บทที่ 349 ถอนกู่

บทที่ 349 ถอนกู่

ปู้หนานอีต้องการจะบอกว่าตนทำได้ แต่เมื่อสบตากับเสี่ยวเป่า นางทำได้แค่เปิดปากแต่กลับไม่อาจเอ่ยสิ่งใดออกมาได้

เสี่ยวเป่าเลิกคิ้วตอบนาง “พี่หนานอีเองก็ไม่สามารถรับประกันเรื่องนี้ได้ใช่หรือไม่ จิตใจมนุษย์แตกต่างซับซ้อน ท่านเพียงผู้เดียวย่อมไม่อาจควบคุมได้”

น้ำเสียงของนางไร้เดียงสา แต่คำพูดนั้นกลับกรีดแทงปู้หนานอีไปทั้งใจ

“ตอนนี้เยว่หลียังเด็กนัก สามารถถูกคนหลอกได้ง่าย”

ปู้หนานอีกล่าวออกมาอย่างอดไม่ได้ “เช่นนั้นพวกเจ้าจะไม่หลอกลวงเขาอย่างนั้นหรือ”

“แน่นอนย่อมไม่” เสี่ยวเป่าพยักหน้ารับอย่างจริงใจ ทำให้ปู้หนานอีถึงกับสำลักทันที

“หากไม่หลอกลวงเขาเลย เช่นนั้นจะทำให้เขาเฉลียวฉลาดขึ้นมาบ้างได้อย่างไร”

หลังจากเอ่ยหยอกล้อแล้ว เสี่ยวเป่าก็นั่งตัวตรงแล้วพูดออกมาอย่างจริงจัง “ข้าไม่รู้ว่าในหมู่พวกท่านมีคนจิตใจเห็นแก่ตัวต้องการใช้ประโยชน์จากเยว่หลีหรือไม่ แต่ข้ารู้ว่าท่านพ่อไม่ทำเช่นนั้นแน่ เขาเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ใช้ความสามารถเยว่หลีในการต่อสู้อย่างแน่นอน ยกเว้นพวกหนานจ้าวจะใช้วิธีการอันน่ารังเกียจก่อน”

เสี่ยวเป่าส่ายหัว ท่าทางเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “ท่านพ่อของข้าเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ แม้ว่าเขาจะต้องการทำสงคราม ทว่าล้วนทำด้วยความสามารถของตนเอง ไม่ฉกฉวยใช้วิธีการที่น่ารังเกียจเช่นนี้หรอก”

ด้านนอกรถม้า หนานกงสือเยวียนที่มาหาเสี่ยวเป่าบังเอิญได้ยินคำพูดของบุตรสาวพอดี ดวงตาของเขาอดทอประกายอบอุ่นขึ้นมาไม่ได้

สุดท้ายปู้หนานอีก็ไม่อาจเอาชนะเด็กน้อยได้ เยว่หลี่คงต้องอยู่กับเสี่ยวเป่าต่อไป

ทว่าในทางตรงกันข้าม หนานกงสือเยวียนมองคนที่เอาแต่เกาะอยู่ข้างกายเสี่ยวเป่า ภายในใจเกิดความต้องการห่อส่งให้สตรีผู้นั้นพาตัวเขาไป

เมืองหยง…

ท่ามกลางการเฝ้ารอของหนานกงฉีหลิงและแม่ทัพขุนนางทั้งหลาย ในที่สุดฝ่าบาทก็กลับมาแล้ว

“เสด็จพ่อ!”

บุตรชายทั้งสองแทบทนรอไม่ไหว ตรงเข้าไปฟ้องเสียงระงม“เสด็จพ่อ คนหนานจ้าวช่างหน้าไม่อาย สู้ไม่ได้ก็ปล่อยหนอนแมลงน่ารังเกียจออกมา!”

เพราะกู่เหล่านั้น กองทัพต้าเซี่ยถึงได้รับความสูญเสียอย่างหนัก

หนานกงฉีหลิงกรุ่นโกรธขึ้นมาเมื่อนึกถึงกู่เหล่านั้น เนื่องจากเขาเองก็เกือบเผชิญเคราะห์ ยามนั้นพวกกู่พุ่งเข้ามาใกล้ ทว่าจู่ ๆ ก็พากันหันกลับหนีกลับไปอย่างกะทันหัน

แม้จะไม่ทราบถึงเหตุผล แต่ก็อดรู้สึกว่าตนเองเพิ่งรอดพ้นจากประตูนรกไม่ได้ ทำให้เขายิ่งเกลียดชังคนหนานจ้าวมากยิ่งขึ้น

ทหารพวกเขาตายไปเป็นจำนวนมาก ไม่ได้ตายเพราะการต่อสู้นองเลือดกับศัตรู แต่เป็นเพราะวิธีการที่น่ารังเกียจเหล่านั้น มีเพียงสวรรค์ที่ทราบดีว่าพวกเขาอัดอั้นตันใจถึงเพียงใด

หนานกงสือเยวียนได้รับข่าวนี้จึงรีบกลับมาทันที

“ทัพของเราบาดเจ็บล้มตายไปมากเท่าใด”

แม่ทัพผู้หนึ่งที่รับผิดชอบเรื่องการนับจำนวนพลกัดฟันบอกจำนวนที่น่าใจหายออกมา

“ช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่วัน กองทัพของพวกเรามีทหารกว่าห้าหมื่นที่สิ้นชีพไปเพราะหนอนกู่ ยังมีอีกสามหมื่นต้องกู่ ทว่าพวกเราไม่มีผู้ใดสามารถแก้กู่ได้!”

วิธีการของหนานจ้าวช่างน่ารังเกียจเกินไปแล้ว

คนตายไปมากถึงเพียงนี้ ทั้งยังตายลงไปด้วยวิธีชวนอึดอัดคับข้องใจ ใบหน้าของหนานกงสือเยวียนเองก็ไม่น่าดูขึ้นมาเช่นเดียวกัน

“พวกเราไปดูทหารที่ถูกกู่เหล่านั้นก่อน”บราวนี่ออนไลน์

เสี่ยวเป่าถามปู้หนานอี “เยว่หลีสามารถกำจัดกู่เหล่านั้นได้หรือไม่”

ปู้หนานอีพยักหน้า “เลือดของบุตรศักดิ์สิทธิ์มีพลังดึงดูดกู่ทุกชนิด ขอเพียงแค่พวกมันได้กลิ่น กู่เหล่านั้นล้วนถูกเขาเรียกออกมาได้”

เสี่ยวเป่าดึงเยว่หลีวิ่งไปหาท่านพ่อ ระหว่างทางก็พูดจ้อไม่หยุด

“ข้าต้องการเลือดของเจ้าสักหน่อย รอกู่ในทหารเหล่านั้นออกมาหมด ข้าจะให้ท่านอาสะใภ้สี่ตุ๋นน้ำแกงแม่ไก่แก่บำรุงร่างกาย จากนั้นเอาน้ำพุทราเม็ดเก๋ากี่ให้เจ้าดื่ม จะได้ฟื้นเลือดกลับคืนมาเร็ว ๆ”

แม้ว่าเยว่หลีจะไม่พูด แต่เขาก็เชื่อฟังเป็นอย่างยิ่ง และฟังเพียงเสี่ยวเป่าผู้เดียว

ภายในค่ายทหาร เพราะได้รับกู่ไม่เหมือนกัน อาการของพวกเขาจึงแตกต่างกันไป

บ้างก็ปวดหัว บ้างก็ปวดท้อง บางคนบ้าคลั่ง บางคนหลับเป็นตายไม่ตื่น…

กู่นั้นสามารถป้องกันได้ยาก จึงมีคนจำนวนมากที่ถูกเล่นงาน

อีกทั้งยังเป็นการบาดเจ็บภายในระยะเวลาสั้น ๆ

“ห้าวันก่อนไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น พวกเขาปล่อยกู่ทั้งหมดราวกับเป็นสิ่งไร้ค่า พวกเราจึงได้รับความเสียหายอย่างหนัก ไม่เพียงแค่กำลังคน กระทั่งม้าศึกยังเสียไปจำนวนมาก”

ใบหน้าของหนานกงสือเยวียนลึกล้ำราวกับสายน้ำ ไม่เอ่ยอันใด เป็นแม่ทัพที่อยู่ข้างกายตบมือร้องออกมา “ห้าวันก่อน? ไม่บังเอิญไปหรือ ยามนั้นพวกเราเพิ่งจะจัดการกับกษัตริย์หนานจ้าวได้ พวกเขาคงจะร้อนใจเป็นอย่างมากเมื่อได้รับข่าว”

“เช่นนั้นตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไร”

หนานกงสือเยวียนกล่าว “แก้กู่ก่อน”

เซี่ยกั๋วกงผู้เฒ่าและคนอื่น ๆ มีสีหน้าประหลาดใจ “หรือฝ่าบาทมีหนทางแก้ไข”

แม่ทัพผู้ที่ลงมือบุกวังหลวงหนานจ้าวกับหนานกงสือเยวียนเอ่ยขึ้น “พวกเราได้พาตัวคนผู้หนึ่งมา เขาน่าจะสามารถทำได้ เจิ้นหนานอ๋องเองก็ถูกกู่เช่นเดียวกัน ทว่าเขาสามารถจัดการกู่ได้”

แม่ทัพผู้นั้นชี้ไปทางเด็กหนุ่มผมขาวที่อยู่ข้างองค์หญิง “นั่นอย่างไรเล่า”

นับตั้งแต่เยว่หลีช่วยนำกู่ออกจากเจิ้นหนานอ๋อง ทัศนคติที่พวกเขามีต่อเด็กหนุ่มก็พลิกกลับอย่างสิ้นเชิง

ก่อนหน้านี้ในสายตาของพวกเขามองเป็นเพียงเด็กประหลาดที่มีผมสีขาวตาสีม่วง ทว่าตอนนี้คือผู้มีพรสวรรค์สามารถกำจัดกู่ได้!

ทุกคนต่างพากันหันไปในทิศทางที่เขาชี้ ก่อนหน้านี้ไม่ทันสังเกตเพราะสนใจฝ่าบาทเพียงผู้เดียว

“เยว่หลี”

เสี่ยวเป่าเงยหน้ามองเขาเล็กน้อย

ดวงตาสีม่วงของเยว่หลีมองเหล่าคนที่ถูกกู่ ก่อนจะพยักหน้า

แม่ทัพผู้หนึ่งซึ่งเคยเห็นเขากำจัดกู่ให้กับเจิ้นหนานอ๋องรีบยื่นมีดให้

“ให้ท่าน มีดเล่มนี้ข้าเช็ดจนสะอาดแล้ว”

ตราบใดที่สามารถแก้กู่ของเหล่าพี่น้องได้ พวกเขาย่อมต้องสนับสนุนบุคคลผู้นี้อย่างถึงที่สุด

เมื่อเสี่ยวเป่าเห็นเขาตั้งท่าจะแทงลงไปบนมือตนเองตรง ๆ ก็รีบพูดออกมาทันที

“ส่งมาให้ข้า!”

เขาทำราวกับนั่นไม่ใช่มือของตัวเองเลย

เยว่หลีส่งมีดสั้นให้นางอย่างเชื่อฟัง

เสี่ยวเป่ากรีดลงบนมือเขาอย่างแผ่วเบา เป็นแผลเล็ก ๆ เลือดสีสดไหลซึมออกมาช้า ๆ

แตกต่างจากเลือดทุกคนที่มีกลิ่นคาว เลือดของเยว่หลีมีกลิ่นหอมอันไม่อาจอธิบายได้

และกลิ่นนั้นก็กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกัน หนานกงสือเยวียนก็สัมผัสได้ว่ากู่ที่ไม่เคลื่อนไหวในร่างกายเป็นเวลานานต้องการจะออกมา ทว่าก็ถูกสยบกลับไปด้วยความรวดเร็ว

หนานกงสือเยวียนหยิบหยกที่สวมรอบคอมาใช้ปลายนิ้วลูบไล้ ยามนี้เขารู้สึกโชคดีเป็นอย่างมากที่ก่อนจากไป ได้มอบหยกของเสี่ยวเป่าให้กับบุตรชายทั้งสองเอาไว้

เสี่ยวเป่าจับมือที่เลือดไหลออกมาของเยว่หลีเอาไว้ ส่วนดวงตาสีม่วงของเด็กหนุ่มนั้นจับจ้องไปทางเหล่าผู้ถูกกู่

ปู้หนานอีกล่าวออกมาทันที “พวกเจ้ารีบดูเสียว่ามีกู่อยู่ใต้ผิวหนังหรือไม่ เมื่อเห็นก็กรีดผิวตรงที่ใกล้สุดเสีย กู่จะคลานออกมาจากบาดแผลเอง”

หลังจากได้ยินคำพูดของนาง ทุกคนก็ลงมือตามทันที

ขณะเดียวกันปู้หนานอีก็หยิบขวดบางสิ่งออกมาจากกระเป๋าข้างเอว

“นำน้ำมาให้ข้าหน่อย”

คนถูกสั้งไม่กล้าชักช้า รีบทำตามทันที

“มีกู่เคลื่อนไหวอยู่ใต้ผิวหนังจริง!”

“เร็วเข้า รีบกรีดแผล!”

เพียงไม่นานกู่เหล่านั้นก็ต่างคลานออกมาจากบาดแผล

ปู้หนานอีโรยผงยาในขวดใส่น้ำ หลังจากนั้นก็วางไว้หน้าเยว่หลี เลือดที่ไหลออกมาจากมือหยดลงไปในน้ำ กู่เหล่านั้นก็กรูกันลงไปในน้ำอย่างบ้าคลั่ง จนน้ำด้านในกลายเป็นสีโลหิต

เหล่าคนที่เห็นเหตุการณ์นี้ : บัดซบ น่ากลัวเกินไปแล้ว

มีคนอยู่มากกว่าสามหมื่นคน พวกเขาจำต้องใช้เวลาทั้งวันเพื่อกำจัดกู่จนหมด

ขณะเดียวกันหนานกงสือเยวียนก็ยังพาคนออกไปต่อสู้ เผาเสบียงและค่ายของหนานจ้าวไปจำนวนมาก