ตอนที่ 1667 : หยิ่งผยอง!
‘จิ้งชวีจื่อ’
ตอนนี้สายตาต้วนหลิงเทียนก็เบนไปตกยังร่างจิ้งชวีจื่อเช่นเดียวกัน
เขาเองก็เคยได้ยินมานานแล้วเกี่ยวกับอัจฉริยะในเขตอิทธิพลคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องผู้นี้ อีกฝ่ายมีพลังฝีมือทัดเทียมกับหลวงจีนลายบุปผา และเหนือกว่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอย่างฉีจิ้ง…
แน่นอนว่าพวกมันแข็งแกร่งกว่าฉีจิ้ง แต่ก็อาจจะเป็นแค่ ‘เคยแข็งแกร่งกว่า’ เท่านั้น…
พรุ่งนี้เป็นวันประลองเพื่อหาสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอย่าง ฉีจิ้ง ไหนเลยจะไม่เตรียมตัวมา?
กระทั่งคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็ไม่คิดจะเสียดายทรัพยากรบ่มเพาะแม้แต่น้อย ต่างทุ่มทุนสร้างอัดฉีดให้มันเต็มที่!
ดังนั้นแม้จะเป็นต้วนหลิงเทียนก็ไม่กล้าด่วนสรุปว่า ตอนนี้หลวงจีนลายบุปผากับจิ้งชวีจื่อจะมีพลังเหนือกว่าฉีจิ้ง!
แน่นอนว่าถึงแม้เขาจะยังไม่สรุป หากแต่ในใจก็ลอบโอนเอียงคิดไปว่าหลวงจีนลายบุปผากับจิ้งชวีจื่อ น่าจะยังมีพลังฝีมือเหนือกว่าฉีจิ้งอยู่ดี
“เฮ่! จงกู้ ก็มาถึงแล้ว!”
ตอนนี้เองพลันมีเสียงตะโกนดังขึ้นอีกเสียง และดึงความสนใจของผู้คนได้ทันที
ต้วนหลิงเทียนพอหันมองตามไป เขาก็แลเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดจอมยุทธ์ธรรมดาๆ ในมือถือดาบใหญ่ไร้ฝักเล่มหนึ่ง ทว่ากลับถูกพันด้วยผ้าแทน เรียกว่าแลแล้วซ่อมซ่ออนาถาพิกล
หากแต่แม้ชายหนุ่มในชุดจอมยุทธ์ธรรมดาแลดูซอมซ่ออนาถาผู้นี้ กลับสร้างความฮือฮาให้ผู้คนในหุบเขาหลิงหลงไม่น้อย
เพระมันคือ จงกู้!
หากกล่าวกันว่าในเขตอิทธิพลหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง บรรดาผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 50 ปีและโดดเด่นที่สุดล่ะก็ นอกเหนือจากหลวงจีนลายบุปผากับจิ้งชวีจื่อแล้ว อันดับถัดๆมาย่อมมีมันติดโผอยู่ด้วยแน่นอน!
เพราะตอนที่อยู่ในขอบเขตสู่เซียนเหมือนกัน จงกู้ก็สามารถเอาชนะนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องได้มาแล้ว!
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น ฉีจิ้ง ก็ทะลวงผ่านไปยังขอบเขตเซียนดั้งเดิมขั้นต้นก่อนมัน มันจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉีจิ้งอีก
อย่างไรก็ตาม ผู้คนล้วนกล่าวกันว่า…หากจงกู้ทะลวงไปถึงเซียนดั้งเดิมขั้นต้นด้วยแล้วสู้กันอีกครั้งล่ะก็…น่ากลัวว่าฉีจิ้งก็อาจไม่ใช่คู่มือมันเหมือนเดิม!!
แต่แน่นอนว่าตอนที่มันทะลวงผ่าน ฉีจิ้งก็ยากที่จะอยู่ในขอบเขตเซียนดั้งเดิมขั้นต้นอีกต่อไป
เพราะสุดท้ายแล้ว ฉีจิ้ง จะอย่างไรมันก็คือนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ผู้มีทรัพยากรไร้จำกัด!
หลวงจีนลายบุปผา จิ้งชวีจื่อ และจงกู้ปรากฏตัวออกมาพร้อมกัน 3 คนเช่นนี้ นับว่าดึงดูดความสนใจของผู้คนในหุบเขาหลิงหลงไม่น้อย
กลับกันต้วนหลิงเทียนที่อยู่ไม่ห่างหลวงจีนลายบุปผา ก็ไม่ได้เป็นที่สนใจอะไรมากมาย เพราะมีเป้าสายตาอย่างหลวงจีนลายบุปผาใกล้ๆ แถมตั้งแต่ต้นจนจบดูเหมือนจะมีเพียงแต่หลวงจีนลายบุปผาคนเดียวเท่านั้นที่คล้ายจะสนใจในตัวเขา
อย่างไรก็ตามหลังจากที่สนทนากันอยู่พักหนึ่ง หลวงจีนลายบุปผาก็ไม่พบความพิเศษอะไรจากต้วนหลิงเทียนเลย…นี่ยังทำให้มันรู้สึกผิดแปลกอยู่บ้าง แต่สุดท้ายมันก็กล่าวลาต้วนหลิงเทียนแล้วกลับไปรวมตัวกับเหล่าหลวงจีนของวัดฟ่านเทียน
ส่วนจิ้งชวีจื่อกับคนของศาลเจ้าชุนหยาง ก็โรยตัวลงมาหาที่โล่งๆในหุบเขาหลิงหลง
ในฐานะผู้ฝึกตนเพนจรไร้สังกัด จงกู้ ไม่ได้สุงสิงกับใคร เพียงหาที่ว่างๆได้มันก็ลงไปพักผ่อนอย่างสงบ ตั้งแต่ต้นจนจบมันไม่คุยกับใครเลย คล้ายจะเย็นชาห่างเหินไม่น้อย
เวลาผ่านไปนานเข้า เหล่าผู้มีอิทธิพลก็ทยอยกันมาถึงเรื่อยๆ
แน่นอนว่าบางคนก็ส่งคนมาแผ้วทางหาที่ไว้ก่อนแล้ว ยิ่งขุมพลังชั้น 5 อีกขุม ก็เรียกว่าส่งคนมาจัดแจงที่พักอะไรเรียบร้อยดีจนแลไปราวกับสวนหลังบ้านของตัว พอพวกมันมาถึงก็พักได้ทันที
แม้ว่าเหล่าขุมพลังชั้น 5 อีกขุมนี้จะไร้อัจฉริยะมากพรสวรรค์อะไรอย่าง หลวงจีนลายบุผาของวัดฟ่านเทียน และจิ้งชวีจื่อของศาลเจ้าชุนหยาง แต่พวกมันก็ไม่ได้ไร้ชนชั้นอัจฉริยะเสียทีเดียว พวกมันก็พายอดฝีมือรุ่นเยาว์มาเข้าร่วมการประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบไม่น้อย
แต่แน่นอนว่าพวกมันไม่กล้าฝันถึง 3 อันดับแรก!
กระทั่งอันดับที่ 4 ในการประลองสุดยอดนักรบ พวกมันก็ยังไม่กล้าคิด!
ในสายตาของผู้คนส่วนใหญ่ของเขตอิทธิพลคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง หากไม่มีเหตุผิดพลาดอะไรเกิดขึ้น 4 อันดับแรกในการประลองครั้งนี้สมควรเป็นชื่อ หลวงจีนลายบุปผา จิ้งชวีจื่อ จงกู้ แล้วก็ฉีจิ้งที่จะชิงชัยกันแน่นอน
แน่นอนว่าถึงอาจจะมีเหตุผิดพลาด แต่มันจะมีอะไรผิดพลาดได้มากมายขนาดผลเปลี่ยน?
ดังนั้นทุกผู้คนล้วนปักใจเชื่อกันหมด ว่า 4 อันดับแรก ต้องเป็นนามทั้ง 4 นี้แน่นอน
เป้าหมายของขุมพลังชั้น 5 ขุมนี้ก็คือยึดครองอันดับในรายนามยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องที่เหลือให้ได้มากที่สุด!
ไม่นานตะวันก็ค่อยๆลดต่ำลงเจียนลับฟ้า กลับกลายเป็นย้อมชโลมหุบเขาหลิงหลงให้กลายเป็นสีแดงนวลตา
“ป่านนี้แล้วคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องยังไม่มากันอีกหรอ?”
หลายคนเริ่มหันมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่มีใครเห็นว่าจะมีคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมาเลย
แน่นอนว่าคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องในหุบเขาหลิงหลงก็ใช่ว่าจะไม่มี แต่พวกมันเป็นคนที่มาเพื่อตระเตรียมพื้นที่แต่แรก ที่ถูกนำมาโดยอาวุโสลำดับที่ 9 เท่านั้น
“นี่คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องคิดจะทำอะไรกัน? หรือจะมาพรุ่งนี้เลย?”
“นั่นเป็นไปไม่ได้ ตามกฏการประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง การประลองจะเริ่มต้นทันทีเมื่อแสงแรกของวันสาดส่องขึ้นมาจากทิศตะวันออก ข้าเชื่อว่าครั้งนี้ก็ต้องจัดขึ้นเวลาเดิม เป็นไปไม่ได้ที่คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะมาพรุ่งนี้ เพราะนั่นจะสายไป!”
“ไม่ใช่แค่คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง…กระทั่งคนจากขุมพลังชั้น 4 อีก 2 คนก็ยังมาไม่ถึงเช่นกัน”
“ขุมพลังชั้น 4 ทั้ง 2 ย่อมมาแน่ เพราะอย่างไรบรรพบุรุษของุทกขุมพลังก็ออกกฏไว้แล้ว ว่าทุกๆ 50 ปี ที่จัดการประลองสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง เพื่อให้ทุกคนมั่นใจว่าการประลองจัดอันดับจะเป็นไปอย่างยุติธรรมไร้เส้นสาย ต้องให้คนนอกมาเป็นผู้ควบคุมการประลอง!”
“ปกติก็มักจะมาพร้อมกันกับคนคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนั่นล่ะ”
……
ในหุบเขาหลิงหลง ผู้คนก็เริ่มสนทนากันอื้ออึง
‘ขุมพลังชั้น 4 อีก 2 ขุมงั้นเหรอ…’
แม้จะเป็นต้วนหลิงเทียนเองก็พึ่งรับทราบเรื่องนี้ไม่นาน ว่าจะมียอดฝีมือจากขุมพลังชั้น 4 มาร่วมด้วยอีก 2 คนเพื่อความเป็นธรรมในการประลอง
ยอดฝีมือจากขุมพลังชั้น 4 นั่นจะมาจากอีก 2 ขุมพลังที่ต่างกัน
ยอดฝีมือเหล่านี้จะมาเป็นกรรมการตัดสินการประลองฟ้าลิ่วล่องทุกๆ 50 ปี แต่แน่นอนว่ายามที่ถึงเวลาขุมพลังพวกมันจัดการประลอง คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ก็จะส่งคนไปจัดการประลองและเป็นผู้ตัดสินด้วยเช่นกัน เพื่อให้เกิดความยุติธรรม
ขุมพลังชั้น 4 อีก 2 ขุมพลังที่ว่าก็ไม่ได้มีสัมพันธ์ซ่อนเร้นอะไรกับคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องทั้งสิ้น
ดังนั้นยอดฝีมือที่มาเข้าร่วมการประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบจึงไม่ต้องกลัวคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องแต่อย่างไร เพราะคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องไม่มีทางใช้อำนาจส่วนตัวกดดัน และโกงผู้อื่นได้!
ด้วยเหตุนี้การประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องจึงมีความเป็นธรรม!
หลังจากที่ได้รับทราบเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็อุ่นใจไม่น้อย ‘ดังนั้นต่อให้ข้าฆ่าฉีจิ้งในการประลองจัดอันดับนี่ แต่คนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็ไม่มีทางลงมือทำอะไรข้าต่อหน้ายอดฝีมือทั้ง 2 ที่มางั้นสินะ ‘
เขามาที่นี่เพื่อจุดประสงค์เดียวเท่านั้น ฆ่าฉีจิ้งนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง เพื่อช่วยหานเฉวี่ยไน่ให้พ้นจากห้วงทุกข์!
สำหรับอันดับในรายนามสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องอะไรเขาไม่สนใจสักนิด!
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่เขาไม่ใช่คนในเขตอิทธิพลหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องด้วยซ้ำ เพราะในสายตาเขา…เรื่องจัดอันดับว่าใครดีกว่าใครอะไรทำนองนี้ มันก็แค่ผายลม!
ล้วนแล้วแต่เป็นชื่อเสียงจอมปลอมทั้งนั้น
เขาผ่านชีวิตมานาน ประสบการณ์อะไรก็มาก ล้วนมองข้ามเรื่องพวกนี้ไปนานแล้ว
“มาแล้ว! มากันแล้ว!!”
จวบจนกระทั่งมีเสียงโพล่งร้องดังขึ้น ต้วนหลิงเทียนจึงค่อยคืนสติจากการเหม่อคิด เขาค่อยๆหันหน้าไปมองตามทิศที่คนส่วนใหญ่หันไปดูเช่นกัน
มีกลุ่มคนกำลังมาจากที่ไกลๆ
หลังจากที่คนกลุ่มนี้มาถึง เขาก็แลเห็นชัดเจนว่าพวกมันแบ่งได้อีกเป็น 3 กลุ่มย่อย แต่ละกลุ่มย่อยก็เรียงหน้ากระดานมาเป็นตับๆ
“นั่นอาวุโสหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ฉีเสิ่น!”
ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดที่สายตาเฉียบแหลม สามารถระบุตัวชายชราที่นำมาและอยู่ตรงกลางได้
เป็นชายชราที่มีหนวดเคราดก และไม่ว่าจะขนคิ้วหรือหนวดเคราของมันก็เป็นสีขาวโพลน พาลให้ยามมองไกลๆคล้ายมันเป็นราชสีห์เฒ่าอยู่บ้าง รอบกายยังเต็มไปด้วยแรงกดดันไร้สภาพขุมหนึ่ง!
มันคืออาวุโสหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ฉีเสิ่น
ในคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง แม้ฉีเสิ่นจะไม่ได้มีพลังฝีมือติด 3 อันดับแรก หากแต่ใน 5 อันดับแรกย่อมมีนามของมันปรากฏอยู่แน่นอน!
ดังนั้นการมาถึงของมันจึงทำให้หลายคนอดไม่ได้ที่จะตกใจ!
เพราะกล่าวไปแล้วสถานะของฉีเสิ่นนั้นเพียงด้อยกว่าผู้นำคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง และรองผู้นำอีก 2 คนเท่านั้น มันทัดเทียมกับอาวุโสหลักอีกคนที่เป็นดั่งมังกรเทพยาดาเห็นหัวไม่เห็นหาง..
“ข้าไม่คิดเลยจริงๆ ว่าอาวุโสฉีเสิ่นจะมาที่นี่ด้วยตัวเอง…ดูเหมือนคฤหานสน์ฟ้าลิ่วล่องจะให้ความสำคัญกับการประลองสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องไม่น้อย”
“นี่เจ้าไม่คิดว่าวาจาเจ้าเหลวไหลมั่งหรือไรหา? รายนามสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วลอง คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในเขตอิทธิพลคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ในฐานะยักษ์ใหญ่สูงสุดไหนเลยยังไม่ให้ความสำคัญได้? ประสาท!”
“น้องสาวเจ้าสิประสาท! แล้วเจ้าเห็นนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องโผล่หัวมาแล้วรึยังเล่า?”
“เอ่อ…นั่นสิ แล้วนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเล่า?!”
……
หลายคนพบว่าตัวเอกของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอย่างฉีจิ้งนั้นยังไม่ปรากฏตัวออกมา คล้ายไม่ได้มาพร้อมกับอาวุโสหลักอย่างฉีเสิ่นและคนอื่นๆ!
“หรือฉีจิ้งไม่คิดมาประลองกัน?”
“เหลวไหล! นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร!? จะอย่างไรมันก็เป็นถึงนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง! แถมพลังฝีมือก็มิใช่ต่ำทราม จะพลาดการประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบไปได้อย่างไร!?”
“นั่นสิ การประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบเพียงจัดขึ้นทุกๆ 50 ปีเท่านั้น และยังจำกัดอายุที่จะเข้าร่วมไว้แค่ 50 ปีเช่นกัน กล่าวได้ว่าแต่ละคนล้วนมีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้นตลอดชั่วชีวิต ไหนเลยยังไม่เข้าร่วมได้?”
“ถูก! ถึงแม้จะไม่ต้องการชื่อเสียง แต่หากคิดรับตำแหน่งผู้นำคนต่อไปของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ก็จำเป็นต้องติดอันดับในรายนามยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องเสียก่อน…เท่าที่ข้ารู้ผู้ที่ไม่ติดอันดับล้วนหมดสิทธิ์เป็นผู้นำ! นี่เป็นกฏเหล็กของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องที่สืบทอดกันมานาน!!”
“ข้าเองก็ได้ยินเรื่องนี้มาเหมือนกัน…แปลกนัก อาวุโสหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องพาคนมาขนาดนี้ แต่กลับไร้วี่แววฉีจิ้ง…นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?”
“หรือเกิดเรื่องผิดคาดอันใดกับมันหรือไม่?”
……
ในหุบเขาหลิงหลงเริ่มฮือฮาขึ้นมาด้วยความสนใจไม่น้อย ถกประเด็นดังกล่าวกันยกใหญ่
“เหอะ! หยิ่งผยองนัก!!”
“ในแง่พลังฝีมือผู้อื่นก็เหนือกว่ามัน แต่ป่านนี้แล้วยังไม่มาอีก ยังจะเป็นเรื่องอะไรได้?!”
“นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องงั้นหรือ จึกๆๆ…หากมิใช่เพราะมันคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดที่คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง แต่เป็นวัดฟ่านเทียนหรือศาลเจ้าชุนหยางล่ะก็ น่ากลัวคงโดนพวกหลวงจีนลายบุปผากับจิ้งชวีจื่อกดไว้จนมิอาจโงหัวขึ้นได้แน่!!”
……
ตอนนี้ยิ่งมาในหุบเขาหลิงหลงยิ่งคึกคักขึ้นไม่น้อย หลายคนถึงกับเริ่มกล่าวเหยียดนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องขึ้นมาแล้ว!