ภาค-2-ตำนานเฟิงอี้ ตอนที่ 4 สามกลยุทธ์ถวายแด่นาย (2)

ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ

หลี่จื้อขมวดคิ้วมุ่น เรื่องการแสดงความอ่อนแอของพวกเรายังนับว่ามีวิธีอยู่ แต่จะทำอย่างไรจึงจะวางคนของเราไว้ข้างกายรัชทายาทได้เล่า รัชทายาทใส่ใจเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง แม้พวกเราจะมีคนอยู่ข้างกายรัชทายาทหลายคนแล้ว แต่ก็มิได้มีส่วนร่วมในความลับใดๆ

ข้าหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบ ในเมื่อกระหม่อมกล่าวออกไปแล้วย่อมต้องมีวิธี ขอเพียงองค์ชายมอบตัวเลือกที่เหมาะสมให้กระหม่อมคนหนึ่ง กระหม่อมย่อมทำให้รัชทายาทเชื่อใจเขาจนถึงขั้นพึ่งพาและเชื่อฟังหมดใจได้ คนผู้นี้จะต้องเชี่ยวชาญในการประจบประแจงรัชทายาท ทั้งยังต้องช่วยรัชทายาทขจัดปัญหาอุปสรรคได้ด้วย สรุปแล้วเขาต้องมีความสามารถเพียงพอที่จะแย่งชิงและแทนที่ตำแหน่งมันสมองที่ได้รับความเคารพจากรัชทายาทอย่างหลู่จิ้งจงให้ได้ หากปฏิบัติตามกลยุทธ์ของกระหม่อม คนผู้นี้จะกลายเป็นขุนนางคนสนิทที่รัชทายาทมิอาจออกห่าง เช่นนี้แล้วองค์ชายก็จัดการรัชทายาทได้ หากรัชทายาทอยู่ในการควบคุม องค์ชายก็ชะล้างภายในสะอาด ทำให้ราชสำนักเต็มไปด้วยระเบียบได้ เช่นนี้แล้วยังต้องกังวลว่าจะรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งไม่ได้อีกหรือ

สีหน้าของหลี่จื้อแปรเปลี่ยนไปตื่นตะลึงอีกครั้ง ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยความหลงใหล หลังจากคิดครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า ควบคุมรัชทายาทจะง่ายดายอย่างที่พูดที่ไหนกัน ยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่หลู่จิ้งจงมิอาจดูแคลนได้เลย จะอย่างไรสำนักเฟิงอี้ก็ไม่ปล่อยให้พวกเราทำสำเร็จง่ายๆ แน่

ข้ากล่าวด้วยรอยยิ้มพริ้มพราย ที่กระหม่อมกล่าวว่าควบคุมรัชทายาทมิใช่ควบคุมความเป็นความตายของรัชทายาท แต่เป็นการควบคุมความคิดของรัชทายาทต่างหาก ขอเพียงทำให้รัชทายาทปฏิบัติตามแผนการของพวกเราได้ ไม่ว่ารัชทายาทจะคิดเช่นไรก็ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับองค์ชาย องค์ชายวางใจเถิด กระหม่อมมีแผนการที่นำไปปฏิบัติจริงได้ แม้ระหว่างทางอาจต้องปรับเปลี่ยนอย่างไม่อาจเลี่ยง แต่ขอเพียงพวกเราบรรลุเป้าหมายก็จะรับประกันได้ว่าองค์ชายจะปลอดภัยไร้กังวล

หลี่จื้อกล่าวถาม เรื่องรายละเอียดพวกเราค่อยคุยกันอีกครั้งเถิด ในเมื่อท่านมีความมั่นใจเช่นนั้น ข้าก็วางใจแล้ว แต่หลังจากควบคุมรัชทายาทแล้วพวกเราจะทำอะไรต่อเล่า

ข้ากล่าวตอบยิ้มๆ ไม่ทำสิ่งใดพ่ะย่ะค่ะ เพียงทำให้รัชทายาทเกิดความระแวงในตัวฉีอ๋องเท่านั้น คนเช่นรัชทายาทเดิมทีก็มีนิสัยขี้ระแวงอยู่แล้ว ตอนนี้รัชทายาทริษยาความสำเร็จขององค์ชาย วันหน้าย่อมริษยาฉีอ๋องอย่างยากจะเลี่ยง กระหม่อมเพียงกระตุ้นให้เรื่องเหล่านี้เกิดเร็วขึ้นเท่านั้น ขอเพียงรัชทายาทคิดว่าตนกดดันองค์ชายได้แล้ว ย่อมเผยนิสัยดั้งเดิมออกมาเป็นธรรมดา จากนั้นกระหม่อมจะกระตุ้นให้รัชทายาทก่อความผิดจากความหยิ่งยโส ไม่ถึงสองปี รัชทายาทจะกลายเป็นทรราชย์ในสายตาของผู้คนทั้งใต้หล้า เมื่อรัชทายาทด้อยคุณธรรม จะมีผู้ใดแย่งชิงตำแหน่งกับองค์ชายได้อีกหรือ ถึงตอนนั้นสำนักเฟิงอี้จะต้องยากลำบากมากเป็นแน่ เมื่อถึงเวลา กระหม่อมจะหารือรายละเอียดกับองค์ชายอีกครั้ง ทำให้สำนักเฟิงอี้มิอาจควบคุมราชสำนักได้อีก

เมื่อหลี่จื้อได้ยินดังนั้นพลันนี้สีหน้าเบิกบานโดยพลัน คิดในใจว่า เจียงเจ๋อมีความสามารถเหนือผู้คนจริงๆ จะอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าจุดแข็งที่สุดของศัตรูจะนับเป็นจุดอ่อนเช่นเดียวกัน รัชทายาทคือศูนย์กลางของพวกเขา หากรัชทายาทเกิดปัญหา เช่นนั้นพันธมิตรของพวกเขาย่อมล่มสลายตามไปด้วย แม้จะยังไม่ทราบแผนการอย่างละเอียด แต่หลี่จื้อก็ขจัดความกังวลในใจไปได้แล้ว เขาลุกขึ้นยืนโค้งตัวคารวะพลางกล่าวว่า ได้ฟังคำพูดของท่าน มีประโยชน์ยิ่งกว่าอ่านหนังสือสิบปีจริงๆ ข้าขอบคุณท่านที่ชี้แนะ

ข้าลุกขึ้นยืนกล่าวตอบอย่างมากมารยาท องค์ชายลดเกียรติเกินไปแล้ว ต่อไปขอให้องค์ชายฟังแผนการส่วนที่สามของกระหม่อมด้วยเถิด…เรียกว่ากลยุทธ์เปิดรับยอดคน แม้องค์ชายจะเป็นที่รู้จักในด้านมีผู้เก่งกาจทั้งบุ๋นบู๊อยู่ใต้บัญชามากมาย แต่จากความเห็นของกระหม่อมยังไม่เพียงพอ ในเมื่อองค์ชายมีใจคิดรวบรวมใต้หล้า เช่นนั้นจะต้องพิจารณาว่าจะปกครองราชสำนักอย่างไร ตอนนี้ขุนนางในราชสำนักมากมายมีความเกี่ยวเนื่องพัวพันกับสำนักเฟิงอี้ หากองค์ชายได้รับสืบทอดตำแหน่งแล้วและยังต้องใช้งานคนเหล่านี้อยู่ จะทำให้สำนักเฟิงอี้มีโอกาสฟื้นคืนจากความตายอย่างไม่อาจเลี่ยง

หลี่จื้อขมวดคิ้วแน่น ข้าเองก็รู้ถึงจุดนี้ดี แต่หากหาคนมาแทนที่กะทันหันคงทำให้เกิดความระส่ำระสายในราชสำนัก อีกทั้งเหล่าตระกูลใหญ่ก็จะต่อต้าน ไม่นานต้ายงของข้าก็จะล่มสลาย

ข้ากล่าวด้วยท่าทีเรียบนิ่ง ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับเหล่าขุนนางบุ๋นบู๊มากเพียงนั้นแต่กลับละเลยจิตใจของเหล่าทหารและชาวประชา หลายปีมานี้องค์ชายสู้ศึกไร้พ่าย เก่งกาจไร้คู่ต่อกร ทำให้ราษฎรได้เปิดหูเปิดตาหลายครั้งหลายครา เรื่องนี้ไม่มีผู้ใดไม่ทราบ

ทว่าตอนที่ต้ายงอยู่ในช่วงก่อตั้งแว่นแคว้นจำต้องอาศัยการปกครองที่เผด็จการไม่น้อย ยามนั้นวิธีการเช่นนี้เป็นขั้นตอนที่จะช่วยรวบรวมแว่นแคว้นให้เป็นหนึ่งเดียวได้อย่างรวดเร็วและมั่นคง แต่จากที่กระหม่อมรู้ ปัจจุบันวิธีการเช่นการยึดครองที่ดินของชาวบ้านอย่างเผด็จการ รวมไปถึงการเก็บภาษีที่ไม่เป็นธรรมเช่นนี้ ทำให้ชาวบ้านมากมายต้องสูญเสียที่นาของตน จำต้องกลายเป็นทาสของขุนนางเจ้าของที่ซึ่งชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ ไม่มีผู้ใดในแผ่นดินนี้ไม่เกลียดชังขุนนางบ้าอำนาจจนเข้ากระดูกดำ

ดังนั้นองค์ชายใช้ข้ออ้างเรื่องการเสริมกำลังทหารให้แข็งแกร่ง อนุญาตให้ชาวบ้านทั่วไปถางที่รกร้างเพื่อทำนาได้ โดยให้ที่นาเหล่านี้เป็นที่นาในนามกองทัพ แต่ความจริงมอบให้ประชาชนนำไปใช้ประโยชน์ ดังนั้นชายฉกรรจ์จำนวนไม่น้อยย่อมต้องยินดีเข้าร่วมกองทัพเพื่อให้ครอบครัวได้รับที่นาทำกินเป็นแน่ ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ขุนนางบ้าอำนาจยอมนอบน้อมต่อรัชทายาท

หากองค์ชายประคับประคองสถานการณ์ให้เป็นเช่นนี้ต่อไป สุดท้ายสักวันหนึ่งต้ายงจะจมลงสู่สังคมศักดินา มิสู้ฉวยโอกาสช่วงชิงอำนาจทำให้ขุนนางบ้าอำนาจเหล่านี้ถูกม้วนตลบเข้ามาร่วมด้วยเสียยังจะดีกว่า ภายหลังองค์ชายยังสามารถใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการชะล้างพวกบ้าอำนาจในแผ่นดินให้สะอาดเอี่ยม คัดเลือกผู้มีความสามารถจากครอบครัวยากจนมาช่วยสร้างต้ายงให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง ขอเพียงองค์ชายใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม เหล่าคนบ้าอำนาจย่อมไม่มีโอกาสต่อต้านอีก แม้ทำเช่นนี้แล้วต้ายงจะเกิดความอ่อนแอภายในชั่วขณะหนึ่งอย่างมิอาจเลี่ยง แต่ขอเพียงมีเวลาหลายปีก็จะทำให้ต้ายงเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงแน่นอน ต้ายงจะกลายเป็นแคว้นที่แข็งแกร่งอันดับหนึ่งอย่างแท้จริง เมื่อถึงตอนนั้น จะสยบหนานฉู่ ทำลายเป่ยฮั่น พิชิตแดนเหนือ ล้วนเป็นเรื่องง่ายประหนึ่งพลิกฝ่ามือ

หลี่จื้อฟังจนสติหลุดลอยไปแล้ว ข้อเสียเหล่านี้เขาเองก็รู้อยู่แก่ใจ เพียงแต่หลายครั้งที่เขาเอ่ยเรื่องการปฏิรูปแต่กลับถูกกดดันจนสิ้นไร้หนทาง นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่เขาต้องการเป็นจักรพรรดิ เดิมทีเขาคิดว่าหลังได้เป็นจักรพรรดิแล้วจะค่อยๆ แก้ไขไปได้ ทว่าแม้แผนการนี้ของเจียงเจ๋อจะค่อนข้างโหดเหี้ยมแต่ก็ไม่ได้ทำลายไปถึงเส้นเอ็นของต้ายง ถึงอย่างไรการชิงบัลลังก์ก็ต้องเกี่ยวพัวพันไปถึงผู้คนหลายแสนอยู่แล้ว ขอเพียงตนกระทำได้อย่างเหมาะสมก็จะชะล้างขุนนางบ้าอำนาจส่วนใหญ่ไปได้ ทั้งยังทำให้อัจฉริยะฝ่ายตนเข้าไปยังราชสำนักได้ด้วย ซึ่งภายในสิบปี จะทำให้ต้ายงไม่ตกอยู่ในการควบคุมของขุนนางบ้าอำนาจอีก

เมื่อคิดจนกระจ่างแจ้งแล้ว หลี่จื้อก็ลุกขึ้นคารวะอีกครั้ง กลยุทธ์สองกลยุทธ์แรกแม้ทำให้ข้าได้นั่งในตำแหน่งจักรพรรดิ ทว่าข้าก็มีเพียงความรู้สึกชื่นชมเลื่อมใส ทว่ากลยุทธ์สุดท้ายนี้จะทำให้ต้ายงสงบสุขและแข็งแกร่ง ข้าขอขอบคุณท่านแทนราชวงศ์ต้ายงและประชาชนในแผ่นดินจริงๆ

ข้าลุกขึ้นคารวะกลับ องค์ชายยอมรับฟังคำพูดโอหังของกระหม่อมเช่นนี้ สมควรเป็นกระหม่อมที่ต้องขอบพระทัยองค์ชายแทนชาวประชาทั่วทั้งใต้หล้า เดิมทีกระหม่อมเป็นข้าของแผ่นดินอยู่แล้ว รู้ดีว่าชาวบ้านมีความยากลำบากเพียงใด องค์ชายช่วยปรับเปลี่ยนเพื่อชาวประชา เป็นวาสนาของชาวประชาชนนับหมื่นแล้ว

หลังจากนั่งลงข้าก็พูดต่อไป การกำจัดขุนนางบ้าอำนาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกลยุทธ์นี้ หากไม่มีอัจฉริยะบุคคลเข้าช่วยเหลือ ราชสำนักก็จะว่างเปล่า เช่นนั้นแล้วองค์ชายจะปกครองแผ่นดินได้อย่างไร ดังนั้นองค์ชายจะต้องเปิดรับผู้มากความสามารถมาช่วยปกครองแผ่นดิน หากกังวลว่าฝ่าบาทและรัชทายาทจะเกิดความระแวง องค์ชายก็ทูลขออาณาเขตปกครองจากฝ่าบาทได้โดยตรง เมื่อถึงตอนนั้น องค์ชายก็แต่งตั้งอัจฉริยะเหล่านั้นให้กินตำแหน่งอยู่ภายในเขตปกครองขององค์ชาย เป็นการรวบรวมและเตรียมพร้อมผู้คนไว้ก่อน เมื่อถึงเวลาที่องค์ชายได้ขึ้นครองบัลลังก์ ค่อยให้พวกเขาเข้ามาดูแลงานราชการเต็มตัว

หลี่จื้อกล่าวตอบ ข้าทำศึกสงครามอยู่ภายนอกมาตลอด แม้เสด็จพ่อจะพระราชทานโยวโจวให้เป็นที่ดินศักดินาของข้า อีกทั้งเผยจี้ผู้ว่าการโยวโจวก็เป็นคนสนิทของข้า ถึงเขาจะดูแลดินแดนให้เป็นระเบียบเรียบร้อยได้ดี แต่เรื่องอย่างการชุบเลี้ยงอัจฉริยะเช่นนี้ เกรงว่าจะมิอาจดูแล ท่านว่าสมควรจัดการเช่นไร

ข้ายิ้มตอบ องค์ชายคงกังวลว่าหากหาคนมาแทนที่เผยจี้จะเป็นการทำร้ายจิตใจผู้ใต้บัญชากระมัง จริงๆ แล้วองค์ชายไม่จำเป็นต้องคิดมากเกินไป องค์ชายทูลต่อฝ่าบาทได้ว่าจะให้ซื่อจื่อไปรักษาการณ์ที่โยวโจว จากนั้นก็ส่งท่านสือไปช่วยเหลือซื่อจื่อ ท่านสือกินตำแหน่งจ่างสือของจวนแม่ทัพ เช่นนั้นองค์ชายก็เลื่อนตำแหน่งให้เผยจี้ได้ หากให้เขากลับมาอยู่ข้างกายองค์ชายได้ย่อมเป็นการดีที่สุด จากนั้นท่านสือก็จัดการเรื่องรับสมัครผู้เก่งกาจให้องค์ชายได้แล้ว เมื่อองค์ชายพบเจออัจฉริยะ หากวางไว้ข้างกายจะก่อให้เกิดความระแวงได้ง่าย มิสู้ส่งพวกเขาไปที่โยวโจวชั่วคราว ให้พวกเขาทำความคุ้นชินกับงานราชการเสียก่อน แน่นอนว่าท่านสือจะต้องชี้แนะให้ดีด้วย สอนให้พวกเขารับช่วงต่องานในราชสำนักในอนาคตได้ เมื่อถึงตอนนั้น ขอเพียงองค์ชายทรงมีรับสั่ง พวกเขาก็จะเข้าเมืองหลวงมาเป็นขุนนางได้ทันที

หลี่จื้อพยายามระงับความตื่นเต้นในใจ แม้เขาจะยินดีต่อการสวามิภักดิ์ของเจียงเจ๋อ แต่การทดสอบของเจียงเจ๋อก่อนหน้านี้ทำให้เขาเกิดความแคลงใจอย่างไม่อาจเลี่ยง ตอนนี้กลยุทธ์อุดมการณ์ชัดแจ้ง กลยุทธ์คว้านใจ และกลยุทธ์เปิดรับยอดคน สามกลยุทธ์นี้ทำให้เขารู้สึกว่าความยากลำบากทุกอย่างก่อนหน้านี้ได้รับการตอบแทนแล้ว หากมิใช่ว่าตนมีใจเคารพเลื่อมใสอัจฉริยะ จะได้มาฟังแผนการเช่นนี้ได้อย่างไร เขาพยายามสงบอารมณ์ก่อนกล่าวไปว่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าคงต้องฝากฝังทุกสิ่งทุกอย่างให้กับท่านแล้ว จื่อโยวจะไปโยวโจวเพื่อสร้างรากฐานให้ข้า เรื่องนี้นับเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง นอกจากจื่อโยวแล้ว คงไม่มีผู้ใดช่วยข้าแบ่งเบาความกังวลนี้ได้อีก

สืออวี้กระจ่างแก่ใจดีว่าความรับผิดชอบของตนยิ่งใหญ่นัก แต่เขายังคงกังวล หากเป็นเช่นนี้ ขุนนางยุคสมัยใหม่ในอนาคตจะเป็นลูกศิษย์ของตนทั้งสิ้น เช่นนั้นตนคงมีอำนาจมากเกินไปอย่างไม่อาจเลี่ยง เขามองไปทางเจียงเจ๋อด้วยสายตากังวล แต่มิกล้าแจ้งต่อยงอ๋องอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา

ข้ากล่าวอย่างเตรียมพร้อมไว้นานแล้ว องค์ชาย ท่านสือมีภาระใหญ่หลวง ซื่อจื่อไร้คนดูแลชี้แนะ มิสู้องค์ชายเลือกบุคคลผู้มีความสามารถมาอีกเถิด ให้เขารับผิดชอบช่วยเหลือซื่อจื่อ เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านสือจะได้ผ่อนคลายลงบ้าง ทั้งยังไม่ทำให้ซื่อจื่อเสียการเรียนด้วย

หลี่จื้อคิดครู่หนึ่งก่อนตอบ เอาเช่นนี้เถิด เกาหรง น้าของซื่อจื่อชาญฉลาดมากสามารถ ฉู่เหวินหยวน บุตรของฉู่ผิงผู้เป็นราชครูก็มากด้วยคุณธรรม ทั้งยังมีความสามารถเหนือผู้คน ย่อมช่วยเหลือซื่อจื่อได้แน่ เมื่อเป็นเช่นนี้ จื่อโยวจะได้มีสมาธิเรื่องการเปิดรับยอดคน

เมื่อเป็นเช่นนี้ สืออวี้จึงค่อยวางใจลงได้ จื่อโยวจะพยายามสุดความสามารถพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายโปรดวางใจ เมื่อองค์ชายมีราชโองการไปถึงโยวโจว จื่อโยวจะเดินทางกลับทันที ส่วนภาระหน้าที่ในเมืองคงต้องไหว้วานสุยอวิ๋นแล้ว ต้องให้สุยอวิ๋นสิ้นเปลืองความคิดแล้วขอรับ

ข้ากล่าวต่อไปอย่างเคร่งขรึมจริงจัง ท่านสือวางใจเถิด ในเมื่อสุยอวิ๋นวางกลยุทธ์ไว้แล้วย่อมต้องทำให้สำเร็จ มิเช่นนั้นไม่เพียงผิดต่อองค์ชาย แต่คงผิดต่อท่านที่เพียรพยายามอยู่ที่โยวโจวด้วย

หลี่จื้อกล่าวด้วยรอยยิ้ม เอาละ พวกเราสนทนากันมานานเพียงนี้ทำให้ข้ารู้สึกหิวยิ่งนัก พวกเราไปรับประทานอาหารกันก่อนเป็นอย่างไร จากนั้นท่านทั้งสองก็หารือกันให้ดี มิเช่นนั้นหากท่านทั้งสองเหนื่อยล้าจนย่ำแย่ ผู้ใดจะมาคิดวางแผนให้ข้าเล่า มีจื่อโยวอยู่ ข้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องด้านหลัง มีสุยอวิ๋นอยู่ ข้าก็ไม่ต้องหวาดกลัวคนถ่อยเหล่านั้นอีก

ข้าส่ายหน้า องค์ชายตรัสผิดแล้ว

เมื่อเห็นหลี่จื้อและสืออวี้มีสีหน้าประหลาดใจ ข้าจึงกล่าวต่อไป องค์ชายมีจิตใจกว้างขวางเปิดเผยตรงไปตรงมา เคยหวาดกลัวคนถ่อยเหล่านั้นที่ไหนกัน องค์ชายเพียงไม่มีกลยุทธ์สำหรับกำจัดคนเหล่านี้เท่านั้น ส่วนกระหม่อมเพียงแต่มีแผนการสกปรกอยู่บ้าง กระหม่อมเพียงทำในสิ่งที่องค์ชายรับมือไม่ได้เท่านั้นเอง

หลี่จื้อมองไปยังใบหน้าจริงใจของข้า ในใจรู้สึกซาบซึ้งยิ่ง แต่กลับไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี คิดดูแล้วเขาคงคาดไม่ถึงว่าแม้ข้าจะกล่าวความจริงส่วนหนึ่ง แต่ก็มีบางส่วนที่เป็นเพียงการประจบประแจง หากหลี่จื้อเป็นเพียงเจ้านายที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง เกรงว่าคงไม่มีคุณสมบัติขึ้นนั่งบัลลังก์เป็นจักรพรรดิแล้ว

ตอนต่อไป