บทที่ 285 คืนนี้พี่จะพาเจ้าออกไป
บทที่ 285 คืนนี้พี่จะพาเจ้าออกไป
ยามที่เหยาเฉาได้ทราบข่าวนี้ เหยาซูก็หลับสนิทไปแล้ว
หลินเหราให้นางหนุนตักของตัวเองจนถึงตอนนี้ ฝ่ามือที่เคยจับดาบแน่นคู่นั้นได้กดจุดบนหน้าผากของนางอย่างแผ่วเบา พยายามทำให้นางหลับอย่างเต็มอิ่มที่สุด
เหยาเฉาผลักประตูเข้ามา พลางขานเรียกเสียงแผ่วเบา “อาเหรา”
มือที่กำลังเคลื่อนไหวของหลินเหราก็พลันหยุดชะงัก
เหยาเฉาในตอนนี้มีสีหน้าเคร่งขรึมลง นัยน์ตาแสนอบอุ่นคู่นั้นเหมือนเมฆครึ้มที่กำลังก่อตัวเป็นพายุฝนห่าใหญ่ และมันพร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ
เขากดเสียงต่ำ และพูดเสียงเคร่งขรึม “มันเกิดอะไรขึ้น? อาซูมาถึงเมืองหลวงตั้งแต่เช้ามืด ตกบ่ายดันเกิดเรื่องขึ้นในโรงเตี๊ยมอย่างนั้นหรือ?”
เหยาซูคงจะเหนื่อยมาก ประกอบกับเสียงที่เหยาเฉาตั้งใจกดให้เบาที่สุด ทำให้นางไม่รู้สึกตัว และยังคงหลับลึกเช่นเดิม
หลินเหราวางนางลงบนหมอนอย่างเบามือ แล้วส่งสัญญาณให้เหยาเฉาออกไปคุยกันข้างนอก
ท่าทางการนอนหลับของสามแม่ลูกช่างเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน เพียงแต่บนใบหน้าของเหยาซูยามไม่มีสีหน้าที่ดูสงบสุขเหมือนพวกเด็ก ๆ ก็มักมีสีหน้าเป็นกังวลจาง ๆ เสมอ
เหยาเฉามองไปทางน้องสาวและพวกเด็ก ๆ ด้วยสายตาลึกซึ้ง จากนั้นก็เร่งฝีเท้าตามหลินเหราออกไปจากห้อง
ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลง
ณ จวนเซี่ยอันใหญ่โต
แสงสีแดงยามอาทิตย์อัสดงได้ปรากฏบนเส้นขอบฟ้าอันไกลโพ้น
หลินเหรากำหมัดแน่น จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “วันนี้ข้าไปหาอาซูและลูก ๆ ที่โรงเตี๊ยม จึงรู้ข่าวว่าอาซือและซานเป่าถูกลักพาตัวไปยังศาลเจ้าหลักเมือง อีกฝ่ายทิ้งข้อความไว้ว่า ให้อาซูไปหาพวกเขาที่ศาลเจ้าเพียงลำพัง”
เหยาเฉาออกไปธุระข้างนอก กระทั่งได้ยินข่าวที่ลูกน้องบอกต่อ ๆ กันมา เมื่อนั้นสีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไป จากนั้นก็ตรงไปยังจวนเซี่ยทันที
โชคดีที่เมื่อกลับมาถึงก็ได้ทราบข่าวว่าเหยาซูพาเด็ก ๆ กลับมาถึงจวนอย่างปลอดภัยแล้ว จึงรู้สึกวางใจลงได้ในที่สุด
ใบหน้าขาวเนียนดุจหยกของเขาเผยสีหน้าเคร่งขรึม ก่อนจะเอ่ยถามหลินเหราด้วยเสียงเคร่งเครียด “อาซูไปที่นั่นคนเดียวหรือ?”
หลินเหราพยักหน้า นัยน์ตาสะท้อนความเจ็บปวดที่ไม่อาจสังเกตเห็นได้ง่ายออกมา
เหยาเฉานั้นไวต่อความรู้สึก และมีสายตาเฉียบคม “เกิดอะไรขึ้น?!”
หลินเหราไม่ได้ตื่นตระหนกกับเรื่องใดอีก ในห้วงความทรงจำได้ผุดภาพภายในศาลเจ้าหลักเมือง เนื้อตัวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิตของเหยาซู ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสับสน ล้วนแต่ทำให้เขาเจ็บปวดอยู่ในใจอย่างอดไม่ได้
สายตาของเขาสงบลงอย่างช้า ๆ จากนั้นก็พูดกับเหยาเฉาด้วยเสียงอันแผ่วเบา “อาซูนางช่างกล้าหาญ ก่อนหน้านั้นข้าเคยสอนนางว่าจะต้องรับมือศัตรูอย่างไรหากเจอกับอันตราย นางทำได้ดีมาก … นางใช้ปิ่นปักผมแทงคนชั่วที่คิดจะทำมิดีมิร้ายคนนั้นจนตาย”
เหยาเฉาหายใจอย่างเชื่องช้า และเงียบอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน
“อาซูนาง…มีร่างกายอ่อนแอมาตลอด แม้แต่ถังน้ำในบ้านที่ให้นางถือ… เมื่อครั้งวัยเยาว์ ข้อมือของนางบอบบางยิ่งกว่าลูกแมวเสียอีก…”
ขณะที่เหยาเฉาพูด นัยน์ตาของชายหนุ่มก็ได้ฉายแววเจ็บปวด ผสานกับความโกรธที่ปะทุออกมาอย่างเงียบ ๆ “ตอนนี้เจ้าสอนนางฆ่าคนแล้วหรือ?!”
หลินเหรามองดวงตาดอกท้อเรียวยาวของเหยาเฉาที่เหมือนกับเหยาซู พลางพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ถ้าข้าไม่สอนนาง และเจอกับเรื่องเช่นในวันนี้ นางจะทำอย่างไร?”
เหยาเฉากำหมัดแน่น พยายามกดเสียงให้เบาที่สุด แต่น้ำเสียงเอ่ยออกมากลับกระชั้นเร็วขึ้น “ข้ายกน้องสาวให้เจ้า ไม่ใช่ให้นางต้องแบกรับความหวาดกลัว! เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ ถ้าเรี่ยวแรงของอาซูไม่มากพอจะทำอย่างไร? ถ้าคนชั่วนั้นมันไม่ได้มีเพียงคนเดียวจะทำอย่างไร? เจ้าสอนนางต่อต้าน ถ้านางได้รับบาดเจ็บร้ายแรงกว่าเดิมเพราะเรื่องนี้ จะทำอย่างไร?!”
ในใจของหลินเหรา เห็นด้วยกับเหยาเฉาทั้งสิ้น
แต่เรื่องในวันนี้ทำให้เขาเห็นความเคร่งขรึม ความนิ่งสงบ และความเด็ดเดี่ยวที่ชวนให้หลงใหลในตัวของเหยาซู
เขาเงยหน้ามองเหยาเฉา จากนั้นก็เอ่ยกลับไป “อาซูกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวมากเช่นกัน”
เหยาเฉาได้ยินประโยคนี้ โทสะก็ปะทุขึ้นมาในทันที หมัดที่กำไว้แน่นได้สวนเข้าใบหน้าของหลินเหราอย่างไร้ปรานี ทำให้แก้มข้างซ้ายของเขาโดนพลังหมัดอัดใส่อย่างจัง
“ช่างกล้าหาญ ช่างเด็ดเดี่ยว! ถ้าเจ้าหวังจะให้น้องสาวของข้ายิงธนูฟันดาบสังหารศัตรูหน้าตาเฉยเหมือนกับเจ้าก็ถือโอกาสนี้หย่ากันเสีย! ข้าเฝ้าทะนุถนอมน้องสาวผู้นี้มาตั้งแต่เด็กจนโต ไม่ใช่ให้เจ้ามาดูถูกกันเช่นนี้!”
หลินเหราได้รับหมัดนี้เต็ม ๆ ไม่ใช่ไม่อาจหลบเลี่ยง เพียงแต่ไม่ยอมหลบ
ท่าทางของเหยาเฉาดูเหมือนจะอ่อนแอ แต่พลังหมัดกลับไม่น้อย
มุมปากของชายหนุ่มมีเลือดไหลซิบออกมา นัยน์ตายังคงนิ่งเฉยไม่ตื่นกลัว ได้แต่จ้องเขม็งเข้าไปในดวงตาของเหยาเฉา จากนั้นก็พูดอย่างหนักแน่นว่า “ข้ารักอาซู ข้าจะปกป้องนางด้วยชีวิตของข้า จะทะนุถนอมนาง ข้าไม่มีวันดูถูกนาง”
เหยาเฉาปล่อยหมัดออกไปอีกครั้ง คราวนี้อัดเข้าที่แก้มข้างขวาของหลินเหราอย่างหนักหน่วง “เจ้ารักนางหรือ? รักอย่างหนักแน่นเลยหรือ?! ให้นางและลูกเจอกับอันตรายเช่นนี้?!”
เช่นนี้มุมปากทั้งสองด้านของหลินเหราจึงมีเลือดไหลซิบออกมา เพิ่มความดุดันบนใบหน้าให้ดูคมชัดยิ่งกว่าเดิม
นัยน์ตาทั้งสองข้างของเหยาเฉากำลังเดือดพล่าน ตรงกันข้ามกับหลินเหราโดยสิ้นเชิง เมื่อไฟโทสะเข้าครอบงำก็เผยให้เห็นแววตาวาวโรจน์
เขากัดฟันกรอด “คืนนี้ข้าจะพาอาซูไป!”
หลินเหราขมวดคิ้วแน่น ทำร้ายเขาได้ ฆ่าเขาก็ย่อมได้ แต่จะพาอาซูจากไป…ไม่ได้เด็ดขาด!
ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “พี่รอง อาซูไม่มีวันไปกับพี่”
เหยาเฉาแสยะยิ้ม สะบัดจากพันธนาการของหลินเหรา “นางเป็นน้องสาวของข้า ไม่ไปกับข้า แล้วจะให้ไปกับใคร?”
หลินเหราปล่อยมือลงข้างลำตัว และยืนหยัดว่า “อาซูเป็นภรรยาของข้า และเป็นแม่ของลูก ๆ ของข้า ข้าจะปกป้องนางอย่างดีที่สุด”
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังทะเลาะกัน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากในห้อง
เหยาซูเดินออกมาด้วยผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง จากนั้นก็เอ่ยอย่างประหลาดใจ “พี่รอง? พวกท่านสองคนกำลังทำอะไรกัน?”
นางขยี้ตาเล็กน้อย กระทั่งเห็นบาดแผลบนใบหน้าของหลินเหราก็พลันตะลึงงัน
“เกิดอะไรขึ้น…” เหยาซูยังคงสะลึมสะลือ กระทั่งเดินมาตรงหน้าของหลินเหรา มองมุมปากที่แตกของเขา “ท่านและพี่รองทะเลาะกันหรือ?”
หลินเหราไม่เอ่ยสิ่งใด ปล่อยให้เหยาซูใช้ปลายนิ้วแตะบนบาดแผลของเขาอย่างแผ่วเบา
เหยาเฉาแสยะยิ้มอยู่ข้างกาย จากนั้นก็ออกคำสั่ง “อาซู ปล่อยมือเสีย! อย่าแตะต้องตัวเขา!”
เหยาซูดูโง่งมไปชั่วขณะ จากนั้นก็หันกลับไปมองเหยาเฉา น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเหนื่อยล้าและแหบแห้ง “พี่รอง อาเหราไปหาเรื่องอะไรพี่หรือ?”
เหยาเฉามองไปทางหลินเหราด้วยรอยยิ้มเย็นชา ก่อนจะพูดกับเหยาซูว่า “คนชั่วในวันนี้ พี่จะจัดการเอง! คืนนี้พี่จะพาเจ้าไป ไปจากคนที่ไม่รู้จักผิดชอบผู้นี้!”
ในใจของเหยาซูเดาว่าน่าจะเป็นเรื่องที่นางเจอะเจอกับอันตราย จึงทำให้มีพี่รองปัญหากับหลินเหรา
แต่ติดอยู่ที่ไม่มีหลักฐาน จึงไม่สามารถตัดสินได้
เหยาซูได้ยินประโยคนี้ จึงปวดหัวขึ้นมาทันใด จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พี่รอง…เกิดอะไรขึ้น เหตุใดถึงต้องกลับกะทันหันด้วย?”
เหยาเฉาโกรธที่นางเป็นห่วงแต่หลินเหรา จึงได้ถามกลับว่า “วันนี้เจ้าจะไปอยู่ในโรงเตี๊ยมไม่ใช่หรือ? ไปกันเถอะ ไปเสียตอนนี้!”
เหยาซูยื่นมือออกไปด้วยจิตใต้สำนึก คว้ามือขวาที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวของหลินเหราจากด้านหลัง ซึ่งทำให้เขาได้สติและกุมมือของนางไว้
นางลังเล ก่อนจะมองเหยาเฉา “พี่รอง ข้า วันนี้ข้า…”
เหตุใดประโยคที่ว่า ‘ไม่อยากออกไป’ นี้ถึงพูดออกมาไม่ได้
เหยาเฉาเข้าใจความคิดของน้องสาวนานแล้ว จึงเอ่ยด้วยความหวังดีว่า “บุรุษผู้นี้หาเรื่องให้เจ้าโกรธข้าไม่ว่า แต่ปกป้องเจ้าและเด็ก ๆ ไม่ได้ จะมีเขาไปเพื่อเหตุอันใด?”
เขาเดินรุดขึ้นหน้าหนึ่งก้าวอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็ชำเลืองมองมือที่กำลังเกาะกุมกันของพวกเขาสองคน จึงยิ่งโมโหฉุนเฉียว “หลินเหรา เจ้าปล่อยมือน้องสาวข้าเดี๋ยวนี้”
มือของชายหนุ่มกระชับแน่นยิ่งกว่าเดิม
ระหว่างนั้นเหยาซูได้คลี่ยิ้มออกมา มองคนนี้ที มองคนนั้นที สุดท้ายก็ปลอบโยนเหยาเฉา “พี่รอง วันนี้ข้าไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วง! อีกอย่าง อาเหราก็มาได้ทันเวลา…”
เหยาเฉาเห็นน้องสาวแท้ ๆ เข้าข้างคนอื่น จึงเข้าใจความคิดของเหยาซู จากนั้นก็ทำได้แค่ส่ายหน้าและพูดอย่างทอดถอนใจว่า “ลูกสาวที่ออกเรือนไปแล้ว ก็เหมือนน้ำที่ถูกสาดออกไป…ช่างเถอะ ช่างเถอะ อาจื้อเล่า? เขาเองก็ตกใจเช่นกันใช่หรือไม่?”
หลินเหราส่ายหน้า “ทุกคนในจวนช่วยกันปิดบังเขาไว้ เมื่อครู่ข้าให้คนพาเขาออกไปซื้อของข้างนอก จึงไม่เห็นว่าอาซูและคนอื่นกลับมาแล้ว”
เหยาเฉาจึงได้โล่งใจ ครั้นเห็นท้องฟ้าได้มืดลงแล้ว จึงพูดอย่างทอดถอนใจ “เรื่องวันนี้พาให้เหล่าทหารวุ่นวายไปเสียหมด…”
หลินเหรากุมมือของเหยาซูไว้ ครั้นเห็นเสื้อผ้าตัวบางที่นางสวมใส่ จึงพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “เจ้าเข้าไปในห้องก่อนเถอะ พักผ่อนต่ออีกเสียหน่อย ยามถึงมื้ออาหาร ข้าจะไปปลุกเจ้า”
เหยาซูรู้ว่าเขาและเหยาเฉายังมีเรื่องต้องพูดกัน จึงได้แต่หาว จากนั้นก็พยักหน้าคล้อยตาม
เมื่อเหยาซูเข้าห้องไปแล้ว หลินเหราก็เดินมาตรงหน้าของเหยาเฉา แล้วพูดเสียงเบาว่า “พี่รอง เรามาคุยกันดีหรือไม่”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูง “คุยอะไร? ระวังข้าจะชกเจ้าอีก”
หลินเหราส่ายหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะพูดอย่างจริงจังว่า “เรื่องในวันนี้ ข้ายังรู้สึกประหลาดใจ”
เหยาเฉาสะดุดใจอยู่ในใจ จึงรอฟังเขาพูดต่อ…
……………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
โดนหมัดพี่รองไปสองหมัดคงจะได้สติแล้วใช่ไหมอาเหรา ถ้าเป็นพี่เฉาก็โมโหเหมือนกันค่ะที่อุตส่าห์ยกน้องสาวให้แล้วแต่ยังปล่อยให้น้องสาวเจออันตราย
ไหหม่า(海馬)