ตอนที่ 286

My Disciples Are All Villains

พรึ๊บ!

ดาบมารได้พุ่งเข้าหากงหยวน ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นมาเมื่อเห็นดาบมารตรงมา พลังมุทราที่เคยมีได้ขยายใหญ่กว้างขึ้นกว่าแต่ก่อน!

ตู๊ม!

ดาบมารถูกพลังมุทราสกัดกั้นเอาไว้ได้ มันถูกหยุดกลางอากาศก่อนที่จะเริ่มโจมตีกงหยวนอีกครั้ง

“นี่คือเขตแดนของดาบมาร…นอกจากนี้มันยังได้พลังจากม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ดเสริมความแข็งแกร่งอีกด้วย ดูเหมือนว่ากงหยวนจะโชคไม่ดีเท่าไหร่” เจียงอาเฉียนที่เห็นแบบนั้นดูตื่นเต้นขึ้นมา

ในตอนนั้นเองดาบมารยังคงจู่โจมกงหยวนอย่างบ้าคลั่งราวกับว่ามันมีพลังล้นหลามที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!

กงหยวนไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากต้องต่อกรกับดาบมารที่กำลังบ้าคลั่ง ทั้งพลังวิถีพุทธปีศาจ พลังฝ่ามือพุทธ การโจมตีของเขาได้ถาโถมเข้าใส่ดาบมาร แต่ถึงแบบนั้นก็น่าเสียดาย ดาบมารที่รับการโจมตีเข้าไปไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเวลาผ่านไปพลังของดาบมารก็มีแต่จะเพิ่มขึ้น พลังของมันไม่ได้ดูลดลงไปกว่าเดิมเลย

ในตอนนั้นเองพลังพุทธองค์กายาทองคำก็ได้ปรากฏตัวขึ้น มันเป็นพลังร่างทองที่สามารถปัดเป่าดาบลอยฟ้าที่เข้ามาโจมตีทั้งหมดได้ ดาบปีศาจเป็นเพียงดาบเล่มเดียวที่ยังโจมตีกงหยวนอยู่ มันยังหาช่องทางการโจมตีอย่างไม่ลดละ [หมายเหตุ: ขอเปลี่ยนพระพุทธเจ้ากายาทองคำเป็นพระพุทธองค์กายาทองคำแทนครับ]

“ไม่มีทาง! แม้แต่พลังพุทธองค์ทองคำเองก็ยังปราบดาบมารไม่ได้อย่างงั้นหรอ? ” เจียงอาเฉียนได้แต่กลืนน้ำลาย แล้วตัวเขาจะได้รับดาบเล่มนี้มาได้ยังไงกัน? แม้แต่สุดยอดพลังพุทธองค์กายาทองคำเองก็ยังไม่อาจเอาชนะดาบมารได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้กงหยวนกำลังตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ

พลังอวตารและพลังกายาทองคำล้วนแต่ต้องการพลังอันมหาศาลเพื่อคงรูปลักษณ์และพลังของมันเอาไว้ การที่จะใช้สุดยอดพลังเป็นเวลานานถือว่าเป็นเรื่องที่ยากแสนยาก

เป็นไปตามคาด ไม่นานหลังจากนั้นพลังพุทธองค์กายาทองคำก็ได้จางหายไป…

พรึ๊บ!

ดาบมารยังคงไล่ตามกงหยวนไปด้วยความเร็วที่แสนน่ากลัว

ดวงตาของกงหยวนเบิกกว้าง ตัวเขาจ้องมองไปที่ดาบมารอย่างตื่นตกใจ “ข้า…ข้าไม่อยากจะเชื่อ…นี่มันเรื่องอะไรกัน…”

กงหยวนได้ร่วงหล่นจากบนอากาศก่อนที่จะตกลงบนพื้น ร่างอันไร้วิญญาณของเขานอนแน่นิ่งไม่ขยับไปไหน แม้ว่าจะตายไปแล้วแต่ลูกประคำของกงหยวนก็ยังคงส่องแสงสว่างสลัวอย่างน่าประหลาด

การแสดงออกของทุกๆ คนต่างก็เปลี่ยนแปลงไปมาก

กงหยวนเป็นเจ้าอาวาสของวิหารแห่งความว่างเปล่า เขาถือเป็นผู้มีพลังเทียบเท่าได้กับผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบ เขาเป็นผู้ใช้วิชาพุทธผสมผสาน เป็นไปได้ยังไงที่ยอดฝีมือเช่นนี้จะถูกดาบมารจัดการไป? ทุกๆ คนต่างก็ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้เห็น แต่ถึงแบบนั้นเรื่องนี้ก็ได้รับการพิสูจน์กับตาตัวเองแล้ว

เมื่อดาบมารสามารถจัดการกับเป้าหมายมันได้ มันก็ได้หันไปหาผู้ฝึกยุทธฝ่ายธรรมะที่มาจากสี่สำนักใหญ่ มันเริ่มไล่ล่าจัดการผู้คนอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง

เมื่อเทียบกับฝีมือที่กงหยวนมี ผู้ฝึกยุทธที่เหลือล้วนแต่อ่อนแอจนน่าสมเพช ทุกๆ คนล้วนแต่ถูกพรากชีวิตไป ฝนแห่งสายเลือดเริ่มไหลรินไปทั่วสุสาน

เมื่อเห็นแบบนั้นฉินจานก็ได้พูดออกมาอย่างเป็นกังวล “ท่านผู้อาวุโส พวกเราคงจะไปต่อไม่ได้แน่…ดาบมารเองก็คงจะเข้ามาโจมตีพวกเราไม่ช้าก็เร็ว”

แม้จะได้ฟังแบบนั้นหยวนเอ๋อก็ยังไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไร “เจ้าพวกนั้นสมควรที่จะตายแล้ว…นั่นคือผลของการที่เจ้าพวกนั้นเคยบังอาจโอบล้อมภูเขาทองเอาไว้” ผู้ฝึกยุทธจากสี่สำนักฝ่ายธรรมะต่างก็เป็นศัตรูกับศาลาปีศาจลอยฟ้าแต่แรกอยู่แล้ว การที่พวกเขาทุกคนจะถูกดาบมารสังหารไปนับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับพวกลู่โจว ถ้าหากพวกเขาไม่ถูกจัดการไป ยังไงซะทุกคนก็คงจะคิดที่จะโจมตีศาลาปีศาจลอยฟ้าในภายภาคหน้า

ผู้ฝึกยุทธจากสำนักย่อยที่เหลือรอดมาต่างก็กระจัดกระจายก่อนที่จะเริ่มหนี ทุกๆ คนล้วนแต่อ่อนแอจนเกินไป เมื่อดาบมารสังหารทุกคนที่อยู่ตรงนั้นได้มันก็ตรงไปหาลู่โจวและคนอื่นๆ ในทันที

เจียงอาเฉียนที่เห็นแบบนั้นถึงกับทำอะไรไม่ถูก “ดาบเล่มนี้…ดาบมารจะต้องวิธีเลือกคู่ต่อสู้เป็นแน่”

“ดาบยังไงก็ยังเป็นดาบอยู่วันยังค่ำ…ยังไงซะมันก็ถูกขับเคลื่อนด้วยพลังของม่านพลัง มันไม่ได้มีความรู้สึกนึกคิดอะไร…บางทีอาจจะมีใครบางคนควบคุมเรื่องนี้อยู่ที่เบื้องหลังก็เป็นได้” ฉินจานได้พูดคาดเดาเหตุการณ์ออกมา

ลู่โจวลูบเคราพลางพยักหน้าไปด้วย ตัวเขาได้ตรวจสอบรอบตัวมาแล้วแต่ก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติไป

ในตอนนั้นเองเจียงอาเฉียนก็ได้กระโจนไปด้านหน้าก่อนที่จะปัดป้องดาบมารด้วยดาบคีตะมังกรที่ตัวเขามี

เกิดประกายไฟในตอนที่ปะทะกัน!

การประทันกันระหว่างสองสุดยอดแห่งดาบไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบไปกว่ากัน

ทั้งเจียงอาเฉียนและดาบมารต่างก็ปะทะกันอีกหลายครั้ง แม้ว่าจะตอบโต้ไปได้บ้างแต่เจียงอาเฉียนก็ไม่อาจที่จะเป็นฝ่ายเหนือกว่าได้ ในความจริงถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไปเขาก็คงจะมีชะตากรรมเดียวกับกงหยวน แทนที่จะเลือกถอยหนีตัวเขากลับรวบรวมพลังเอาไว้ที่ดาบแทน เจียงอาเฉียนได้เคลื่อนไหวอย่างว่องไวก่อนที่จะปรากฏตัวข้างๆ ลู่โจว ใบหน้าของเขามันเต็มไปด้วยเหงื่อ “ข้าเอาชนะมันไม่ได้แน่…ถ้าหากยังฝืนสู้ต่อไปข้าน้อยก็คงจะมีแต่ถูกฆ่าไปซะเปล่าๆ “

“เจ้าน่ะอ่อนแอซะจริง ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นข้าสินะที่จะต้องลงมือเอง” หยวนเอ๋อไม่อาจที่จะรออยู่เฉยๆ ได้อีกต่อไป นางได้พุ่งไปด้วยรองเท้าเหยียบเมฆาก่อนที่จะปลดปล่อยสายสะพายนิพพานออกมาเข้าโจมตีดาบมาร

เจียงอาเฉียนที่เห็นแบบนั้นได้แต่ส่ายหัวก่อนที่จะถอนหายใจออกมา “เป็นเรื่องที่ดีที่สาวน้อยมีไฟรักการแข่งขันเช่นนี้ แต่ถึงแบบนั้นนางกลับบุ่มบ่มทจนเกินไป” ตัวเขาได้หันไปหาลู่โจวก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง “ท่านดูมั่นใจว่าจะชนะจริงๆ ท่านผู้อาวุโส หรือว่าท่านจะมีวิธีทำลายม่านพลังนี้อยู่? “

ในมุมมองของเจียงอาเฉียน ถ้าหากทำลายม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ดไม่ได้ก็ไม่มีทางเลยที่จะหยุดดาบมารเล่มนี้ ถ้าหากไม่หยุดดาบมารทุกๆ คนที่อยู่ที่นี่จะต้องตายแน่

“ไม่มีทางทำลายม่านพลังนั่นได้หรอก” ลู่โจวได้ตอบกลับมา

“…” เจียงอาเฉียนที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับพูดไม่ออก สีหน้าของเขาแข็งจนไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ “ได้โปรดอย่าพูดแบบนั้นเลยท่านผู้อาวุโส ข้าก็เป็นเพียงคนที่ขี้กลัวคนหนึ่งเท่านั้น”

“สุดแล้วแต่เจ้าจะเชื่อข้าก็แล้วกัน” ลู่โจวยังคงยืนยันคำเดิม

ฉินจานได้พูดเสริม “แก่นพลังของม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ดไม่ได้อยู่ที่นี่…ดังนั้นการที่จะทำลายมันได้จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย”

“มันจบแล้ว…มันจบแล้ว…เรื่องราวของผู้ยิ่งใหญ่เจียงอาเฉียนจะต้องจบลงที่นี่อย่างงั้นหรอ? ข้ายังไม่เข้าใกล้ฝันที่จะครอบครองดาบดีๆ สักล้านเล่ม” เจียงอาเฉียนได้พูดออกมาอย่างเป็นกังวล

ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!

ดาบมารยังคงจู่โจมต่อไปอีกครั้ง หยวนเอ๋อได้ใช้พลังของตัวเองเสกม่านพลังป้องกันขึ้นมา นางได้โซซัดโซเซถอยกลับมาในขณะที่รับการโจมตีไปด้วย

“อีกครั้ง! ” หยวนเอ๋อต้องการที่จะพุ่งไปจู่โจมดาบมารอีกครั้ง

“พอเถอะ…ดูเหมือนว่ารองเท้าเหยียบเมฆาของเจ้าเองก็ต้องการการฝึกฝน ถ้าหากยังฝืนต่อไปล่ะก็เจ้าก็คงจะต้องเจอกับอันตรายถึงชีวิตแน่” ฉินจานได้พูดออกมา

ดาบมารไม่เคยคิดแยกแยะเป้าหมายที่โจมตี ครั้งนี้มันได้เล็งไปทางฉินจานแทน

ตู๊ม!

ฉินจานมีพลังวรยุทธอยู่ที่ขั้นศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น เมื่อสัมผัสได้ถึงอันตราย ฉินจานก็รีบใช้พลังป้องกันขึ้นมา แต่มันไม่เพียงพอ ม่านพลังได้ถูกดาบมารเจาะทะลุในทันที ฉินจานที่ไม่อาจป้องกันต้วเองได้กระเด็นลอยกลับไปก่อนที่จะชนกับกำแพงหินจนกระอักเลือดออกมา

ดาบมารยังคงลอยอยู่บนอากาศก่อนที่จะพุ่งหาลู่โจวที่เป็นเป้าหมายใหม่

“ท่านอาจารย์” หยวนเอ๋อได้พูดออกมาด้วยความกังวล

“ท่านผู้อาวุโส…”

ลู่โจวขมวดคิ้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาตัวเขาก็รู้สึกสงสัยมาโดยตลอด แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้ดาบมารเล่มนี้ถูกสยบลงได้ ตัวเขาไม่คาดคิดว่าดาบมารจะเข้ามาโจมตีตัวเขาเร็วแบบนี้ ลู่โจวมองดาบด้วยสีหน้าอันเฉยเมย ในความจริงตัวเขารู้สึกทำอะไรไม่ถูกมากกว่า ในที่สุดลู่โจวก็ได้พูดออกมา “ถอยไปซะ”

เจียงอาเฉียนได้พาฉินจานถอยไปกับเขา

หยวนเอ๋อเองก็ถอยไปเช่นกัน

ในตอนนั้นลู่โจวได้ลอยขึ้นไปบนอากาศ ในตอนนี้ไม่มีอะไรหยุดยั้งดาบมารได้อีกต่อไป มันได้เสียบแทงไปที่ลู่โจว

พรึ๊บ!

ร่างพุทธองค์กายาทองคำที่สูงกว่า 100 ฟุตได้ปรากฏตัวขึ้น

ทุกๆ คนต่างก็จ้องมองไปยังร่างกายาทองคำร่างนี้ แม้แต่ผู้ฝึกยุทธจากสำนักย่อยเองก็ยังหันกลับมาดูจนเกือบที่จะลืมหายใจ

พลังพุทธองค์กายาทองคำสูงกว่าหลุมศพขนาดใหญ่ซะอีก ลู่โจวได้เดินไปบนอากาศก่อนที่จะเข้าไปใกล้กับใจกลางม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ด

ไม่ว่าดาบมารจะพยายามโจมตีมากแค่ไหนท้ายที่สุดแล้วมันก็ไม่อาจที่จะทำอะไรร่างพุทธองค์กายาทองคำได้ ‘สิบวินาที…เวลาที่มีคือ 10 วิ ฉันจะต้องหาแกนพลังให้เจอ! ‘

ในตอนนั้นดาบที่อยู่รอบๆ ม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ดต่างก็รู้สึกได้ถึงศัตรูอันทรงพลัง พวกมันได้พุ่งเข้าหาร่างพุทธองค์กายาทองคำอย่างพร้อมเพรียง ดาบจำนวนมากได้บดบังทัศนวิสัยของทุกคนเอาไว้

แม้ว่าจะถูกดาบจำนวนมากเข้าจู่โจม พลังพุทธองค์กายาทองคำก็ไม่ได้เสียหายไปเลยแม้แต่น้อย

“แข็งแกร่งอะไรแบบนี้! “

“นี่คือพลังพุทธองค์กายาทองคำของแท้สินะ! “

ผู้ฝึกยุทธที่นอนแผ่อยู่บนพื้นต่างก็จ้องมองไปยังร่างกายาทองคำก่อนที่จะอุทานออกมา “นั่นใครกัน? ” แต่น่าเสียดายที่ช่วงเวลานั้นมันสั้นเกินกว่าจะหาคำตอบได้

ทันทีที่ร่างพุทธองค์กายาทองคำหายไป ดาบมารและดาบเล่มอื่นๆ ก็ได้ลอยเข้าใส่ลู่โจว

ตู๊ม!

พลังพุทธองค์กายาทองคำอีกร่างได้ปรากฏขึ้น ดาบลอยฟ้าทั้งหลายต่างก็ร่วงหล่นลงสู่พื้นเมื่อปะทะกับพลังอันมหาศาลที่อยู่ตรงหน้า

เจียงอาเฉียนได้พูดออกมาด้วยความหวาดกลัว “ข้ารู้สึกประทับใจ ท่านผู้อาวุโสสามารถปรับขนาดร่างกายาทองคำได้ดั่งใจนึก…ข้ารู้สึกประทับใจจริงๆ …”

ลู่โจวดูเหมือนจะหาทางแก้จนเจอ…เพราะแบบนั้นดาบกว่าหลายสิบเล่มจึงตกลงสู่พื้นโดยที่ไม่สามารถขยับไปไหนได้อีก พวกมันได้รับความเสียหายไปแล้วนั่นเอง ลู่โจวยกมือขวาขึ้นมา ในฝ่ามือของเขามีอาวุธนิรนามลอยอยู่ มันได้เปล่งแสงสีแดงจางๆ ออกมา ‘ดูเหมือนสิบวิก็น่าจะเพียงพอแล้ว’

ทุกวินาทีที่เกิดขึ้นล้วนแต่ถูกนับว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือ ยิ่งไปกว่านั้นดาบมารไม่ได้แสดงเจตนาที่จะหลบหลีกออกมาแม้นิดเดียว! ในตอนนี้ลู่โจวมีเจตนาที่จะสู้กับมัน! ลู่โจวได้พุ่งเข้าใส่ดาบมารด้วยความเร็วสูงสุดที่มี