“รอแป๊บหนึ่งนะ” หยานชิงเจ๋อพูดพร้อมกับดึงมือของเขากลับมาหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเสื้อของเขา
เมื่อเห็นแม่โทรมาเขาจึงกดรับสาย“แม่”
เสียงของหลู่หยุนเซียงดูร้อนรน “ชิงเจ๋อ ลูกกลับมาที่ประเทศจีนแล้วหรือยัง?”
หยานชิงเจ๋อได้ยินเสียงแม่ของเขา ดวงตาของเขาเริ่มจริงจัง “เพิ่งกลับมาครับ แม่ มีอะไรหรือเปล่า?”
หลู่หยุนเซียงพูดว่า “เกิดเรื่องขึ้นกับพ่อแล้ว”
หัวใจของหยานชิงเจ๋อจมดิ่ง เขาเห็นซูสือจิ่นที่ยืนอยู่ข้างเขามองดูเขาด้วยสีหน้าที่กังวล ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าให้เธอ จากนั้นหันหลังเดินไปที่หน้าต่างในห้องนั่งเล่น “แม่ สรุปมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”
หลู่หยุนเซียงพูดว่า “พ่อยังอยู่ในตำแหน่งตรวจสอบคุณภาพสินค้าไม่ใช่เหรอ? ก็คือเมื่อสัปดาห์ที่แล้วโครงการที่เขารับผิดชอบมีปัญหา อันที่จริงเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อก่อนเราสามารถหาทางชดใช้ได้ในภายหลัง แต่วันนี้มันเกิดขึ้นอีกครั้งเพราะมีคนฟ้องเขา และตอนนี้เป็นไปได้มากที่เขาจะต้องขึ้นศาลและเขาอาจต้องติดคุกด้วย!”
สีหน้าของหยานชิงเจ๋อเปลี่ยนไป เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “พ่อไม่เคยมีปัญหากับใคร ทำไมคนพวกนี้ถึงตั้งเป้าหมายเล่นงานเขาในครั้งนี้!
หลู่หยุนเซียงพูดว่า “แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ทางเราส่งคนไปตามสืบแล้ว นามสกุลของบุคคลนั้นคือฉิน ซึ่งดูเหมือนว่าจะมาจากสำนักจัดการจราจร…… สำนักตรวจสอบคุณภาพสินค้าและสำนักจัดการจราจรแทบจะอยู่กันคนละส่วน แล้วทำไม……”
“แม่ ไม่ต้องห่วง ผมจะกลับบ้านตอนนี้” หยานชิงเจ๋อพูด “ตอนนี้พ่ออยู่ที่ไหน?”
“ตอนนี้พ่อถูกสอบสวนอยู่ที่หน่วยงาน แต่ผู้รับผิดชอบโครงการหายหัวไปแล้ว เหลือเพียงลายเซ็นของพ่อเท่านั้น” หลู่หยุนเซียงพูดเสริม “ชิงเจ๋อ เราไม่กลัวที่จะใช้เงินเพื่อจัดการเรื่องนี้ แต่แม่ลองถามดูแล้วเหมือนได้ยินมาว่ากลุ่มคนนามสกุลฉินไม่ต้องการเงิน และได้ก่อเรื่องขึ้นเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น……”
“โอเค แม่ ไม่ต้องตกใจ ผมจะกลับบ้านแล้ว อย่าไปไหนนะ!” หยานชิงเจ๋อพูดจบก็วางสายทันที
เขาสวมเสื้อคลุม หยิบกุญแจรถ แล้วรีบเดินไปที่ห้องครัวเพื่อพูดกับซูสือจิ่น “เสี่ยวจิ่น พี่จะออกไปทำอะไรสักอย่าง ไม่ต้องรอทานข้าวพร้อมกับพี่นะ ”
“ชิงเจ๋อ มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?” ซูสือจิ่นเห็นว่าการแสดงออกของหยานชิงเจ๋อนั้นผิดปกติ จึงเดินตามเขาไปที่หน้าประตู
หยานชิงเจ๋อเปิดประตู “ไม่เป็นไร ดูแลตัวเองดีๆ นะ”
เขาพูดเสร็จก็เดินออกไป
ซูสือจิ่นไม่ตอบสนองจนกระทั่งประตูปิดลง และลมเย็นพัดเข้ามาที่หน้า
เขาไปแล้ว
ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่อยากให้เธอรู้
ซูสือจิ่นมองลงมาที่แหวนที่ส่องแสงแวววับบนนิ้วนางของเธอ มันทำให้เธอรู้สึกเย็นยะเยือกเล็กน้อย
ก่อนที่เขาจะกลับมาเธอยังไม่รู้สึกอ้างว้างขนาดนี้ แต่ตอนนี้เขาไปแล้ว ทำให้เธอทำได้เพียงกอดตัวเอง
ซูสือจิ่นค่อยๆ นำจานไปวางที่โต๊ะอาหาร
ตอนแรกเธอคิดว่าเขาจะอยู่ทานข้าวกับเธอ ดังนั้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาหลังจากที่เขาไม่อยู่ เธอได้ฝึกทำอาหารหลายครั้ง บางจานถึงกับลองสามสี่ครั้งจนเธอรู้สึกว่าทำออกมาได้ดีแล้ว จึงตั้งใจว่าวันนี้จะทำให้เขาทาน
อาหารเต็มโต๊ะ
แต่มีเพียงแหวนบนนิ้วนางของเธอเท่านั้นที่อยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนเธอ
แหวนอีกวงหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะอาหาร หยานชิงเจ๋อไม่ทันได้สวมมันก็ออกไปซะแล้ว
ตอนแรกเธอหิวมาก แต่จู่ๆ ก็รู้สึกไม่อยากทานอาหาร
เธอทานเข้าไปนิดเดียวก็วางตะเกียบลง
เขาจะกลับมาไหม? เขาจะทานข้าวยัง? ธุระของเขาได้รับการจัดการแล้วหรือยัง?
มีคำถามมากมายในใจ เธอถือโทรศัพท์ลังเลอยู่นาน แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่โทรหาหยานชิงเจ๋อ
เธอกังวลว่าจะรบกวนเขา กลัวว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาที่เพิ่งจะคลี่คลายอาจแย่ลงเพราะเธอโทรไปหาเขา
ซูสือจิ่นยิ้มอย่างขมขื่น
ถึงเขาจะอยู่ต่อหน้าเธอ แต่เธอก็ยังกลัวว่าจะสูญเสียเขาไป
เพราะเธอรักเขามาก
ตลอดช่วงบ่ายซูสือจิ่นไม่ได้รับสายโทรศัพท์จากหยานชิงเจ๋อ
ในตอนเย็นเธออุ่นอาหารสำหรับตัวเอง เมื่อทานอาหารเสร็จก็ครุ่นคิดอยู่นาน เธอพบว่าข้างนอกมืดค่ำแล้วจึงหาเหตุผลส่งข้อความทางวีแชทไปหาหยานชิงเจ๋อ
“ชิงเจ๋อ ทำธุระเสร็จแล้วหรือยัง? คืนนี้จะกลับบ้านไหม?”
หลังจากที่ซูสือจิ่นส่งข้อความไป หลังจากรอเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงยานชิงเจ๋อก็ยังไม่ตอบข้อความ
เธอเริ่มไม่สบายใจ การรอคอยแบบนี้ทำให้รู้สึกทรมานเหมือนรอคอยมาหลายปี
เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว เธอจึงอดไม่ได้ที่จะโทรหาหยานชิงเจ๋อ
นานมากกว่าหยานชิงเจ๋อจะรับสาย
น้ำเสียงของเขาดูเฉยเมยเล็กน้อย “พี่มีเรื่องต้องทำ ไปนอนก่อนเลย”
หลังจากพูดเสร็จเขาก็วางสายโดยไม่รอให้ซูสือจิ่นได้พูดอะไร
ซูสือจิ่นได้ยินเสียงวางสายก็รู้สึกอึ้งแบบบรรยายไม่ถูก
เธอค่อยๆ วางโทรศัพท์ลงแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง
ไม่รู้ตัวว่าหิมะตกตอนไหน
เธอจำได้ว่าวันนั้นหิมะตก และเธออาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ของเขาเป็นครั้งแรก อาจจะเป็นเพราะความโกรธหรือความต้องการทางร่างกายของเขาจึงได้มีความสัมพันธ์ทางกายกับเธอ
วันรุ่งขึ้นเธอมองดูผู้คนที่อยู่ใต้หิมะ เธอยิ้มให้เขาเพราะความรู้สึกมีความสุขโดยลืมความสัมพันธ์ที่น่าอึดอัดใจของพวกเขาไป
ดูเหมือนว่าตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาความสัมพันธ์ที่เคยหยุดนิ่งไว้จะค่อยๆ ฟื้นคืนชีพและดีขึ้นเรื่อยๆ
เป็นไปได้ไหมว่าทุกสิ่งเป็นเพียงของขวัญจากวันหิมะตก เมื่อหิมะมาเยือนรอบที่สองเหมือนสวรรค์จะเอาสิ่งดีๆ ทั้งหมดกลับคืนไป?
เธอรู้สึกว่าดวงตาของเธอเมื่อยล้า
คืนนั้นซูสือจิ่นออกแบบจี้ที่สามารถขอคำอธิษฐานจากเทพหิมะได้
ซูสือจิ่นคิดไม่ถึงว่าจนกระทั่งบ่ายของวันถัดมาก็ไม่มีข้อความใดๆ จากหยานชิงเจ๋อ
ในขณะที่เธออารมณ์เสียมากซูสือจิ่นได้รับสายโทรศัพท์จากพ่อของเธอ
“พ่อ?” ซูสือจิ่นกดรับสาย
“เสี่ยวจิ่น หยานชิงเจ๋อไม่อยู่บ้านใช่ไหม?” ซูเผิงฮวาถาม
“ก็ไม่นะ” ซูสือจิ่นรู้สึกว่าพ่อของเธอรู้เรื่องของหยานชิงเจ๋อ ดังนั้นเธอจึงถามว่า “พ่อ มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?’
ซูเผิงฮวาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ดูแล้วเหมือนลูกจะไม่รู้เรื่องจริงๆ! พ่อก็เพิ่งได้ยินมาว่าพ่อของหยานชิงเจ๋อกำลังถูกสอบสวน คนที่ฟ้องเขาคือคนของตระกูลฉินจากสำนักจัดการจราจร พ่อเดาว่าลูกก็น่าจะรู้จัก เขาชื่อฉินไห่เทาเด็กจอมซนคนนั้นที่เคยเรียนห้องเดียวกับลูก น่าจะเป็นลูกชายของ……”
ซูสือจิ่นตกตะลึงครู่หนึ่ง “ฉินไห่เทา?”
เธอนึกถึงบางสิ่งในอดีตก็ทำเอาหัวใจของเธอทรุดลงเล็กน้อย “พ่อคะ พ่อของหยานชิงเจ๋อปกติไม่มีศัตรูเหรอ? คนนามสกุลฉินมีที่ไปที่มายังไง?”
ซูเผิงฮวาพูดว่า “โดยปกติแล้วเว่ยคุนจะเป็นคนมีหลักการมาก คาดว่าเขาน่าจะถูกใส่ร้ายในครั้งนี้ พ่อยังไม่เคยได้ยินว่าเขาเคยมีเรื่องกับใคร สำหรับคนนามสกุลฉินนี้ แทบจะไม่มีความเกี่ยวข้องกัน แล้วจะเป็นไปได้ยังไง……”
ซูสือจิ่นพอจะเดาอะไรบางอย่างได้ แต่เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้แล้วถามว่า “พ่อ แล้วพวกเราควรทำอย่างไร?”
“สือจิ่น พ่อรู้ว่าลูกเป็นห่วงชิงเจ๋อ ยิ่งกว่านั้นเว่ยคุนกับพ่อก็รู้จักกันมาหลายปีแล้ว แต่เรื่องนี้ก็ยากมากที่จะแก้ไข ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานชัดเจนก็จะยากมาก ไม่ต้องกังวลมากเกินไป เราจะพยายามอย่างเต็มที่ ลูกอย่าเข้าไปยุ่งเด็ดขาด เมื่อชิงเจ๋อกลับมาแค่ปลอบโยนเขาก็พอแล้ว!”
“โอเคค่ะพ่อ หนูเข้าใจแล้ว” ซูสือจิ่นวางสาย
ฉินไห่เทา เธอจะไม่รู้จักได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้นฉินไห่เทาและหยานชิงเจ๋อก็เคยมีความคับข้องใจในตอนแรก
จำได้ว่าฉินไห่เทาเคยสะกดรอยตามเธอตอนที่เธออยู่ในโรงเรียน หลายครั้งที่พวกเขาตามเธอลงไปข้างล่างตึกเรียน เขาจะขี่จักรยานมาข้างๆ เธอทุกวันหลังเลิกเรียนเพื่อพูดคุยกับเธอ
และมีอยู่ครั้งหนึ่งหยานชิงเจ๋อเลิกเรียนเร็วกว่าปกติ ระหว่างทางไปรับเธอที่โรงเรียนได้พบเจอกับฉินไห่เทา
หยานชิงเจ๋อไม่สามารถไล่เขาได้ ทั้งสองจึงทะเลาะกัน หลังจากนั้นฉินไห่เทาก็ไม่สะกดรอยตามเธออีกต่อไป
ต่อมาเธอคิดว่าในที่สุดก็ไม่มีอะไรแล้ว แต่ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนวันหนึ่งฉินไห่เทาก็กลับมาอีกครั้ง
สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหยานชิงเจ๋อและฉินไห่เทาในครั้งนั้น ซูสือจิ่นก็ไม่ได้รู้เรื่อง
ต่อมาตอนเรียนชั้นม.หก ฉินไห่เทาได้เดินทางไปต่างประเทศอย่างกะทันหัน และไม่เคยเห็นเขาอีกเลยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เป็นไปได้ไหมเรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อของหยานชิงเจ๋อจะเกิดจากความคับแค้นใจของเขาในตอนนั้น? ยังไม่สายเกินไปที่พ่อของฉินไห่เทาจะล้างแค้นให้ลูกชายของเขา?
ซูสือจิ่นคิดเรื่องนี้ก็รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย ถ้าเป็นเพราะเธอที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้นกับพ่อของเขา ถ้าอย่างงั้นเธอ……
เธอรู้สึกหายใจลำบาก เธอไม่รู้ว่าควรจะแก้ไขอย่างไร
ขณะที่ลังเลซูสือจิ่นเห็นการแจ้งเตือนของโทรศัพท์ ดังนั้นเธอจึงเปิดดูวีแชท
มันคือข้อความจากกลุ่มเพื่อนมัธยมปลายของเธอ เพราะบางครั้งมีคนโพสต์ขายของในกลุ่ม ดังนั้นเธอจึงปิดเสียงไว้
แต่วันนี้มีคนแอดชื่อของเธอมันจึงแจ้งเตือน
ซูสือจิ่นเปิดเข้าไปเพื่อดูว่าใครต้องการคุยกับเธอ
ฉินไห่เทา
เธอเกือบจะมั่นใจว่าฉินไห่เทาต้องการแก้แค้นหยานชิงเจ๋อ
เธอพยายามสงบสติอารมณ์โดยพิมพ์ข้อความไปในกลุ่มว่า “มีเรื่องอะไร?”
ฉินไห่เทาตอบว่า “นานแล้วที่ฉันไม่ได้เจอเธอ ฉันเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ออกมาเจอกันหน่อยดีไหม!”
พูดตามตรงซูสือจิ่นรู้สึกรังเกียจคนคนนี้มาโดยตลอด วันนี้เธอจึงทำเป็นแกล้งถามเขา “ฉันอยู่ต่างประเทศเหมือนกัน ขอโทษด้วย!”
ฉินไห่เทาตอบทันทีว่า “นี่สาวสวยกำลังล้อเล่นกับฉันอยู่ใช่ไหม? ไม่ใช่เพราะพี่ชายของเธอที่กำลังยุ่ง เลยไม่มีเวลาออกมาเจอฉันเป็นเพื่อนเธอหรอกเหรอ ไม่กล้าออกมาคนเดียวใช่ไหม?”
เมื่อซูสือจิ่นได้ยินเขาพูดถึงหยานชิงเจ๋อ เธอก็มั่นใจในทันทีว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับความแค้นใจในอดีต
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ “ฮ่าฮ่า นายคิดว่าฉันไม่กล้าเหรอ? ในเมื่อนายอยากนัดฉันก็ได้ ฉันเป็นคนเลือกสถานที่เอง! พรุ่งนี้เวลาสิบโมงเช้า เจอกันที่ร้านกาแฟหน้าโรงเรียนมัธยมปลายหนิงเฉิง”
“โอเค แล้วเจอกัน!” ฉินไห่เทาตอบกลับ “นี่คือการนัดหมายส่วนตัวของเรา อย่าบอกพี่ชายของเธอนะ รู้ไหม”
เหตุผลที่ซูสือจิ่นเลือกที่หน้าประตูโรงเรียนเวลาสิบโมงเช้าเพราะมีคนจำนวนมากและมียามรักษาความปลอดภัยที่ประตู ถ้าเกิดมีอะไรก็สามารถขอความช่วยเหลือได้
เช้าวันรุ่งขึ้นซูสือจิ่นสวมเสื้อคลุมตัวหนาแล้วหยิบกุญแจรถออกไป
เธอจงใจมาถึงก่อนเวลายี่สิบนาทีและเลือกที่นั่งริมหน้าต่างล่วงหน้า หลังจากรอสักพักเธอก็เห็นฉินไห่เทาเดินเข้ามาด้วยท่าทางคนอันธพาล
หลังจากหายไปห้าปีฉินไห่เทายังคงเหมือนเดิม ยกเว้นความเป็นวัยรุ่นในตอนแรก
เมื่อเขาเห็นซูสือจิ่นก็ผิวปากให้เธอแล้วนั่งลง
“มาคุยกันตรงๆ เถอะ นายต้องการอะไร?” ซูสือจิ่นไม่อยากพูดเรื่องไร้สาระกับคนคนนี้