มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 324 กุญแจ

“มาเชิญฉันเหรอ” มู่เซิ่งขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าเหมียวหงอวี่มีแผนการอะไร

“ใช่”

เหมียวหงอวี่พยักหน้าหงึกๆ “เราออกทะเลครั้งนี้ก็เพราะสถานที่แห่งหนึ่งที่มีสมบัติซ่อนอยู่ แต่เพื่อป้องกันสิ่งไม่คาดฝัน จึงอยากหายอดฝีมือเก่งๆ ร่วมเดินทางไปด้วย ฉันอยากชวนนายมาเป็นสมาชิกในทีมเรา ถึงไม่เจอสิ่งไม่คาดฝัน ฉันก็จะจ่ายค่าตอบแทนให้นาย ถ้าเจอเรื่องไม่คาดฝันอะไร ค่าตอบแทนจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว”

มู่เซิ่งส่ายหน้า ไอ้หมอนี่จะให้เขาไปเป็นคนคุ้มกันให้

เขามาบนเรือสำราญ มีหลายเรื่องที่ต้องทำ นอกจากหาสมุนไพรแล้ว ยังต้องปราบปรามเรื่องโจรสลัดให้สงบลง ไม่มีเวลาไปคุ้มกันให้หรอก ยิ่งไปกว่านั้นเงินแค่นั้นของเหมียวหงอวี่ในสายตาเขา ไม่สำคัญอะไรเลยสักนิด

แต่เหยาเผิงกลับรู้สึกแปลกใจ จึงถามว่า “สมบัติเหรอ สมบัติอะไร นายเอาออกมาฉันดูสิ”

“ไม่ได้ ถ้าพวกนายไม่เข้าร่วม เราไม่เอาแผนที่สมบัติออกมาให้พวกนายดูฟรีๆ หรอก” เหมียวหงอวี่ส่ายหน้าเหมือนกลองป๋องแป๋ง หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งก็พูดขึ้นมาอีกว่า “แต่ถ้าพวกนายยอมเดินทางไปด้วย คุ้มครองความปลอดภัยของฉัน ฉันยอมจ่ายค่าตอบแทนให้คนละห้าล้าน!”

ดูท่าทางของเหมียวหงอวี่ มู่เซิ่งมั่นใจว่าเรื่องสมบัติไม่ใช่เรื่องโกหก

แต่หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย เขาก็ปฏิเสธอยู่ดี

แม้เขาค่อนข้างสนใจเรื่องสมบัติ แต่ไม่ชอบทำงานแทนคนอื่น ยิ่งไปกว่านั้นเขาเคยได้ยินว่าบนเกาะมีสัตว์ร้ายต่างๆ นานาโผล่ออกมา พละกำลังมหาศาล แม้กระทั่งนักเสวียนยังหวาดกลัวเลย มู่เซิ่งไม่อยากมีปัญหาใหม่แทรกเข้ามาตอนนี้

“พวกนายกลับไปเถอะ” มู่เซิ่งส่ายหน้าแล้วเอ่ยขึ้น

“ถ้านายไม่พอใจ ฉันเพิ่มให้เป็นหกล้านก็ได้ นี่เป็นราคาสูงสุดแล้ว” เหมียวหงอวี่รีบเพิ่มเงินให้ทันที

“ไม่ใช่เรื่องเงิน ฉันไม่มีเวลา ขอโทษด้วย” มู่เซิ่งส่ายหน้าปฏิเสธเหมือนเดิม

หลิวต้าเลี่ยงอึ้งอย่างต่อเนื่อง เขาไม่แน่ใจแล้วว่าเหมียวหงอวี่จะชวนมู่เซิ่งจริงๆ หรือจงใจแสดงละครตบตามู่เซิ่งกันแน่ ดังนั้นตอนนี้เขาจึงไม่กล้าพูดแทรก ทำได้เพียงดูอย่างเงียบๆ อยู่ข้างๆ

“ลูกพี่ฉันปฏิเสธแล้ว นายจะดึงดันไปทำไม มาหาเรื่องหรือไง!” ตอนนี้เหยาเผิงเริ่มไล่แล้ว

เหมียวหงอวี่นึกย้อนถึงฝ่ามือที่มู่เซิ่งตบรูปปั้นทองแดงจนแตกแล้วขนลุก ไม่กล้าอยู่ต่อนาน “ในเมื่อนายไม่สนใจ งั้นเราไปก่อน แต่ถ้านายเปลี่ยนใจ มาหาเราได้ทุกเมื่อ”

“แต่มีอย่างหนึ่ง เราบอกเรื่องนี้กับพวกนาย หวังว่านายจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้ ไม่งั้นฉันไม่ปล่อยพวกนายไปง่ายๆ แน่นอน!”

เหมียวหงอวี่พูด จู่ๆ สีหน้าเขาแปรเปลี่ยนเป็นชั่วร้าย

เหยาเผิงเดินเข้ามาทันที ถามอย่างไม่ยอมอ่อนข้อว่า “นายขู่ลูกพี่ฉันเหรอ”

“ฉันแค่เตือนพวกนาย หวังว่าพวกนายจะไม่สร้างปัญหาใหม่ แม้นายมีความสามารถเก่งกาจ แต่พวกเราไม่กลัวนายหรอก!” เหมียวหงอวี่พูดจบ ก็จ้องมู่เซิ่งอย่างเคียดแค้นแล้วหันหลังเดินออกไป

หลิวต้าเลี่ยงไม่กล้าขู่มู่เซิ่งเหมือนเหมียวหงอวี่ แต่สีหน้าก็ไม่เป็นมิตร เดินตามหลังเหมียวหงอวี่ออกไป

หลังจากทั้งสองคนออกไป เหยาเผิงกดเสียงต่ำพูดว่า “ลูกพี่ พวกเขาสองคนกล้าขู่พี่ ผมว่าเจตนาไม่ดีแน่ๆ ผมรู้จักเหมียวหงอวี่ อำนาจตระกูลไม่ด้อยเลย จะให้……”

เหยาเผิงทำท่าเชือดคอ

“ปล่อยพวกเขาไปเถอะ” มู่เซิ่งส่ายหน้าพูดห้าม

ตระกูลที่อยู่เบื้องหลังเหมียวหงอวี่ เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ไม่มีค่าให้พูดถึงเลย ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่สนใจสมบัติ ไม่เบื่อจนเอาเรื่องนี้ไปพูดมั่วซั่วหรอก

“พี่หงอวี่ เมื่อกี้พี่ชวนพวกเขาจริงเหรอ”

หลังออกมาจากห้อง หลิวต้าเลี่ยงถอนหายใจยาว รู้สึกโชคดีที่รอดมาได้ จากนั้นจึงถามขึ้น

“ไร้สาระ นายคิดว่าสมองฉันมีปัญหา ตั้งใจบอกเรื่องสมบัติกับพวกเขาเหรอ คิดไม่ถึงว่าไอ้หมอนี่ไม่รู้ดีชั่ว กล้าปฏิเสธคำชวนของฉัน!” เหมียวหงอวี่พูดเสียงเย็นชา โดนมู่เซิ่งปฏิเสธ ทำให้สีหน้าเขาไม่สู้ดีเท่าไร

“แต่……” หลิวต้าเลี่ยงสีหน้าสงสัย “แล้วพี่หงอวี่ชวนเขาทำไมล่ะ”

“ไอ้โง่ นายไม่เห็นหรือไง ไอ้หมอนั่นตบรูปปั้นทองแดงจนแตกด้วยฝ่ามือเดียว นี่มันพละกำลังของปรมาจารย์บู๊ชัดๆ ถึงไม่ใช่ปรมาจารย์บู๊ แต่ก็ห่างจากปรมาจารย์บู๊เพียงเล็กน้อยเท่านั้น นายกล้าหาเรื่องคนแบบนี้เหรอ” เหมียวหงอวี่ก่นด่าเสียงดัง

หลิวต้าเลี่ยงยิ้มแหย “พี่หงอวี่ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพละกำลังแท้จริงของเขาจะแข็งแกร่งขนาดนี้”

“หึ ครั้งนี้ช่างมันเถอะ คิดว่าจะเอายอดฝีมือคนนี้มาอยู่ในทีมเราได้ ถ้าเป็นแบบนี้ อย่างน้อยทีมเราก็มีปรมาจารย์บู๊สามคนแล้ว แต่น่าเสียดายที่ล้มเหลว” เหมียวหงอวี่ส่ายหน้าถอนหายใจ

หลังจากนั้นเขาถลึงตาใส่หลิวต้าเลี่ยงแล้วตำหนิว่า “ตั้งแต่วันนี้ไป นายอยู่แต่ในห้องพิจารณาถึงความผิดของตัวเอง ถ้าไม่ถึงที่หมายห้ามออกมา จะได้ไม่สร้างปัญหาอีก”

“หา”

หลิวต้าเลี่ยงอ้าปากค้าง แต่เห็นสายตาตักเตือนของเหมียวหงอวี่ เขาทำได้เพียงจำใจพยักหน้า

ประตูห้องนี้โดนถีบจนพังแล้ว มู่เซิ่งอยู่ไม่ได้แน่นอน เหยาเผิงเปลี่ยนห้องให้มู่เซิ่งแล้วออกไป เหลือแค่มู่เซิ่งที่นั่งอยู่บนเตียง

ในกระเป๋ากางเกงของเขามีชิ้นส่วนทองแดงขนาดประมาณกำปั้นปูดขึ้นมา

บนชิ้นส่วนทองแดงนี้ อักษรตัวใหญ่ดิ้นทอง ฝังเฉเฉียงเอียงเอนเป็นแถว ดูเป็นตัวอักษรที่ลึกลับมาก มู่เซิ่งอ่านไม่ออกว่าคืออะไร แต่มีอย่างหนึ่งที่ดูออกคือตัวอักษรขนาดใหญ่ดิ้นทองอันนี้ เหมือนกับตัวอักษรขนาดใหญ่ดิ้นทองที่เคยเห็นก่อนหน้านี้

“ชิ้นส่วนทองแดงนี่คืออะไรกันแน่” มู่เซิ่งมองชิ้นส่วนทองแดงในมืออย่างละเอียด จากนั้นเขาใช้แรงเบาๆ ชิ้นส่วนทองแดงด้านบนร่วงลงมาเหมือนเศษโคลน เผยให้เห็นรูปร่างภายใน

กุญแจหนึ่งดอก

อีกทั้งยังเป็นกุญแจที่รูปร่างประหลาด อักษรดิ้นทองที่อยู่ข้างบนเศษทองแดง จริงๆ แล้วเขียนอยู่บนส่วนที่โผล่ขึ้นมาของกุญแจ

“กุญแจเหรอ”

มู่เซิ่งมองตัวอักษรเหล่านี้ สีดิ้นทองคล้ายชิ้นส่วนทองแดงมาก ถ้าไม่สังเกตดูดีๆ เขาคงไม่เห็นสัญลักษณ์จริงของอักษรเหล่านี้

แม้เขาไม่รู้จักสัญลักษณ์เหล่านี้ แต่รู้สึกคุ้นเคยมาก เหมือนเคยเห็นจากของชิ้นไหนมาก่อน

“ใช่แล้ว หนังสือ!” มู่เซิ่งตบหัวทันที เขานึกออกแล้ว หนังสือที่เคยพาเขาเข้าไปอีกมิติ ตัวอักษรข้างบนเหมือนกันมาก ถึงขนาดที่ว่าเหมือนมันกลับหัวกลับหางอยู่

คิดได้ดังนั้น เขารีบเอาหนังสือจากกระเป๋าสะพายมาเทียบกับกุญแจดอกนี้ ทว่าเมื่อเขาเอากุญแจวางลงบนหนังสือ จู่ๆ มีแสงสีทองสว่างจ้าขึ้นมา

ตอนนี้มู่เซิ่งรู้สึกว่าในหัวเกิดความปั่นป่วน หลังจากนั้นเขาก็หายตัวไปจากห้องนี้