บทที่ 283 ฉลองวันเกิด

เมื่อกู้เสี่ยวอี้ได้ยินว่าถ้านางเรียนรู้ได้เร็ว จะสามารถทำเงินให้กับครอบครัวได้ ใบหน้าของนางขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความตื่นเต้น เด็กหญิงดึงกู้เสี่ยวหวานและกล่าวว่า “ท่านพี่…” เมื่อเห็นท่าทางกระตือรือร้นของน้องสาว กู้เสี่ยวหวานรับรู้ว่านางกำลังคิดสิ่งใด เมื่อคิดไปแล้ว ตนเองมาที่ร้านจิ่นฝูสัปดาห์ละสองครั้ง ในเวลาว่างหลังจากนี้คงจะต้องพากู้เสี่ยวอี้มาที่นี่ เพราะกู้เสี่ยวอี้ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม และนี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ

ดังนั้นนางจึงพยักหน้า “ตกลง เสี่ยวอี้ ข้ารับปากเจ้า”

ทั้งสามพูดคุยกันอีกสักพัก กู้เสี่ยวหวานก็รับเสื้อผ้าที่ทำในวันนั้น และพากู้เสี่ยวอี้กลับบ้าน

เนื่องจากวันที่ห้าเดือนสี่เป็นวันหยุดของกู้หนิงอัน กู้เสี่ยวหวานกลัวว่าสวีเฉิงเจ๋อจะมาในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นนางจึงซื้อเนื้อ กระดูก พริก และอื่น ๆ มากมาย ยุคนี้ไม่ว่าผักอะไรในตลาดล้วนมีราคาแพง เมื่อกู้เสี่ยวหวานคิดเกี่ยวกับมัน จึงยังไม่ได้ซื้อ

เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อกู้เสี่ยวหวานตื่นขึ้น กู้หนิงผิงก็ตื่นขึ้นเช่นกัน

เมื่อรอจนถึงเวลาที่กู้เสี่ยวอี้ตื่นขึ้น สิ่งแรกที่กู้เสี่ยวหวานกล่าวกับนางคือสุขสันต์วันเกิด และยังสวมเสื้อผ้าที่นำกลับมาเมื่อวานนี้ให้กู้เสี่ยวอี้ เสื้อผ้าสีชมพูอ่อนที่สวมอยู่บนตัวของกู้เสี่ยวอี้ทำให้นางราวกับเทพธิดาตัวน้อย ช่างน่ารักยิ่งนัก

กู้หนิงอันกลับมาถึงบ้านตอนเช้าตรู่ โดยมีสวีเฉิงเจ๋อตามมาด้วย

กู้เสี่ยวหวานกลัวว่ากู้หนิงอันจะไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดกู้เสี่ยวอี้ ดังนั้นนางจึงขอให้กู้หนิงผิงไปรอกู้หนิงอันที่ทางเข้าหมู่บ้าน และบอกเขาระหว่างทาง

อย่างไรก็ตาม นางไม่คิดว่ากู้หนิงผิงจะกลับมาไม่นานหลังจากที่เขาออกไป

ด้านหลังของเขาคือกู้หนิงอันและสวีเฉิงเจ๋อ

หลังจากที่ไม่ได้เจอนางมาสักพัก สวีเฉิงเจ๋อก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อได้เจอกู้เสี่ยวหวานอีกครั้ง

แม่นางผู้นี้ดูสูงขึ้นและมีน้ำมีนวลขึ้นเล็กน้อย และใบหน้าของนางมีสีเลือดฝาดขึ้นเล็กน้อย

“พี่เฉิงเจ๋อ…” กู้เสี่ยวหวานรีบวางมีดทำครัวในมือของลงเมื่อเห็นสวีเฉิงเจ๋อ “เหตุใดวันนี้พวกท่านมาเร็วจัง?”

กู้หนิงอันมองไปรอบ ๆ แล้วกระซิบว่า “วันนี้เป็นวันเกิดน้องสาว ดังนั้นข้าจึงรีบมาเสียหน่อย อาจารย์สวีรู้จึงมากับข้าด้วย เขายังเตรียมของขวัญไว้ให้เสี่ยวอี้อีกด้วยนะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ กู้เสี่ยวหวานจึงกล่าวอย่างเกรงใจ “พี่เฉิงเจ๋อ แค่พี่มาที่นี่ก็ดีมากแล้ว ทำไมต้องเสียเงินด้วยล่ะ?”

“พวกเราก็คนกันเอง เสียเงินสักหน่อยก็ไม่เป็นอะไร”

เมื่อทุกคนทักทายกันเสร็จ กู้เสี่ยวหวานจึงขอให้กู้หนิงผิงพาอาจารย์น้อยสวีเข้าไปในบ้าน

กู้เสี่ยวอี้ที่กำลังเรียนรู้การปักผ้าอยู่ในห้อง ครั้นเห็นว่าพี่ชายของตนกลับมา นางก็กุลีกุจอเก็บข้าวขอและเข้าไปหาพี่ชายของนาง เมื่อได้ยินว่าพี่ชายบอกว่าจะฉลองวันเกิดของนางในวันนี้ และยังเตรียมของขวัญมาให้อีก เด็กหญิงจึงเบิกบานใจยิ่งนัก

ในตอนกลางวัน ทุกคนนั่งรับประทานอาหารและฉลองวันเกิดของกู้เสี่ยวอี้ด้วยกัน ตั้งแต่วันนี้กู้เสี่ยวอี้จะมีอายุห้าขวบเต็มแล้ว

เมื่อเห็นหน้าของน้องสาวแดงระเรื่อ กู้เสี่ยวหวานก็ไม่สามารถพูดได้ว่านางมีความสุขแค่ไหน

และตอนนี้ได้รู้ว่าน้องสาวก็มีพรสวรรรค์เช่นกันจึงยิ่งมีความสุขมากขึ้นไปอีก เรื่องนี้ยังมีกู้หนิงอันที่ยังไม่รู้ รอให้ถึงตอนกลางคืนแล้วนางค่อยเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง

หลังจากรับประทานอาหาร สวีเฉิงเจ๋อก็ขึ้นรถม้ากลับไป กู้หนิงผิงรับหน้าที่ล้างจานในครัว กู้เสี่ยวหวานกับกู้หนิงอันไปตักน้ำที่แม่น้ำ

“หนิงอัน ข้าส่งเสี่ยวอี้ไปเรียนปักผ้าที่ร้านขายผ้าจี๋เสียง นางมีพรสวรรค์ในด้านนี้ นอกจากนี้ร้านจิ่นฝูยังเชิญข้าให้เป็นคนทำบัญชีที่ร้านสองครั้งต่อสัปดาห์ ด้วยเงินเดือนแปดตำลึงเงิน”

กู้หนิงอันไม่คิดว่าที่เขาไม่กลับบ้านเพราะต้องทำการบ้านในช่วงเวลานี้ ที่บ้านจะมีเรื่องน่ายินดีเช่นนี้ มันทำให้เขามีความสุขมาก “เยี่ยมมากเลยท่านพี่!”

เมื่อครั้งที่แล้วเรื่องที่กู้เสี่ยวหวานไปร้านจิ่นฝูเพื่อคำนวณบัญชีให้หลี่ฝาน กู้หนิงอันก็รู้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลเลยว่าพี่สาวของเขาจะทำไม่ได้

เมื่อพวกเขากลับถึงบ้าน เด็กทั้งสี่ก็มารวมตัวกันในห้อง

กู้เสี่ยวหวานหยิบถุงผ้าออกมาจากมุมของตู้อย่างจริงจัง ของสิ่งนี้นางไม่แม้แต่จะนำออกมาให้น้อง ๆ ของนางดู แต่คราวนี้ทุกคนอยู่ที่นี่แล้ว นางจึงหยิบมันออกมาและแบ่งปันกับทุกคน

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานหยิบบางอย่างออกมาด้วยท่าทางจริงจัง จากนั้นจึงเปิดผ้าไปด้านซ้ายสามรอบและเปิดผ้าไปด้านขวาอีกสามรอบ กู้เสี่ยวอี้จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ท่านพี่ ข้างในคืออะไรหรือเจ้าคะ?”

เด็กชายทั้งสองก็ดูอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน

ในที่สุด กู้เสี่ยวหวานก็เปิดถึงชั้นสุดท้ายและ ‘โฉนดทางการ’ ก็ปรากฏขึ้น

กู้หนิงอันเหลือบมองไปที่มันและชี้ไปที่แผ่นกระดาษอย่างตื่นเต้น สำลักน้ำลายเล็กน้อย “ท่านพี่ นี่คือที่ดินของครอบครัวของเราจริง ๆ หรือขอรับ?”

แม้ว่าชื่อของกู้เสี่ยวหวานจะถูกเขียนไว้ในโฉนดอย่างเป็นทางการแล้ว แต่กู้หนิงอันก็ยังไม่อยากเชื่อ และรู้สึกตื่นเต้นมาก

“ท่านพี่ นี่คืออะไรหรือ?” กู้หนิงผิงที่ไม่รู้หนังสือมากมาย แต่เขาก็เห็นได้ว่ามีชื่อกู้เสี่ยวหวาน และตราประทับอย่างเป็นทางการสีแดง เมื่อเห็นท่าทางที่ตื่นเต้นของพี่ชาย เขาก็รู้โดยสัญชาตญาณว่านี่จะต้องเป็นของดี จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้น

“นี่คือโฉนดที่ดินของครอบครัวเรา!” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างจริงจัง

“โฉนดที่ดิน? โฉนดที่ดินอะไรกัน?”

“นี่คือโฉนดที่ทางการออกให้กับครอบครัวของเรา มันเขียนว่ามีที่ดินห้าสิบหมู่นอกเมืองหลิวเจียเป็นของครอบครัวเรา” กู้หนิงอันชี้ไปที่คำในโฉนดทางการ และอธิบายให้กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ฟัง

เมื่อกู้หนิงผิงได้ยินเรื่องนี้ก็ตะลึงเล็กน้อย เขามองไปที่กู้หนิงอันอย่างไม่เชื่อและมองไปที่โฉนดทางการบนเตียง “ว่าอย่างไรนะขอรับ? ที่ดินห้าสิบหมู่? ของครอบครัวเรา?”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ใช่แล้ว เป็นของครอบครัวเรา ข้านำเงินที่ได้จากการขายเห็ดตี้มู่ไปซื้อที่ดินห้าสิบหมู่ เช่นนี้ครอบครัวของเราก็มีที่นาแล้ว พวกเรายังเด็กและไม่สามารถจัดการได้ ดังนั้นข้าจึงให้นายหน้าค้าที่ดินดูว่ามีผู้เช่าคนใดบ้างที่ต้องการเช่าที่ดิน และเมื่อไม่กี่วันก่อนป้าจางบอกข้าว่าญาติห่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในเมืองหลิวเจียต้องการจะเช่าที่ดิน”

“นี่มันดีมาก!” กู้หนิงผิงกล่าว ความตื่นเต้นของเขามากล้นจนเกินบรรยาย

“ท่านพี่ ครอบครัวของเราจะเก็บค่าเช่าได้ในอนาคต” กู้เสี่ยวอี้ปรบมือน้อย ๆ ของนาง ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ แลดูมีความสุขยิ่งนัก

“ใช่แล้ว ข้าวางแผนไว้ว่าจะทำอย่างนั้น และข้าก็เก็บเงินไว้บ้างแล้ว ถ้าที่ดินของเรามีคนเช่าไป เราก็จะเก็บเงินจากพวกเขา ถ้าพวกเขาไม่มีเงิน เราก็จะเก็บเป็นผลผลิตแทน แล้วถ้าพวกเราไม่กินของเหล่านั้น เราก็สามารถนำไปขายได้”

หลังจากนี้ครอบครัวจะไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารอีกต่อไป ที่ดินตรงนั้นมีเยอะมาก พวกเราทั้งสี่คนคงไม่อดตายแล้ว กู้เสี่ยวหวานมีความสุขมาก