บทที่ 353 ฉากอันน่าขัน
ผู้คนแห่ไปที่ประตูอู่เหมินมากขึ้นเรื่อย ๆ
เนื่องจากราชครูเป็นที่โปรดปราน ฮ่องเต้เซี่ยเจินกลัวว่าตอนที่เขาออกเดินทางจะถูกชาวบ้านเบียดเสียด ดังนั้นจึงอนุญาตให้เขาสร้างแท่นที่นอกประตูอู่เหมินขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อทำพิธีให้กับผู้คน
ถังซุ่นเห็นว่าไม่สามารถรั้งคนเหล่านี้เอาไว้ได้อีก ก็กระทืบเท้าด้วยความร้อนใจ
เมืองหลวงเดิมก็มีคนได้รับพิษมากอยู่แล้ว อีกทั้งพิษนี้ยังสามารถแพร่กระจายผ่านน้ำลายของคนได้ ดังนั้นข้อห้ามที่สำคัญที่สุดก็คือสถานที่แออัด ราชครูผู้นี้ต้องการจะฆ่าคนหรืออย่างไรกัน!
น่าเสียดายที่ทุกคนกลับมีจิตใจคล้อยตามกัน เมื่อเห็นคนสองคนไปกันแล้ว ก็กลัวว่าตนเองจะสูญเสียโอกาสได้รับการคุ้มครองจากเทพเจ้า จึงรีบวิ่งตามหลังไปด้วย
“ข้ามาก่อน ข้ามาก่อนนะ”
“ช่วยต่อแถวแทนข้าที ข้าจะกลับไปเรียกแม่ข้ามาก่อน”
คนที่ความรู้สึกช้า เมื่อดื่มยาของหย่งอันถังไปหนึ่งอึกแล้วก็รีบวิ่งตามไปทันที
เมื่อจี้จือฮวนออกมาจากห้องโถง ถังซุ่นก็ร้อนใจจนหน้าแดงก่ำไปหมด “แม่นางจี้ ทำเช่นไรดีขอรับ คนหนีไปกันหมดแล้ว”
“รอก่อน”
ถังซุ่นเอ่ยด้วยความร้อนใจ “หากพวกเขาไม่กลับมาเล่าขอรับ?”
“ความจริงไม่สามารถโกหกได้ หากว่าน้ำมนต์สามารถช่วยคนได้ ใต้หล้านี้ยังจะมีหมอไปทำไมกัน ให้ทุกคนเก็บของก่อน พวกเราก็ไปดูเรื่องสนุกกันเถอะ”
ถังซุ่นตกตะลึง “พวกเราก็จะไปด้วยหรือขอรับ?”
“ดูเรื่องสนุก ย่อมขาดพวกเราไม่ได้ ไปเถอะ”
…
ใกล้กับแท่นบูชาประตูอู่เหมิน
เย่จิ่งฝูมาที่โรงน้ำชาฝั่งตรงข้ามเป็นเพื่อนเซี่ยหยาง จี้หมิงซูก็หาเวลาว่างมาพบเขาเช่นกัน
“พี่เซี่ยหยาง ท่านวางใจเถอะ รอข้าทำให้ราษฎรจิตใจสงบลงได้แล้ว ข้าจะให้พวกเขาได้รู้ว่าองค์ชายรองเป็นว่าที่องค์รัชทายาทที่ปราดเปรื่อง และควรค่าแก่การติดตามเพียงใด”
ทุกอย่างที่นางทำก็เพื่ออนาคตของพวกเขาทั้งสองคน ไม่ว่าต่อไปเซี่ยหยางจะมีสตรีอีกกี่คน ก็จะมีเพียงจี้หมิงซูเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำเช่นนี้ได้
เย่จิ่งฝูอยู่ข้างกายเซี่ยหยางเพียงไม่กี่วัน แค่ฟังพวกเขาสองคนพูดว่าพี่เซี่ยหยางอย่างนั้น น้องหมิงซูอย่างนี้ หูก็จะแฉะตายอยู่แล้ว
นางมองไกลออกไป และพบว่าอาชีพนักต้มตุ๋นของธิดาหงส์อะไรนี่ค่อนข้างประสบความสำเร็จเลยทีเดียว
เจียงเช่อส่งคนมาตามนางแล้ว จี้หมิงซูจึงลุกขึ้นและเอ่ยออกมา “พี่เซี่ยหยาง ข้าต้องไปเปลี่ยนชุดก่อน อีกเดี๋ยวไม่ว่าท่านจะเห็นข้าในสภาพเช่นไร ข้าหวังเพียงให้ท่านจดจำเอาไว้ ว่าทั้งหมดนี้ข้าล้วนทำเพื่อท่าน”
เซี่ยหยางไม่สามารถจับมือนางได้ จึงทำได้เพียงเอ่ยขึ้นมา “หมิงซู ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังแน่นอน”
จี้หมิงซูจึงได้ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ตอนที่จะเดินออกจากห้องก็จ้องเย่จิ่งฝูที่ยืนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง “ท่านหมอเทวดาเย่”
เย่จิ่งฝูกำลังศึกษายาที่ให้คนไปซื้อมาจากหย่งอันถัง นางกำลังรู้สึกทึ่งในความพิเศษของหย่งอันถังและฤทธิ์ของยา กำลังคิดจะไปที่แผงยาตรงนั้นเพื่อขอพบผู้สูงส่งอีกครั้ง แต่เมื่อได้ยินจี้หมิงซูเรียกตัวเองก็ชะงักไปบราวนี่ออนไลน์
“มีอันใด?”
“องค์ชายรองคือผู้ที่จะสืบทอดอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ ในเมื่อท่านอยู่ข้างกายเขา ก็ต้องตั้งใจรักษาอาการป่วยของเขา ไม่ใช่หมกมุ่นเพื่อศึกษาสิ่งนี้สิ่งนั้นอยู่ในห้องทั้งวัน ท่านรู้หรือไม่ว่าชีวิตของเขาล้ำค่าเพียงใด?”
เย่จิ่งฝูเก็บยาเม็ดของหย่งอันถังเอาไว้ในถุงผ้าอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพลางเอ่ยอย่างดูแคลน “ขออภัยด้วย ในสายตาของหมอ ชีวิตของทุกคนล้วนมีค่าเท่ากัน”
จี้หมิงซูกับเย่จิ่งฝูนั้นเรียกได้ว่าคุยกันไม่ถูกคอจริง ๆ
จี้หมิงซูหยิ่งทะนง แต่เย่จิ่งฝูกลับหยิ่งทะนงยิ่งกว่า อีกทั้งสิ่งที่เย่จิ่งฝูสนใจก็ไม่ใช่คน แต่เป็นฝีมือทางการแพทย์จริง ๆ
สิ่งที่นางภาคภูมิใจก็คือฝีมือทางการแพทย์เช่นกัน ส่วนจี้หมิงซูเหตุผลที่ทำให้นางตื่นตระหนก ทำอะไรไม่ถูก และยึดติดกับผู้ชายเมื่อเจอปัญหา ก็เพราะสิ่งที่นางมีคือพรสวรรค์ในการหลอกลวงคนอื่นและการหลอกตัวเอง
เห็นได้ชัดว่าจี้หมิงซูไม่พอใจกับคำตอบนี้อย่างมาก ในสายตาของนางผู้คนมีการแบ่งระดับชนชั้นกัน ดวงชะตาก็ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว เช่นเดียวกับเซี่ยหยาง แม้ว่ามารดาผู้ให้กำเนิดของเขาจะไม่ได้มีภูมิหลังสูงส่ง สุดท้ายเขาก็ยังจะได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้มิใช่หรือ ส่วนเผยยวนต่อให้มีผลงานออกรบมากมาย สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดีมิใช่หรือ?
วันนี้เย่จิ่งฝูหักหน้านางถึงเพียงนี้ วันหน้ารอให้ร่างกายของเซี่ยหยางหายดีแล้ว นางจะจัดการสตรีผู้นี้ให้จงได้ ตัดมือที่ช่วยชีวิตและรักษาผู้คนคู่นั้นเสีย ดูสิว่าจะยังกล้าไม่เคารพนางอีกหรือไม่
“ธิดาเทพ ท่านราชครูรออยู่”
วันนี้สำคัญมาก จี้หมิงซูไม่สามารถเสียเวลากับเย่จิ่งฝูผู้นี้ต่อไปได้อีก นางต้องเปลี่ยนชุดธิดาเทพ เพื่ออธิษฐานให้ผู้คนในเมืองหลวง และขับไล่วิญญาณชั่วร้ายออกไป
…
พวกท่านป้าหยางมาช้าและคิดว่าจะไม่สามารถเบียดเข้าไปได้แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าไป๋จิ่นจะมาพบพวกเขา และพาพวกเขาขึ้นไปที่ภัตตาคาร
ภัตตาคารแห่งนี้ว่างเปล่าไม่มีใครอยู่ เทียบกับความโกลาหลของผู้คนด้านนอกแล้ว ที่นี่กลับเงียบสงบเป็นอย่างมาก
“โอ๊ย เสี่ยวไป๋ เจ้าหาที่ดี ๆ เช่นนี้เจอได้อย่างไรกัน”
“นี่ไม่ใช่ที่ของข้าขอรับ นี่ก็คือร้านสาขาของเค่ออวิ๋นไหลในเมืองหลวงขอรับ”
ขณะกำลังพูดอยู่นั้น ฮวาเซียงเซียงก็ถือสีชาดวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน “เร็วเข้า ไปที่ชั้นสามกันเถอะ ที่นั่นทิวทัศน์ดี มองได้ไกล ข้าเตรียมผลไม้เอาไว้ให้แล้ว”
เฉินฉือรู้สึกว่าเหมือนมีบางอย่างไม่ถูกต้อง “เหตุใดถึงเตรียมผลไม้เอาไว้ด้วย มีเรื่องสนุกให้ดูจริงหรือ?”
“แน่นอน ข้ายังต้องแต่งหน้าให้นักแสดงหลัก พวกเจ้าขึ้นไปกันก่อนเถอะ”
ฮวาเซียงเซียงเดินบิดเอวเข้าไปในห้องด้านหลัง เฉินฉือและคนอื่น ๆ ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก จึงได้แต่ขึ้นไปดูชั้นบน
…
จี้หมิงซูเปลี่ยนมาสวมชุดเซียนแขนกว้างที่เตรียมไว้เป็นพิเศษ พร้อมทำผมมวยทรงสูง เพื่อป้องกันเรื่องใบหน้านางยังสวมหน้ากากหนังมนุษย์อีกชั้นหนึ่งด้วย
เพียงแต่เวลาสวมต้องทากาวปลาติดเอาไว้ เดิมบาดแผลบนใบหน้าก็ยังไม่หายดี หลังจากทาลงไปแล้ว จึงรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่แก้มเป็นอย่างมาก นางสูดปากไปหนึ่งที แทบจะกัดฟันกรอด แล้วจึงนำหน้ากากนั่นมาสวมให้เรียบร้อย
ผลที่ได้เหมือนกับที่เย่จิ่งฝูพูดเอาไว้ ไม่เพียงไม่สวยแต่ยังรู้สึกว่าเนื้อบนใบหน้าไม่สามารถเกาะติดกับผิวหนังได้ มันค่อย ๆ เลื่อนลงมา ดูใกล้ ๆ คล้ายกับหุ่นขี้ผึ้ง ดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างมาก
ใบหน้าเดิมของจี้หมิงซูนับว่างดงามเป็นอันดับต้น ๆ ของเมืองหลวง นางจะยอมรับสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร
“จี้จือฮวน ทั้งหมดเป็นเพราะจี้จือฮวน!”
นางปาคันฉ่องทองแดงลงกับพื้น
“ธิดาเทพ?”
คนด้านนอกเอ่ยถามเบา ๆ
จี้หมิงซูไม่สามารถหลั่งน้ำตาได้ เมื่อหลั่งน้ำตาใบหน้าก็จะเจ็บปวดอย่างมาก “ไม่มีอะไร ไปบอกท่านราชครู เปิดแท่นบูชาได้แล้ว”
ขอเพียงนางมีอำนาจ นางไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถหานักแปลงโฉมที่ฝีมือดีกว่านี้ไม่ได้ หากใบหน้านี้ไม่สามารถทำให้ดูดีขึ้นได้ นางก็แค่ทำเพิ่มอีกสองสามหน้า มันต้องสามารถกลับมางดงามได้แน่
นางต้องทำได้อย่างแน่นอน ความยากลำบากมากมายยังผ่านมาแล้ว นางไม่มีทางยอมแพ้เช่นนี้แน่
ด้านล่างแท่นบูชามีเสียงผู้คนดังอื้ออึง ทุกที่เต็มไปด้วยผู้คน เมื่อคืนมีหิมะตกจนถึงวันนี้ บนถนนจึงปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว แต่พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะกางร่ม ได้แต่รอท่านราชครูประทานพรให้พวกเขา
แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครจู่ ๆ ก็คุกเข่าให้กับแท่นบูชา แล้วเอ่ยขึ้นมาสามครั้ง “ท่านราชครูได้โปรดคุ้มครอง ประทานพร ขับไล่สิ่งชั่วร้ายด้วย!”
ผู้คนที่ติดตามมาก็คุกเข่าลงพร้อมกัน วิงวอนต่อความปรีชาและความยิ่งใหญ่ของราชครู ขอสวรรค์คุ้มครอง และเอาหน้าผากแตะกับพื้นด้วยความเลื่อมใส
ท่ามกลางเสียงอ้อนวอนและคุกเข่าภาวนาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดเจียงเช่อก็ปรากฏตัวต่อหน้าฝูงชนพร้อมกับจี้หมิงซูที่แต่งตัวอย่างสวยงาม ฝูงชนก็พลันลุกฮือขึ้นมาอีกครั้ง
“ท่านราชครู ท่านราชครูช่วยข้าด้วย”
“ธิดาเทพ ขอท่านธิดาเทพประทานน้ำมนต์ให้พวกเราด้วยเถอะ”
ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างยื่นมือออกมา พยายามคว้าชายเสื้อผ้าของพวกเขาและร้องขอความเมตตา ปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดและน่าเศร้าเช่นนี้ปรากฏขึ้นในเมืองหลวง และนักต้มตุ๋นเช่นนี้ยังได้รับการคุ้มกันจากทหารองครักษ์ของราชสำนักอีกด้วย
ช่างน่าขันยิ่งนัก โง่งมสิ้นดี!
.