ตอนที่ 235.2

Great Doctor Ling Ran

ศูนย์เวชศาสตร์การกีฬาและศัลยกรรมกระดูกและข้อไม่ได้อยู่ในสภาพดังกล่าวสำหรับหลิงรัน เพื่อรับผู้ป่วยที่ไม่แวะพัก ลืมคนไข้จากเขตและเมืองใกล้เคียงแม้แต่คนท้องถิ่นจากเซี่ยงไฮ้ก็ไม่จำเป็นต้องมาหาพวกเขา ดังนั้นหากพวกเขาไม่สามารถรับผู้ป่วยด้วยนิ้วที่ขาดได้ พวกเขาจะได้รับผู้ป่วยที่มีนิ้วเท้าขาด แม้ว่ามันจะง่ายต่อการปลูกถ่ายนิ้วเท้า แต่ก็ยังต้องใช้ประสบการณ์อีกมากมายที่จะทำมัน

ไม่กี่วันต่อมาเมื่อจู้ตงอี้กลับมาจากเมืองหลวงแม้แต่เจียนเทียนยูก็พบว่าตัวเองไม่สามารถอดทนกับความขับข้องใจของเขาได้อีกต่อไป

“ ถ้าผู้อำนวยการกลับมาช้ากว่านี้สถาบันวิจัยอาจจะพังทลายไปแล้วก็ได้ ” ใบหน้าของเจียนเทียนดูเหี่ยวย่นเมื่อเขาเห็นจู้ตงยี่เพราะเขาต้องติดต่อหาผู้ป่วยมากเกินไป

จู้ตงอี้หัวเราะ “ คุณคงจะแย่น่าดูสินะใช่ไหม?”

“ เราพึงเพิ่มเตียงเป็นสี่สิบเตียง ” เจียนเทียนยูจ้องมองไปที่ท้องฟ้า “ คุณเชื่อหรือไม่”

คิ้วของจู้ตงอี้กระตุกขึ้นเมื่อเขาได้ยินอย่างงั้น “ หมอคนอื่นล่ะ -”

“ หมอคนอื่นล้วนเป็นปกติ” เจียนเทียนยูยิ้มอย่างขมขื่น “ ถ้าเราไม่ให้เขาผ่าตัดเขาจะกลับหยุนหัวทันที่ แต่เมื่อเราให้ผู้ป่วยแก่เขา เขาก็ผ่าตัดเสร็จเร็วมาก ”

เจียนเทียนยู มีคำพูดมากมายจริง ๆ แต่พวกเขาไม่ได้พูดไปทั้งหมด ท้ายที่สุดหลิงรันก็ทำการผ่าตัดในศูนย์เวชศาสตร์การกีฬาและกระดูกและข้อ ดังนั้นค่าผ่าตัดจากผู้ป่วยและชื่อเสียงที่ได้รับจากการผ่าตัดก็จะเป็นของศูนย์เวชศาสตร์การกีฬาและกระดูกและข้อ

แม้ว่าเจียนเทียนยู จะหงุดหงิด แต่เขาก็มีผู้ป่วยเพียงพอสำหรับหลิงรันอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตามปัญหาหลักคือความจริงที่ว่าหลิงรันมีวิธีการผ่าตัดมากเกินไป เขาทำการผ่าตัดไปแล้วประมาณหนึ่งร้อยครั้ง แต่ไม่มีผู้ป่วยรายใดที่ทางโรงพยาบาลอนุมัติให้กลับบ้านได้เลย หากหลิวเหว่ยยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลผู้ป่วยรายอื่นที่ได้รับการผ่าตัดในภายหลังก็จะไม่ได้ออกเช่นกัน

“ ฉันเชื่อว่านักกีฬาสี่คนในครั้งนี้ จะขอให้หลิงรันผ่าตัดพกวเขา เพื่อการผ่าตัดควรเตรียมการบางอย่างจากนั้น เขาจะไม่มีเวลาสำหรับสิ่งอื่น ๆ นั่นไม่น่าจะเป็นปัญหาใช่มั้ย” จู้ตงอี้ก็ไม่ได้มีอำนาจทุกอย่างดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีความหวังในการโน้มน้าวให้หลิงรันอยู่ต่อไป

เจียนเทียนยูถอนหายใจและตกลง “ หลิงรันจะไม่คัดค้านการผ่าตัด เราใช้แผน A สำหรับการรักษาเอ็นร้อยหวายใช่ไหมครับ?”

“แน่นอน . เมื่อจู้ตงอี้พูดถึงเรื่องนี้ดวงตาทั้งสองของเขาก็เปล่งประกาย ในขณะนั้นเขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า“ โทรหาหลิงรันแล้วถามเขาว่าเขาจะต้องเตรียมตัวนานแค่ไหน ฉันจะพยายามจัดหาผู้ป่วยมาให้โดยเร็วที่สุด ”

“ เอาล่ะผมจะจัดเรียงเวลาสำหรับการรับผู้ป่วยรายอื่นด้วย” เจียนเทียนยูกล่าวและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

ภายในครึ่งนาที เจียนเทียนยูก็ขมวดคิ้วแล้วเอามือถือออกมา

“ เขาพูดว่าอะไร?” จู้ตงอี้อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับการแสดงออกของเจียนเทียนยู

“ เขาบอกว่าคืนนี้” เจียนเทียนยูกล่าว

“ อย่างงั้นเราก็ทำในคืนนี้สินะ ถ้าฉันเป็นเจ้าของร้านฉันคงคิดว่าหมอหลิงเป็นคนตะกละที่กินไม่เลือกเวลาขนาดนี้? จูตงยี้ หัวเราะ

คืนนั้น ซูฟางติดตามโค้ชของเธอไปที่ศูนย์ศัลยกรรมกระดูกและเวชศาสตร์การกีฬา พวกเขาเป็นคนแรกในบรรดานักกีฬาสี่คนที่ไปถึงสถาบันวิจัย

ซู่ฟางเป็นนักขว้างจักรจากทีมปักกิ่ง เธออายุ 35 ปี สูง 74 ฟุตและหนัก 88 ปอนด์ มือของเธอหยาบกระด้างและแขนของเธอมีกล้าม เธอไม่เคยนั้งเก้าอี้รถเข็นมาก่อนและตอนนี้แม้ว่าเธอจะต้องใช้มันเธอก็ไม่เคยเข้าและออกจากรถเข็นด้วยขาของเธอ เธอสามารถนั่งรถเข็นคนเดียวด้วยแขนของเธอและเธอก็ทำเช่นเดียวกันเมื่อเธอลงจากรถ

เมื่อหลิงรันเห็นเธอหลังจากซู่ฟางเสร็จสิ้นการตรวจร่างกายครบชุดและมีอาหารจำนวนมากอยู่ข้างหน้าเธอ

“พุทโธ่! คุณต้องทำการผ่าตัด มันทำให้ตอนนี้คุณไม่สามารถกินอะไรได้เลย ” หมอลู่ได้ติดตามหลิงรันสำหรับเดินตรวจรอบวอร์ด เมื่อเขาเห็นอาหารเหล่านั้นเขาก็ประหม่า

“ ฉันไม่ได้คิดจะกินมันสักหน่อย โค้ชของฉันตั้งหากที่จะกินมัน” ซู่ฟางสวมลุคไร้เดียงสาแล้วเธอก็พูดว่า“ ฉันแค่ดมมันเท่านั้นแหละ ”

โค้ชของเธอดูเหมือนชายในวัยสี่สิบ เขาไอเล็กน้อยด้วยความเขินอายและพูดว่า “ฉันกำลังวางแผนที่จะไปหาอะไรกินข้างน้อง เธอยังเด็กมาก และฉันหิวจริง ๆ และเธอยืนยันว่าเธอจะดูฉันกินอยู่ตรงนี้ ”

เขาซิ่วฟางกล่าวว่า“ ฉันทรมานจากความอดอยากมาตั้งแต่ยังเด็กดังนั้นฉันจึงกลัวความอดอยาก ”

เมื่อหมอลู่สังเกตว่าเวลาที่เธอจ้องไก่สับนั้นนานกว่าเวลาที่เธอจ้องมองหลิงรันเขาเชื่อในคำพูดของเธอ

“ เอาล่ะ โชคดีที่เธอไม่ได้กินมัน ” หมอลู่ ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและดำเนินการอย่างรวดเร็วด้วยการให้คำแนะนำ “ ต่อมานักวิชาการจู้ตงยี่ซึ่งคุณเคยพบมาก่อนหน้านี้จะเข้าร่วมการผ่าตัดของคุณด้วย ขณะนี้เขากำลังเตรียมการ หัวหน้าศัลยแพทย์คือหมอหลิงรัน ผู้ช่วยคนแรกคือหัวหน้าแพทย์เจียนเทียนยู และผมจะเป็นผู้ช่วยคนที่สอง ผมชื่อหมอลู่ ”

ซู่ฟางจ้องมองที่พวกเขาทีละคนและเธอเลือกที่จะมุ่งเน้นไปที่ใบหน้าของเจียนเทียนยูในที่สุดเพราะเขาดูอาวุโสที่สุดและดูเหมือนว่าน่าจะดูรับผิดชอบได้มากที่สุด จากนั้นเธอก็ถามว่า“ ขอโทษค่ะหมอเมื่อฉันอยู่ที่ปักกิ่งนักวิชาการจู้บอกฉันว่าเราไม่ต้องใช้เงินในการผ่าตัดในโรงพยาบาลของคุณใช่มั้ย?”

“ฮะ? อืม…” เจียนเทียนยูลังเลสักครู่ก่อนที่เขาจะพูดว่า“ ถ้านักวิชาการจู้พูดอย่างนั้นจริง ๆ ก็ต้องตกลงตามนั้น ”

เขาซู่ฟางโล่งใจแล้วเธอก็พูดว่า“ นั่นเยี่ยมมาก ในกรณีนี้คุณสามารถตรวจอาการบาดเจ็บอื่น ๆ ของฉันด้วยหรือไม่”

“ บาดเจ็บอื่น ๆ อยู่ที่ไหน”

“ ฉันรู้สึกไม่สบายที่คอตลอดเวลา หมอบอกว่าเป็นฉันมีปัญหากับกระดูกต้นขอ … ”

“ ‘งะเนฉันขอดูที่คอของคุณหน่อย” หลิงรันหยิบเจลทำความสะอาดมือขึ้นมา จากนั้นเขาก็ทาเจลทำความสะอาดมือและใช้ผ้าเช็ดตัวสะอาดเช๊ดไปที่คอของซู่ฟาง

ในฐานะหมอที่เคยทำการนวดมากกว่าหนึ่งพันคน หลองรันระบุทันทีว่าคุณลักษณะที่เป็นจำเพาะของอาการที่ซู่ฟางเป็น เมื่อเขาเริ่มทำการนวดเธอ

ก่อนอื่นคอของเธอนั้นหนา ประการที่สองเธอเป็นคนมีกล้ามเนื้อ

หลิงรันรู้สึกอยากรู้อยากเห็น “ คุณจำเป็นต้องฝึกคอของคุณเช่นกันใช่ไหมสำหรับขว้างจักร?”

“ ฉันแค่ฝึกมันเพื่อความสนุก อา…ใช่นั่นคือจุดนั้นแหละ…”

สามนาทีต่อมาซู่ฟางมองหลิงรันราวกับว่าเธอกำลังมองดูพระเจ้า เธออดไม่ได้ที่จะพูดอย่างจริงใจ“ หมอหลิงคุณต้องรักษาเอ็นร้อยหวายของฉันนะ ”

“แน่นอน . ”

“ ฉันต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเกมระดับชาติในปีหน้า ”

“ ได้ ”

“ ถ้าฉันไม่ได้เหรียญใด ๆ ฉันจะต้องลาออกจากนักกีฬา ” ซู่ฟางหันกลับมาอย่างรวดเร็วและใช้สายตาจ้องมองเธอมองไปที่หลิงรัน “ ฉันเริ่มฝึกขว้างจักรเมื่อตอนอายุสิบสาม ฉันยังไม่ได้รับรางวัลเหรียญในการแข่งขันระดับชาติใด ๆ . และฉันต้องเลิกเล่นมัน…ฉันไม่ต้องการเลิกเล่นมัน ฉันไม่ต้องการกลับไปที่บ้านเกิดของฉัน … ตอนนี้ฉันแก่แล้วและฉันเลยวัยที่จะมีคู่แล้ว ฉันชอบกินมากโดยเฉพาะเนื้อ … “เธอพูดด้วยเสียงสั่นเทา

นักกีฬาหญิงที่มีน้ำหนัก 88 ปอนด์ รู้สึกเสียใจอย่างมาก และผู้ชายในห้องก็เห็นใจเธอเป็นอย่างมาก

โค้ชดึงไก่ออกไปอย่างช้าๆ จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงและพูดว่า“ เมื่ออายุของเธอไม่ใช่สาวแล้ว เธอจะต้องได้เหรียญรางวัลระดับชาติไม่งั้นเธอจะต้องลาออกจากทีม อืม…พวกคุณไม่ต้องกังวลมากไปนะ ตราบใดที่คุณทำให้การผ่าตัดประสบความสำเร็จเราจะกลับมาฝึกได้เช่นเดิม … ”

คำสองสามคำสุดท้ายมีไว้สำหรับซู่ฟาง

กระนั้นซู่ฟางก็ร้องไห้และใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยน้ำตา เธอเช็ดน้ำตาเช็ดหน้าก่อนที่จะพูดว่า “การฟื้นฟูจะใช้เวลาแปดเดือน แม้หลังจากที่ฉันหายฉันก็ยังไม่สามารถออกแรงมากๆได้ ฉันต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งปีกว่าจะฟื้นตัว ฉันจะฝึกได้อย่างไร ทำไมฉันไม่ลาออกจากทีมก่อนหน้านี้เพื่อประหยัดเงินไปส่ะ…”

“ เธอกำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไร? หากเธอออกจากทีมและกลับบ้านเธอจะไปทำไร่ในขณะที่รอการฟื้นฟูอาการอยู่ได้ยังงั้นหรอ? หรือเธอต้องการเป็นคนพิการไปตลอดชีวิตของเธอหรือไง?”

“ ไม่เป็นไรถ้าฉันกลายเป็นคนพิการฉัน – ฉันจะตัดขานี้ออกเพื่อที่ฉันจะได้ไปแข่งขันในเกมพาราลิมปิก ”

“ เรื่องไร้สาระใด ๆที่เธอพูดมา และฉันจะเรียกพ่อของเธอ” โค้ชพูดอย่างโหดเหี้ยม

“ ได้โปรดอย่า…” เขาซู่ฟางก็เงียบทันที

“ เมื่อใช้แผนของเราคุณอาจต้องใช้เวลาสี่เดือนในการฟื้นฟู จะมีโอกาสให้คุณได้เล่นในเกมระดับชาติ “หลิงรันยกคางขึ้นมาแล้วพูดว่า” เอ็นร้อยหวายของคุณยังไม่ฉีกมากและความเสียหายนั้นไม่ร้ายแรงมาก พักผ่อนให้ดีก่อน หากไม่มีปัญหาใด ๆ เราจะทำการผ่าตัดในเช้าวันรุ่งขึ้น ”