มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 320 หมัดสิงอี้
พูดพลางหลิวต้าเลี่ยงหันไปด้านข้างแล้วพูดต่อ “แน่นอนว่าถ้านายเลือกข้อสอง ต่อไปอย่าออกมาเดินตอนกลางคืนเด็ดขาด ไม่ใช่สิ รีบกลับไปแอบที่ห้องเถอะ ไม่งั้นตอนเที่ยงคืนอาจตกลงไปในทะเลกลายเป็นอาหารปลาแล้วจะซวย”
หลิวต้าเลี่ยงหัวเราะเสียงดัง เสียงดังก้องน่ารำคาญอยู่ในห้อง มู่เซิ่งได้ยินแล้วขมวดคิ้วเบาๆ อดไม่ได้ที่จะทำให้เขาหุบปาก
หลังจากนั้นมู่เซิ่งก็ทำอย่างนั้น
“พลั่ก!”
มู่เซิ่งเคลื่อนตัวมาด้านหน้า เหมือนนักมวยที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี เอียงตัวอ้อมมาข้างตัวหลิวต้าเลี่ยงแล้วสับศอกใส่ กระแทกตรงคางหลิวต้าเลี่ยงอย่างแม่นยำ หลิวต้าเลี่ยงที่กำลังหัวเราะไม่หยุดชะงักไปทันที กรามโดนโจมตีอย่างแรง เขาหงายหลังล้มลงไป ฟันและเลือดลอยอยู่กลางอากาศ
เดิมทีคางเป็นจุดเปราะบางที่สุดของร่างกายมนุษย์ แม้มู่เซิ่งใช้แรงไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ แต่โจมตีตรงนี้ตอนหลิวต้าเลี่ยงกำลังหัวเราะอยู่ ก็เพียงพอที่จะทำให้ฟันแตกได้แล้ว!
พวกนักเลงพากันงงไปหมด
พวกเขาคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ มู่เซิ่งจะทำร้ายหลิวต้าเลี่ยงในเวลาแบบนี้ รนหาที่ตายหรือไง
“โครม”
เมื่อซัดหมัดออกไป ชายร่างกายกำยำที่น้ำหนักเกือบร้อยโล โดนหมัดของมู่เซิ่งต่อยจนปลิว ร่างกายกำยำลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้นกระแทกลงบนพื้นอย่างแรง แม้แต่พื้นยังสั่นสะเทือนอย่างแรง
หลังจากนั้นเสียงร้องโหยหวนเหมือนหมูโดนเชือดดังขึ้นในห้อง
“ให้ตายเถอะ พวกนายจะยืนอยู่ทำไม ไปสู้สิ เอาให้ตายเลย ถ้าตายฉันรับผิดชอบเอง!” หลิวต้าเลี่ยงชี้มู่เซิ่งแล้วแผดเสียงตะโกนออกมาสุดชีวิต
เมื่อพูดคำนี้ออกมา นักเลงคนที่อยู่ใกล้มู่เซิ่งที่สุดรีบพุ่งเข้าไปหามู่เซิ่ง เขากำหมัดซัดเข้าไปที่หน้ามู่เซิ่ง
“ไอ้หนุ่ม นายกล้าทำร้ายพี่เลี่ยงของเรา ครั้งนี้นายแต่แน่!”
นักเลงแผดเสียงโมโหออกมา ความเร็วหมัดไม่ลดลง ใช้แรงซัดหมัดออกไป
ทันใดนั้น
ปัก!
หมัดยังไม่ทันโดนหน้ามู่เซิ่ง ก็โดนฝ่ามือใหญ่จับเอาไว้ นักเลงหรี่ตามองไปทางชายคนนั้น เป็นเหยาเผิงที่อยู่กับมู่เซิ่งตลอดเวลา
ลูกพี่โดนล้อมโจมตี ถึงรู้ว่ามู่เซิ่งสามารถเอาตัวรอดออกมาได้อย่างง่ายดาย แต่เหยาเผิงจะไม่ออกมาช่วยได้ยังไง มู่เซิ่งสามารถจัดการปัญหาตรงหน้าได้ แต่ถ้าเขานิ่งดูดาย นั่นจะเป็นปัญหาทางด้านมารยาท
“เมื่ออยู่ต่อหน้าพี่มู่ พี่เลี่ยงของนายไม่มีค่าอะไรเลย!” เหยาเผิงแสยะยิ้มไม่หยุด
“ไปให้พ้น ไอ้อ้วน นายก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่เหมือนกันใช่ไหม ฉันจะสนองให้นายเอง!” นักเลงคนนั้นตวาดอย่างโมโห ถอยไปด้านหลังสองก้าว ตวาดอย่างโมโหแล้วเหวี่ยงหมัดเสยใส่เหยาเผิง
เหยาเผิงเอียงตัวไปทางข้างหลบหมัดอันดุดันได้ เหมือนคนอ้วนที่คล่องแคล่วว่องไว หลังจากนั้นเขาเตะไปที่ท้องของนักเลงจนนักเลงคนนั้นถอยไปด้านหลังไม่หยุดแล้วกระแทกเข้ากับกำแพง
เหยาเผิงเตะนักเลงคนนั้นจนกลิ้ง สีหน้าเขาได้ใจทันที “ฮ่าๆๆ พวกสวะ วันนี้จะให้พวกนายได้เห็นหมัดสิงอี้ของฉัน!”
“หมัดสิงอี้งั้นเหรอ”
มู่เซิ่งเลิกคิ้วขึ้น เขาเคยเห็นวิชานี้ในตำราทองตำนานเสวียน แต่เพราะพลานุภาพไม่มากพอ เขาจึงไม่ได้เรียน คิดไม่ถึงว่าเหยาเผิงจะรู้วิชาหมัดนี้ด้วย
“ถุย ฉันไม่กลัวหมัดบ้าบออะไรของนายหรอก!”
นักเลงคนนั้นเด้งตัวลุกขึ้นจากพื้น มองนักเลงที่ยืนอยู่ด้านข้าง จากนั้นตบโต๊ะแล้วก่นด่าเสียงดังว่า “เรามีกันหลายคน เข้าไปพร้อมกัน จัดการไอ้อ้วนนี่ให้ตาย”
“ได้ ฆ่าเขาให้ตาย!”
นักเลงคนอื่นพยักหน้าอย่างแรง แล้วพุ่งเข้าไปทันที
“ท่าที่ 12 หมัดพยัคฆ์!”
เหยาเผิงแผดเสียงออกมา สองมือเป็นกรงเล็บ จากนั้นกระโจนเข้าไปทันที
คนหลายคนที่ล้อมเหยาเผิงอยู่ โดนเขาซัดใส่อย่างดุดัน ไม่สามารถเข้าถึงตัวเขาได้ นักเลงสองคนที่ฝ่าเข้ามาใกล้ โดนเหยาเผิงซัดจนล้มลงพื้น สีหน้าดูเจ็บปวดทรมาน
ดูท่าแล้ว แม้แต่หลิวต้าเลี่ยงยังตกใจ โอ้โห ที่แท้ไอ้อ้วนนี่สู้เก่งขนาดนี้เลยเหรอ ดูเหมือนจะสู้ลูกน้องหัวกะทิของเขาได้แล้ว มิน่าล่ะมู่เซิ่งถึงกล้าพาเหยาเผิงมาที่นี่แค่คนเดียว
“เข้ามาสิ ฉันไม่กลัวพวกนายหรอก ใครเข้ามาฉันจะซัดให้คลานเลย!” เหยาเผิงตวาดอย่างโมโห
เดิมทีฝ่ายหลิวต้าเลี่ยงได้เปรียบด้านจำนวนคน แต่ถึงจำนวนคนเยอะแค่ไหน ก็ไม่พอให้เหยาเผิงซัดหมัดใส่หรอก ไม่นานนักเลงสิบกว่าคนเหลืออยู่แค่ไม่กี่คน อีกทั้งดูท่าว่าจะลดลงเรื่อยๆ ด้วย
หลิวต้าเลี่ยงที่ล้มอยู่บนพื้นร้อนใจทันที
“ให้ตายเถอะ ไอ้อ้วน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะจัดการนายไม่ได้!”
หลิวต้าเลี่ยงเป็นคนที่แข็งแกร่งสุดในบรรดานักเลงอยู่แล้ว พละกำลังก็เยอะที่สุด ถึงโดนมู่เซิ่งซัดหมัดใส่จนกระอักเลือด แต่พละกำลังในตัวเขายังมีอยู่ เขาใช้โอกาสนี้ลุกขึ้นจากพื้นแล้วยกเก้าอี้ด้านข้างกระแทกใส่เหยาเผิง
“พลั่ก!”
เก้าอี้ที่ทำจากไม้โดนกระแทกจนแตกเป็นเสี่ยงๆ แม้เหยาเผิงเก่งกว่าคนทั่วไปเยอะ แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่ถึงระดับปรมาจารย์บู๊ เมื่อโดนเก้าอี้กระแทกใส่ก็รู้สึกเจ็บไปทั้งสองมือ ตัวชะงักแล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าว
นักเลงตัวผอมเห็นสถานการณ์ ก็รีบเตะใส่อีกหนึ่งที เหยาเผิงโดนเตะจนถอยหลังกรูด เกิดเสียงดัง“ตุ้บ” แล้วทรุดลงบนพื้น
“ฮ่าๆๆๆ”
หลิวต้าเลี่ยงหัวเราะอย่างมีความสุข “ไอ้อ้วน นายอวดดีอีกสิ ฉันซัดนายตายแน่!”
เหยาเผิงหน้าซีด เขาคิดไม่ถึงว่าหลิวต้าเลี่ยงไร้ความน่าเชื่อถือด้านการพนันยังไม่เท่าไร สู้กันยังใช้วิธีลอบกัดอีก เขาโมโหมาก ฝืนลุกขึ้นมา ขณะที่เขากำลังจะสู้ต่อ มือหนึ่งกดไหล่เขาไว้
“ลูกพี่” เหยาเผิงหันมาเห็นมู่เซิ่ง ก็อดอึ้งไม่ได้
“หมัดสิงอี้ของนาย เรียนมาแบบไม่ถูกต้องใช่ไหม” มู่เซิ่งยิ้มบางๆ แล้วถามขึ้น
เมื่อได้ยินเหยาเผิงเอามือเกาหัวอย่างเคอะเขินทันที เขายิ้มเขินๆ แล้วพูดว่า “ลูกพี่ พูดตามตรง ผมประมูลหมัดสิงอี้มาจากงานประมูลงานหนึ่ง ตอนนั้นให้ปรมาจารย์บู๊ประเมินดู นี่คือหมัดสิงอี้จริงๆ แต่ว่า……”
“แต่ว่าอะไร” มู่เซิ่งถามขึ้น
“แต่ตอนผมฝึกฝน ผมหลับไป เปียกน้ำลายผมไปส่วนหนึ่ง ดังนั้นส่วนที่เปียกน้ำลายผมจึงเลือนจนดูไม่ออก ผมจึงฝึกฝนแบบไม่ค่อยสมบูรณ์แบบ”
“.…..”
มู่เซิ่งเกือบหายใจไม่ออก ทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงไม่รู้ว่าไอ้อ้วนคนนี้มีความสามารถ ขนาดฝึกหมัดสิงอี้ยังหลับได้
“งั้นนายอยากเรียนหมัดสิงอี้แบบสมบูรณ์ไหมล่ะ” มู่เซิ่งถาม
“อยาก อยากอยู่แล้ว” ดวงตาเหยาเผิงเป็นประกายทันที วิชาหมัดระดับสูงขนาดนี้ใครไม่อยากเรียนบ้างล่ะ
“อยากเรียนนายก็ดูให้ดีแล้วกัน”
มู่เซิ่งถอยหลังไปครึ่งก้าว โน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย มีเสียงมังกรคำรามออกจากตัวเบาๆ สองมือกำเป็นหมัด พลานุภาพทั้งตัวพลุ่งพล่าน