ตอนที่ 284 ตัดฟืนเผาถ่านที่หลังเขา
หลินเว่ยเว่ยยังขึ้นเขาอีกรอบ นางแบกต้นโอ๊กออกมาอีกหลายต้น ต้นโอ๊กทุกต้นล้วนถูกปลูกไว้ที่เนินเขาหลังบ้าน เมื่อลองนับดูแล้วการลงแรงในช่วงหลายวันนี้พวกนางได้ปลูกไปกว่า 50 ต้น
“ปิดงาน ! ” หลินเว่ยเว่ยมองผลงานชิ้นเอกของทุกคนด้วยความพึงพอใจ หนอนไหมที่เลี้ยงในปีหน้าเป็นปีแรกไม่จำเป็นต้องมีตัวใหญ่มาก ต้นไม้พวกนี้ก็น่าจะพอแล้ว ต่อไปถ้าอยากขยับขยายก็สามารถใช้วิธีตอนกิ่งเพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตได้
ในตอนเย็น ผู้ใหญ่บ้านก็มาเยือนพร้อมโฉนดที่ดินของเนินเขาด้านหลัง เขาเดินทางเข้าเขตเริ่นอันเพื่อจัดการเรื่องนี้ทั้งวัน ! ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านมอบโฉนดให้หลินเว่ยเว่ย เขาก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่าเหตุใดนางจึงซื้อเนินเขาอันแห้งแล้งเหล่านี้ ? หรือนางจะเอาไว้ใช้เลี้ยงกระต่ายในอนาคต ?
หลินเว่ยเว่ยรับโฉนดมาถือไว้แล้วยัดใส่มือพี่สาวคนโต จากนั้นก็รั้งผู้ใหญ่บ้านให้อยู่รับประทานอาหารเย็นร่วมกัน เขาทำงานให้บ้านนางทั้งวัน อย่างไรก็จะปล่อยให้กลับบ้านไปแบบท้องว่างไม่ได้
หลินเว่ยเว่ยยังเชิญหมอเหลียงมาร่วมวงดื่มสุรากับผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหนูน้อยเป็นคนวิ่งออกไปตาม เขาจึงเรียกวังตงเฉียงและหลานชายคนโตของหมอเหลียงมาด้วย
หลานชายคนโตของหมอเหลียงอายุมากกว่าเจ้าหนูน้อย 1 ปี เป็นเด็กผู้ชายที่เรียบร้อยคนหนึ่ง ในเวลาปกติเรียนวิชาแพทย์จากท่านปู่ ตอนนี้เขาจึงสามารถจดจำสมุนไพรได้จำนวนมากและคุ้นเคยกับสรรพคุณของตัวยา ถือเป็นเด็กที่ฉลาดมาก
ส่วนผู้ชายในบ้าน…เจียงโม่หาน หลินจื่อเหยียนและเผิงหยูเหยี่ยนก็มาร่วมดื่มและรับประทานอาหารกับพวกผู้ใหญ่วัง ส่วนเด็กและผู้หญิงที่เหลือก็รับประทานอาหารกันอยู่ในบ้าน เมื่อมีเด็กสองคนมาเพิ่ม มื้ออาหารก็มีสีสันขึ้นทันใด
หลานชายของหมอเหลียงเป็นเด็กเงียบๆ แต่ก็ไม่อาจต้านทานความร่าเริงของเจ้าหนูน้อยและวังตงเฉียงได้ บนโต๊ะอาหารจึงเต็มไปด้วยภาษาเด็กของพวกเขา ทุกคนจึงรับประทานอาหารกันอย่างมีความสุข
หลังจากปลูกต้นโอ๊กเสร็จแล้วหลินเว่ยเว่ยก็เดินทางไปยังหมู่บ้านต้าฝางจวงอีกหลายครั้งเพื่อจัดการกับหมูป่าในหุบเขาทั้งหมด ! ส่วนลูกหมาป่าที่จับมาได้ นางก็ขังไว้ในเล้าไม้ข้างแปลงนาของมิติน้ำพุวิญญาณ
ตอนนี้ในมิติน้ำพุวิญญาณมีต้นท้อ ต้นแอปเปิล ต้นสาลี่ป่าและเถาองุ่นป่า เมื่อนับรวมกันแล้วพวกมันมีหลายสิบต้น แม้แต่ต้นเจิน ต้นสนแดง ต้นโอ๊กก็มีปลูกไว้บ้างจนมุมหนึ่งในมิติน้ำพุวิญญาณกลายเป็นป่าผืนเล็ก
ข้างผืนป่าเป็นทุ่งหญ้าซึ่งเลี้ยงสัตว์ที่กินพืชเช่นกวางดาว กวางโร กระต่ายป่า ไก่ป่าและสัตว์อื่น ๆ ในมิติน้ำพุวิญญาณสัตว์พวกนี้ไม่มีศัตรูตามธรรมชาติ พวกมันจึงแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็วโดยเฉพาะกระต่ายป่าและไก่ป่าจะถูกจับไปทุกระยะเพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันมีเยอะจนเสียสมดุล
น้ำแร่วิญญาณเล็กๆ สายหนึ่งกลายเป็นเส้นแบ่งระหว่างผืนนาและทุ่งหญ้า สัตว์ในมิติน้ำพุวิญญาณล้วนมีสติปัญญา พวกมันไม่เคยข้ามมาทำลายพืชผล ในเวลานี้แปลงนาถูกปลูกข้าวสาลีครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งยังเป็นข้าวโพด หลินเว่ยเว่ยยังบุกเบิกแปลงนาอีกประมาณ 7-8 ส่วนเพื่อปลูกข้าว พอทำเช่นนี้แล้ววันหน้านางก็จะสามารถกินข้าวที่ปลูกเองในมิติน้ำพุวิญญาณได้ !
ตอนนี้แป้งสาลีและแป้งข้าวโพดที่บ้านตระกูลหลินใช้ประกอบอาหารล้วนมาจากผลผลิตที่หลินเว่ยเว่ยแอบนำออกมาจากมิติน้ำพุวิญญาณ เวลารับประทานรสชาติจะดีเป็นพิเศษ ดีกว่าแป้งชั้นหนึ่งของร้านขายธัญพืชเสียอีก นอกจากนี้ยังดีต่อสุขภาพมาก
แค่มองการเปลี่ยนแปลงของเผิงหยูเหยี่ยนก็รู้แล้ว ! ตอนที่เขาเพิ่งมาถึง ร่างกายดูอวบใหญ่ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเต็มไปด้วยไขมัน เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็หอบหายใจ หลังกินอยู่กับบ้านตระกูลหลินได้ครึ่งเดือน ไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือจิตใจก็ดีขึ้นมากจนเห็นได้ชัด
เมื่อก่อนตอนเดิน เขามักจะรู้สึกหอบเหนื่อย แต่ในตอนนี้เขาสามารถเดินตามเจียงโม่หานไปถึงยอดเขาได้อย่างสบาย ร่างกายที่เคยอวบอ้วน น่ารักไร้เดียงสา ตอนนี้ผอมลงมาก โครงหน้าก็เห็นได้ชัดขึ้นและหล่อเหลาขึ้นไม่น้อย
ตัวหลินเว่ยเว่ยก็รู้สึกได้เหมือนกัน หลังกินข้าวที่มาจากมิติน้ำพุวิญญาณในช่วงหนึ่งเดือนกว่า ๆ มานี้ การทำงานด้านต่าง ๆ ของร่างกายดีขึ้นมาก แน่นอนว่ามันไม่เหมือนถ้อยคำที่กล่าวเกินจริงซึ่งเขียนไว้ในหนังสือเทพนิยาย เช่นล้างไขกระดูก ตัดกระดูก ถอดกระดูกเปลี่ยนเนื้ออะไรทำนองนั้น เนื่องจากการซ่อมแซมระบบทำงานของร่างกายเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างเชื่องช้า หากผ่านไปนานกว่านี้การเปลี่ยนแปลงจะมีให้เห็นอย่างชัดเจนแน่นอน
แม้มิติน้ำพุวิญญาณของนางจะไม่อลังการเหมือนของคนอื่นหรือสามารถเก็บผลผลิตได้หลังผ่านไปไม่กี่วัน แต่มันก็ไม่ได้มีฤดูหนาวที่เยือกเย็นจึงสามารถปลูกพืชผลได้ตลอดสี่ฤดูกาล ในปีหนึ่งจะปลูกพืชผลได้ประมาณ 3 ครั้ง ! กอปรกับผลผลิตที่สูงจากมิติน้ำพุวิญญาณแล้ว นอกจากบ้านพวกนางจะมีกินตลอดก็ยังมีเหลืออีกไม่น้อย !
ขณะมองข้าวสาลีเขียวขจีในทุ่งและต้นข้าวโพดสูงใหญ่ หลินเว่ยเว่ยก็รู้สึกสุขใจ แม้ไม่รู้ว่าภัยแล้งของโลกภายนอกจะจบลงเมื่อไร แต่อย่างน้อยการมีมิติน้ำพุวิญญาณอยู่ก็ทำให้นางมั่นใจว่าครอบครัวจะไม่หิวโหยในปีแห่งภัยแล้งเช่นนี้!
หลินเว่ยเว่ยเด็ดผลไม้ที่ดูไม่ดีเท่าไรลงมา หลังโยนใส่เล้าลูกหมูป่าที่อยู่ด้านข้างแล้วนางก็ออกมาจากห้วงมิติ หลังกำจัดหมูป่าในหุบเขาของหมู่บ้านต้าฝางจวงจนสะอาดหมดจดแล้ว นางก็ยังพาชาวต้าฝางจวงเข้าไปในหุบเขาสองสามครั้ง ต่อจากนี้ก็จะไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับนางอีก
ชาวบ้านต้าฝางจวงยุ่งกับการเก็บผักป่าและผลไม้ป่าเพื่อตุนอาหารไว้สำหรับฤดูหนาว ได้ยินว่าพวกเขายังพบพวกสมุนไพรป่าในหุบเขาด้วย หากนำมาบดก็สามารถทำให้อิ่มท้องได้และยังมีผลดีต่อสุขภาพ
ทว่าเพื่อสมุนไพรป่าเหล่านี้แล้ว พวกเขาถึงขั้นทะเลาะต่อยตีกัน ดูจากเรื่องนี้แล้ว อย่างไรชาวบ้านฉือหลี่โกวก็สามัคคีกว่ามาก แม้ว่าบางครอบครัวจะเห็นแก่ตัวไปบ้าง แต่ผู้ใหญ่บ้านก็ควบคุมได้ ภาพรวมจึงยังดูมีความสุข !
กลางเดือนสิบ อากาศก็เริ่มหนาวขึ้นเรื่อย ๆ เสื้อกันหนาวไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลอีกต่อไปเพราะโชคดีที่ทั้งสองบ้านได้เตรียมเสื้อกันหนาวหรือผ้านวมไว้ตั้งนานแล้ว เสื้อกันหนาวของหลินเว่ยเว่ยเป็นฝีมือนางเฝิง มันมีสีแดงเลือดหมู ตรงปกเสื้อและแขนเสื้อไม่เพียงปักด้วยดอกไม้อันงดงามแต่ยังเย็บขนกระต่ายสีขาวล้อมรอบไว้ด้วย เวลาใส่จึงดูทั้งน่ารักและสดใส ทว่ากระโปรงเข้าชุดที่อยู่ด้านล่างกลับทำให้นางรู้สึกไม่สะดวกสบายสักเท่าไร
ตัวนางในตอนนี้กำลังใส่เสื้อกันหนาวตัวเก่าของบัณฑิตน้อย…เพราะเวลาทำสกปรกแล้วก็ไม่ต้องปวดใจ เนื่องจากนางจะต้องเผาถ่านให้ทั้งสองบ้านมีพอใช้ก่อนฤดูหนาวจะมาเยือน
พื้นที่ว่างหลังเขามีคนมารายล้อมมากมาย มีทั้งพวกที่มาเพื่อช่วยงานและมาเรียนรู้เพิ่มประสบการณ์ เดิมทีหลินเว่ยเว่ยคิดจะทำแค่เตาเผาถ่านง่าย ๆ เท่านั้น แต่หลังจากเห็นคนทั้งหมู่บ้านอยากเรียนรู้วิธีเผาถ่าน นางก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา
ก่อนอื่นนางเลือกเนินเขาลูกหนึ่งเพื่อขุดเป็นอุโมงค์จนมีพื้นที่ใหญ่ประมาณบ้านหลังหนึ่ง ด้านบนยังมีช่องสำหรับระบายอากาศ ส่วนคนอื่นช่วยกันตัดฟืนมากองไว้ในอุโมงค์และจุดไฟจากพื้นด้านล่าง
ต่อจากนั้นทุกคนก็ถอยออกมาดูอยู่ด้านข้าง เริ่มแรกควันสีขาวลอยออกมาตามช่องเป็นจำนวนมาก น้ำที่อยู่ในเนื้อไม้ระเหยเป็นไอ หลังเผาไหม้ต่อไปเรื่อย ๆ ควันก็เริ่มกลายเป็นสีเทาเข้มแสดงให้เห็นว่าน้ำระเหยออกไปหมดแล้ว
หลินเว่ยเว่ยเริ่มใช้อิฐเพื่อปิดทางเข้าแล้วปิดทับให้สนิทอีกครั้งด้วยโคลน ช่องระบายอากาศด้านบนก็ถูกปิดเช่นกัน หลังปัดมือที่เปื้อนโคลนเสร็จแล้วนางก็พูดกับทุกคนพร้อมรอยยิ้ม “เรียบร้อย ! ความร้อนในเตาจะทำให้ไม้ที่เหลือกลายเป็นถ่าน ผ่านไปอีกไม่กี่วันก็สามารถเปิดเตาเพื่อเก็บถ่านมาใช้งานได้แล้ว ! ”
บุตรชายคนโตของผู้ใหญ่บ้านถามต่อทันที “กี่วันหรือ ? ”
หลินเว่ยเว่ยครุ่นคิด “ประมาณ 3 วัน ! ทำไมหรือ ? อาต้าจู้มีอันใดหรือไม่ ? ”
วังต้าจู้หัวเราะพลางกล่าวอย่างเขินอาย “มะ…มีบ้าง! นางหนูรอง เจ้ามีความคิดจะเผาถ่านเพื่อขายบ้างหรือไม่ ? ”