บทที่ 282 ร้อยทั้งร้อยจะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ไปล่วงเกินตู้เหิงแน่นอน

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 282 ร้อยทั้งร้อยจะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ไปล่วงเกินตู้เหิงแน่นอน
บทที่ 282 ร้อยทั้งร้อยจะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ไปล่วงเกินตู้เหิงแน่นอน

วินาทีที่ชายหนุ่มโน้มตัวเข้าหา สมองของเหยาซูพลันว่างเปล่า จากนั้นก็ใช้ปิ่นปักผมปลายแหลมที่ถือไว้ในมือมาตลอดแทงเขาโดยไม่รู้ตัวทันที!

คำพูดของหลินเหราดังก้องอยู่ในหู เหยาซูไม่คิดสิ่งใด เล็งเป้าไปยังดวงตาที่เป็นจุดอ่อนที่สุดของชายหนุ่ม จากนั้นก็ออกแรงแทงลงไป ก่อนจะดึงกลับมาอย่างรวดเร็ว

กระทั่งโลหิตสดสีแดงอันร้อนผ่าวได้สาดกระเซ็นต้องใบหน้าของนาง ทันใดนั้นเหยาซูก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดจากชายผู้นั้น

“อ๊าก!”

สัมผัสที่เหนียวเหนอะหนะอยู่เต็มมือ ทำให้เหยาซูเกือบจะถือปิ่นปักผมสีเงินละเอียดนั้นไว้ไม่อยู่

มือขวาของนางสั่นระริกเล็กน้อย และมองดูชายหนุ่มที่คุกเข่ากุมเบ้าตาของตัวเองอยู่บนพื้น เสียงร้องอันน่าเวทนานั้นทำให้นางตัวสั่นเทาอย่างอดไม่ได้

เหยาซูหดกายลงด้วยความหวาดหวั่น พยายามเข้าใกล้เด็กสองคนที่กำลังหลับฝันหวานอยู่บนฟางข้าว

ดวงตาคือส่วนที่อ่อนแอที่สุดในร่างกาย อย่าว่าแต่มนุษย์อย่างเราเลย แม้แต่หมีดำที่โดนยิงเข้าที่ดวงตา ก็ยังคลุ้มคลั่งเพราะความเจ็บปวดได้

เด็กหนุ่มตรงหน้าเจ็บปวดจนสูญสิ้นสติปัญญาอย่างเห็นได้ชัด หากไม่เจ็บปวดจนสลบไป คงได้คลุ้มคลั่งพุ่งเข้าหานางเป็นแน่

เหยาซูรู้สึกหวาดกลัว แต่ก็ยังไม่วายอ่านการเคลื่อนไหวต่อไปของอีกฝ่ายอย่างละเอียดและเป็นระเบียบอยู่ในสมอง ขณะเดียวกันก็ยังถือปิ่นปักผมในมือแน่น จ้องหาโอกาสที่จะโจมตีอีกฝ่ายให้ถึงแก่ชีวิต

กระทั่งเห็นชายหนุ่มลุกขึ้นยืนอย่างที่คาดคิดไว้ เขาดูโหดร้ายดุจปีศาจจากขุมนรก มือซ้ายยังคงกุมดวงตาที่ได้รับบาดเจ็บนั้นไว้แน่น ตามมาด้วยเสียงคำรามที่ฟังไม่เหมือนเสียงของมนุษย์ดังมาจากในคอ จากนั้นก็พุ่งตัวเข้าจู่โจมเหยาซูทันที

“เจ้ามันนางหญิงสารเลว! ดูสิว่าวันนี้ข้าจะควักลูกตาทั้งสองข้างของเจ้าออกมาไม่ได้เชียวหรือ! แม้แต่ดวงตาของเด็กทั้งสองนั้น ข้าก็จะควักมันออกมาให้หมด!”

เขาชี้นิ้วที่เปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสดดูสะดุดตา ทั้งยังยื่นออกมาเตรียมจับใบหน้าของเหยาซู

นางไม่หลบเลี่ยงแต่อย่างใด กระทั่งจ้องเขม็งไปยังเส้นเลือดสีเขียวคล้ำที่ปรากฏอยู่บนคอของชายหนุ่มคนนั้น จากนั้นก็ใช้กำลังทั้งหมดที่มี ลงมือแทงปิ่นลงอีกครั้งอย่างไม่ลังเล

คราวนี้คือลำคอไม่ใช่ดวงตา แม้ว่าปิ่นปักผมในมือของเหยาซูจะแหลมคม แต่กลับต้องพบกับแรงต้านทานไม่น้อย

นางไม่รู้ว่าตัวเองไปเอาเรี่ยวแรงนี้มาจากที่ใด ยามที่ปิ่นปักผมเงินปักไปแล้วครึ่งอัน นางก็ยังคงดันปิ่นปักผมอันนั้นเข้าไป

เมื่อลวดลายดอกไม้อันงดงามบนปลายปิ่นปักผมกรีดฝ่ามืออันเนียนนุ่มของเหยาซู นางจึงปล่อยมือทันที จากนั้นจึงเห็นรูม่านตาที่เบิกกว้างของชายหนุ่มกับความโหดเหี้ยมบนใบหน้าของเขาที่ยังไม่จางหาย ก่อนค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ไม่นานบนลำคอของชายหนุ่มก็มีโลหิตสดไหลทะลักออกมาเป็นจำนวนมาก จากนั้นเขาก็ล้มลงไป ส่งผลให้โลหิตสีแดงเหล่านั้นสาดกระจายอยู่เต็มพื้นดินสีเหลือง เจือปนไปด้วยสิ่งสกปรกสีดำบางอย่าง

ชายหนุ่มที่ล้มลงไปหายใจรวยริน พลางส่งเสียงร้องกระอึกกระอักออกมาจากในลำคอ มือและเท้าตะเกียกตะกายเหมือนกับกำลังขอความช่วยเหลือ มิวายที่จะยื่นมือออกไปทางเหยาซู

ไม่รู้ว่านานเท่าไร ในที่สุดเขาก็ค่อย ๆ หยุดเคลื่อนไหว

หลังจากที่ชายหนุ่มสิ้นลมหายใจ ประตูไม้ที่หนักอึ้งของศาลหลักเมืองก็ถูกคนผลักเข้ามาจากด้านนอกอย่างแรง สายตาอันเฉียบคมได้สอดส่องเข้ามาในศาลเจ้าที่ผุพังแห่งนี้ เส้นความมืดและความสว่างได้ตัดกันอยู่บนพื้นดินที่มีโลหิตสดไหลนองอย่างชัดเจน

“อาซู!”

เสียงอันคุ้นเคย ฝีเท้าอันคุ้นเคย และใบหน้าอันคุ้นเคยของคนผู้นั้น

นางเห็นเขาเร่งฝีเท้าเดินฝ่าแสงสว่างเข้ามาหานางด้วยความร้อนใจและเป็นกังวล ใบหน้าแฝงไปด้วยความหวาดกลัวเหมือนกับนาง จากนั้นก็ยอบกายลงตรงหน้านาง

“อาซู เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? บาดเจ็บที่ใดหรือไม่?”

ลมหายใจของชายหนุ่มหอบถี่อย่างรุนแรง เริ่มพูดสะเปะสะปะ ใบหน้าอันหล่อเหลาที่ต่อให้เหยาซูจะมองอีกกี่ร้อยครั้งก็ไม่มีวันเกลียดชังได้ลงพลันแสดงสีหน้าหวาดกลัวอย่างไม่ปิดบังออกมา

ครั้นเห็นเนื้อตัวของเหยาซูเต็มไปด้วยเลือด เขาจึงเข้าตรวจสอบร่างกายของหญิงสาวทันที กระทั่งพบว่าคราบเลือดนั้นไม่ใช่ของนาง จึงได้สงบจิตสงบใจลง และโล่งใจลงในที่สุด

หลินเหราดึงตัวของเหยาซูเข้ามาในอ้อมกอดด้วยแรงทั้งหมดที่มี “อาซู เจ้าไม่เป็นไร…”

มีสวรรค์ที่รู้ เมื่อตอนที่เขาได้ยินว่านางมาชานเมืองเพียงลำพัง ความกลัวในใจแทบจะฉีกร่างเขาออกเป็นชิ้น ๆ

แม้อยู่ท่ามกลางสนามรบที่กำลังร้อนระอุและซากศพที่เกลื่อนกลาด เขาก็ไม่เคยประสบกับความหวาดกลัวการสูญเสียเช่นนี้มาก่อน

กระทั่งร่างกายที่แสนบอบบางและอบอุ่นของนางได้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง หลินเหราจึงตระหนักได้ถึงความเสียใจลึก ๆ ภายใน

กระทั่งได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวและลมหายใจที่ค่อนข้างถี่โดยไม่รู้ตัวของนาง หลินเหราลูบไปบนแผ่นหลังของเหยาซู พลางพูดปลอบโยนด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “เอาละ เอาละ ไม่ต้องกลัว… อาซู มันผ่านไปแล้ว ข้ามาแล้ว ข้ามาแล้ว…”

เขากระซิบปลอบโยนอยู่ข้างหูของนางอย่างอดทน กอดนี้เป็นทั้งความอบอุ่นและความปลอดภัย จนในที่สุดเหยาซูก็ตะโกนออกไปอย่างทนไม่ได้อีกต่อไป “ทำไมท่านเพิ่งมาเอาป่านนี้…”

เสียงของนางแฝงไปด้วยเสียงสะอื้น ทำให้หลินเหราปวดใจอย่างมากทีเดียว

เขาลุกขึ้นและมองไปทางนาง นัยน์ตาที่ดูลึกล้ำนั้นเต็มไปด้วยความเสียใจและปวดใจ “อาซู ข้าขอโทษ ล้วนเป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่ได้ปกป้องพวกเจ้าสามแม่ลูกให้ดี”

ดวงตาที่เบิกกว้างของนางรื้นไปด้วยหยาดน้ำตาอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาดำถูกย้อมด้วยหมอกขาวและม่านน้ำตาจาง ๆ

ความกลัว ความเสียใจ ความโศกเศร้า…

ดวงตาของนางเหมือนกับกำลังพูดเป็นนัย ความรู้สึกอย่างรุนแรงที่สุดในใจ ล้วนแสดงออกมาให้หลินเหรารับรู้ผ่านทางดวงตาคู่นั้น

ชายหนุ่มเหมือนถูกใครบางคนบีบหัวใจอย่างโหดเหี้ยม ทำให้พูดไม่ออกไปชั่วขณะ

“อาซู…” หลังจากนั้นเขาถึงค้นพบเสียงของตัวเอง แล้วขานเรียกนางเบา ๆ ด้วยเสียงที่แหบแห้ง

แพขนตาสั่นระริก ในที่สุดหยาดน้ำตาที่เอ่อล้นอยู่รอบดวงตาของนางก็ไหลรินลงมาอาบแก้ม ส่วนใบหน้าที่ซีดเผือดจนทำให้รู้สึกอกสั่นขวัญแขวนนั้น ก็แสดงความเจ็บปวดออกมาอย่างชัดเจน

หลินเหราเช็ดน้ำตาให้นางอย่างเป็นกังวล เหมือนกับว่าน้ำตานั้นจะไหลรินลงมาอย่างไม่ขาดสาย ความหวาดกลัว ความกลัว ความผิดหวังในใจของนางได้ระบายออกมาจนหมดสิ้น

“หลินเหรา ข้าฆ่าคน” นางสะอื้น เหมือนกับคนจมน้ำที่พยายามตะเกียกตะกายคว้าท่อนไม้ในมือ พูดกับเขาด้วยความสิ้นหวังและพยายามดิ้นรน “ข้าใช้ปิ่นปักผม ฆ่าเขา…”

หลินเหรามีสีหน้าเคร่งเครียด น้ำเสียงที่เคร่งขรึมนั้นดังเข้ามาในโสตประสาทของนาง “อาซู ไม่ใช่ความผิดของเจ้า”

แต่นางยังคงส่ายหน้า หยดน้ำตาเม็ดใหญ่ร่วงลงมา “ข้าฆ่าเขา…หลินเหรา ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ เขาพุ่งเข้ามาก่อน เขาจะทำร้ายข้ากับลูก หลินเหรา ข้าไม่ได้ตั้งใจ…”

หลินเหราเช็ดน้ำตาดั่งไข่มุกที่ร่วงเผาะลงมาเป็นสายบนใบหน้าของนางอย่างอดทน จากนั้นก็พูดปลอบโยนเสียงทุ้มต่ำว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร อาซู ไม่ใช่ความผิดของเจ้า มีข้าอยู่ ข้าจะจัดการทุกอย่างเอง ตกลงไหม?”

อาซือและซานเป่ายังคงหลับใหลอยู่ข้างกาย หลินเหรามองไปทางพวกเขา หัวใจยิ่งเจ็บปวด

เขาคิดเสมอว่าจะปกป้องเหยาซูและเด็ก ๆ อย่างดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาไม่ได้เป็นสามีที่ดี และทำในสิ่งที่สามีควรทำเลย

ถ้าไม่ใช่เพราะความบาดหมางที่ยังไม่ได้จัดการกับเหยาซู นางจะพาลูก ๆ มาพักที่โรงเตี๊ยมภายใต้สถานการณ์คุกรุ่นเช่นนี้หรือไม่?

เมื่อพักอาศัยข้างนอก เขาก็ควรออกมาปกป้องพวกเขาแม่ลูกอยู่เงียบ ๆ

ถ้าวันนี้อาซูไม่กล้าหาญเช่นนี้ นางและลูกคงจะได้รับบาดเจ็บไปแล้ว หากถึงตอนนั้นเขาควรจะจัดการอย่างไร?

ครั้นคิดได้เช่นนี้ หลินเหราก็รู้สึกเสียใจและปวดใจอย่างควบคุมไม่ได้ เขาโผเข้ากอดเหยาซูอีกครั้ง

เขาพูดเสียงแหบพร่าว่า “อาซู วันนี้ต้องขอบคุณเจ้ามาก เจ้าและลูก ๆ ถึงได้ปลอดภัยดี ข้ารับรอง ต่อไปจะไม่ให้เจ้าต้องวิตกกังวลเช่นนี้อีก…ข้าจำคำพูดของเจ้าได้เสมอ ข้ารับฟังคำขอร้องที่เจ้ามีต่อข้าเสมอ…”

ในที่สุดเหยาซูก็ทนไม่ไหว ร้องไห้โฮอยู่ในอ้อมกอดของเขา

ความอบอุ่นนี้ ความปลอดภัยนี้ เดิมทีมันเป็นของนาง

หลังจากที่นางตัดสินใจว่าจะจับมันไว้ให้มั่น นางจะไม่มีทางปล่อยไปโดยง่ายอีก

ตู้เหิงมีความทรงจำในอดีตชาติ ชาตินี้นางยังไม่แน่ใจ

แต่นางเคยอ่านในนิยายต้นฉบับ รู้ว่าตู้เหิงที่กลับชาติมาเกิดใหม่คิดอย่างไร ทำสิ่งใด

เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ร้อยทั้งร้อยต้องเกี่ยวข้องกับตู้เหิงแน่!

ตู้เหิง!

เหยาซูพึมพำอยู่ในใจ ร่างกายยังคงอิงแอบแนบชิดอยู่ในอ้อมกอดของหลินเหรา นัยน์ตาฉายความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ…

หญิงสาวขยำแขนเสื้อของหลินเหราแน่น มือขวายังคงสั่นระริกโดยไม่รู้ตัว

คนที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ควรจัดการอย่างไร…

ทันใดนั้น ก็มีเสียงตื่นตกใจดังเข้ามาจากข้างนอก…

………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ทีนี้รู้แล้วหรือยังล่ะอาเหรา ว่าการเกือบจะเสียลูกเมียไปมันเป็นยังไง

เพราะฉะนั้น ตามไปถลกหนังนังตู้เหิงเอาเลือดมาล้างเท้าให้เมียเลยค่ะ นางเอกก็นางเอกเถอะ แต่เสียใจด้วยที่เรื่องนี้หล่อนไม่ใช่นางเอกอีกต่อไป

ไหหม่า(海馬)