกลูกแมวของเถาหยางล้างสมองไปแล้ว

เถาหยางวางยาอะไรหรือเปล่า

เหล่าอวี๋ผอยังคิดว่าถูกเถาหยางวางยาเช่นกัน ระหว่างทางเธอกินได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ และมีอาหารพิเศษมากมายจนหลานชายของเธอกลายเป็นแฟนตัวยงของเถาหยาง ผู้จัดการหม่าก็เป็นคนดี คุณหรงหรงก็น่ารัก กว่าจะไปถึงตงหยาง เสี่ยวอวี๋คงน้ำหนักขึ้นเป็นกิโล

ซูเถาไม่มีเวลาแม้แต่จะกลับไปที่เถาหยาง ดังนั้นเธอจึงตรงไปที่ฐานหลักของกองทัพบุกเบิก

เมื่อเฉินเทียนเจียวเห็นเธอ เขาก็กลัวจนหัวหด

ทำไมมาเร็วจัง!

เนื้อหนังของเหล่าต้ามันยังไม่ฟื้นฟูเลย!!