บทที่ 416 แผนการของฉู่เหิน

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 416 แผนการของฉู่เหิน

บทที่ 416 แผนการของฉู่เหิน

เมื่อพวกเขารู้ว่าตัวเองกำลังถูกอีกฝ่ายกักขังไว้ตรงกลาง เพียงชั่วพริบตาจำนวนคน 100 คนของอีกฝ่ายก็หายไปไม่เห็นอีกแล้ว เจอแบบนี้ใครมันจะอยู่กัน! กระทั่งทำให้พวกเขาคิดในใจว่าการท้าทายตระกูลฉู่ช่างได้ไม่คุ้มเสีย!

ทว่าไม่ว่าตอนนี้พวกเขาจะคิดยังไง แต่สถานการณ์ก็เปลี่ยนอะไรไม่ทันแล้ว กลุ่มหนึ่งได้แต่รู้สึกแค้นเคืองใจ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งที่พม่าก็ได้แต่มึนงง!

ครั้งนี้คือการทุ่มหมดหน้าตัก มันคือศึกตัดสินชะตาชีวิตของพวกเขาว่าจะรุ่งโรจน์หรือตาย แต่ดูท่าแล้วหนทางข้างหน้าคงจะมีแต่ความพ่ายแพ้! ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป น่ากลัวว่าพวกเขาจะคงเหลือแต่ชื่อ! ต่อให้เป็นขุมอำนาจอันดับหนึ่งก็อาจจะตกต่ำลงได้เช่นกัน!

ยิ่งเมื่อเห็นลมพายุและสายฟ้าโดยรอบ ในใจของอีกหลายคนก็พากันรู้สึกเหมือนกับว่าตนตกบ่อแถมก้อนหินหล่นซ้ำ*เสียเหลือเกิน ตอนนี้พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่สามารถรักษาชื่อเสียงอำนาจอันดับหนึ่งไว้ได้ น่ากลัวว่าคงจะพังพินาศกันทั้งพรรค เมื่อคิดถึงตรงนี้ พวกเขาก็คล้ายจะเสียสติ เพราะถ้าตายที่นี่ นั่นก็หมายความว่าครอบครัวและเพื่อนสนิทของพวกเขาเองก็ต้องมาตายด้วยเช่นกัน!

*ตกบ่อแถมก้อนหินหล่นซ้ำ หมายถึง ในสถานการณ์ที่อยู่ในอันตรายอยู่แล้ว กลับมีเรื่องซ้ำเติมเข้าไปอีก

เพื่อดิ้นรนเอาชีวิตรอดก็จำต้องหนีออกไป ขอเพียงแค่ออกไปได้ก็จะรอด! ต่อมาพวกเขาก็เริ่มลงมือหนักขึ้น เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ค่ายกลเกิดการสั่นสะเทือนอย่างไม่ทราบสาเหตุ มันราวกับจะพังทลายลงมายังไงยังงั้น หลังจากเห็นฉากนี้ ในใจของพวกเขาก็พากันยินดี พากันทุ่มเทกำลังลงไปอย่างบ้าคลั่ง

นับตั้งแต่ฉู่เหินมาถึง ชายหนุ่มก็ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้แต่อย่างใด เขากลับยืนสำรวจค่ายกลตรงหน้านี้อย่างละเอียด! วงเวทย์ของค่ายกลตรงหน้าให้ความรู้สึกแปลกประหลาด ราวกับว่าชายหนุ่มคุ้นเคยกับมัน สิ่งที่คุ้นเคยไม่ใช่วงเวทย์ค่ายกล แต่เป็นพลังธาตุที่แอบแฝงอยู่ในนั้น

หลังจากครุ่นคิด ฉู่เหินก็นึกไปถึงอาวุธของเขา หรือว่าวิธีการทำงานของค่ายกลจะเหมือนกับของสิ่งนั้นกัน ? ไม่ใช่ว่าต้องใช้พลังในร่างกายอย่างงั้นเหรอ แน่นอนว่านี้เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น เพราะเขารู้สึกว่าการทำงานของวงเวทย์ค่ายกลนี้จะคล้ายกับกระบองจตุรธาตุของตน

การจะดึงพลังทั้งหมดของกระบองจตุรธาตุทั้งหมดมาใช้ได้นั้น จะต้องใช้ธาตุของตัวเองเป็นตัวกระตุ้น เพียงแต่น่าเสียดายที่ฉู่เหินมีเพียงธาตุสายฟ้าเท่านั้น ชายหนุ่มไม่สามารถกระตุ้นพลังทั้งหมดของกระบองจตุรธาตุได้! ไม่อย่างงั้นแล้วพลังของกระบองนี่คงมีมากกว่านี้หลายเท่า!

เพราะเหตุนี้เองเขาจึงคิดถึงความเป็นไปได้ที่วงเวทย์ค่ายกลจะเกี่ยวข้องกับกระบองจตุรธาตุ คิดถึงตรงนี้พลันก็มีความคิดอย่างหนึ่งเข้ามา เมื่อนำความคิดนี้ไปบอกกับผู้เฒ่าตระกูลฉู่ ในใจของชายชราก็ถึงกับสั่นสะท้านเช่นเดียวกัน แผนภาพวงเวทย์นี้อยู่ที่ตระกูลฉู่มานับพันปี ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นพวกเขาก็ยังไม่อาจใช้งานมันได้อย่างเต็มที่ หรือนั่นอาจเป็นเพราะขาดการกระตุ้นพลังธาตุกัน ?

มาตอนนี้พอได้ยินที่ฉู่เหินบอก ชายชราก็อดสั่นสะท้านไม่ได้ หลังจากนั้นเขาก็จึงหันไปบอกแก่ผู้เฒ่าอีกคนว่าให้ใช้พลังธาตุของตัวเองกระตุ้นค่ายกลดู จังหวะตอนที่ผู้เฒ่าท่านนั้นกำลังจะใส่พลังธาตุเข้าไป จู่ ๆ พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือน แต่ก็คล้ายจะไม่มีอะไร เพราะหลังจากนั้นก็กลับมานิ่งดั่งเดิม!

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาของฉู่เหินทั้งหมด เขารู้ว่าสิ่งที่ตัวเองคิดนั้นถูกต้อง ดูท่าค่ายกลนี้จำเป็นต้องใช้พลังธาตุกระตุ้นถึงจะได้ สำหรับการสั่นสะเทือนเมื่อกี้ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ฉู่เหินสังเกตว่าการสั่นนั้นมาพร้อมกับคมดาบที่รวดเร็วดุดันขึ้น

ดังนั้นชายหนุ่มจึงแน่ใจว่าค่ายกลแห่งนี้น่าจะต้องใช้ธาตุดาบ แต่ถ้าไม่มีธาตุดาบล่ะก็ ธาตุทองก็น่าจะพอแก้ขัดไปได้

“ในหมู่ผู้อาวุโสมีใครที่มีธาตุดาบหรือว่าธาตุทองบ้างไหม! ” ที่จริงแล้วพวกผู้อาวุโสเองก็จับตาดูสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน แต่พวกชายชรากลับต้องผิดหวัง พวกเขาไม่เห็นว่าค่ายกลเกิดการเปลี่ยนแปลงมากนัก ว่าแล้วสายตาก็คล้ายจะหม่นหมองไปเล็กน้อย อย่างไรก็ตามหลังจากได้ยินที่ฉู่เหินพูด สายตาที่หม่น ๆ ก็คล้ายสดใสขึ้นมาทันที! ต่อมาก็เห็นเพียงพวกเขากระซิบกับผู้เฒ่าอีกคนที่ข้างหู ก่อนที่ผู้เฒ่าคนนั้นจะพยักหน้า และเดินตรงไปยังค่ายกล!

พวกผู้อาวุโสที่เห็นดังนั้นก็คล้ายจะมีความหวังขึ้นมา พวกเขาต่างเฝ้ามองภาพตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ ทว่าฉู่เหินกลับไม่ได้รู้สึกดีใจ กลับกัน ชายหนุ่มรู้สึกกังวลสงสัยแทน ต่อมาผู้เฒ่าคนนั้นก็ดำเนินการส่งเสียงกลับมา!

“ช่วยระวังให้ด้วย อาจมีคนจะซุ่มโจมตีอยู่แถวนี้ก็ได้!!” สิ้นเสียง ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ที่กำลังดีใจอยู่นั้นก็รีบสงบใจ พวกเขาพากันตั้งท่า เตรียมพร้อมที่จะมืออยู่ตลอดเวลาถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้น!

ราวกับว่าค่ายกลกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง เมื่อมองจากด้านนอกจะเห็นความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้อย่างชัดเจน ค่ายกลสั่งสะเทือนเล็กน้อยก่อนจะสงบนิ่งลง! หลังจากนั้นจึงตามมาด้วยพลังภายในที่คล้ายจะเพิ่มขึ้นสิบเท่าตัว เมื่อเป็นแบบนี้ก็ทำให้พวกผู้บุกรุกที่อยู่ภายในต่างพากันโอดครวญออกมา

เดิมทีพวกเขาคิดว่าขอเพียงแค่ฝ่าดาบพวกนี้ก็จะรอดแล้ว แต่ใครจะไปรู้กันว่าพลังค่ายกลจะเพิ่มขึ้นแบบนี้! สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้พวกเรารู้สึกราวกับตกเข้าไปในบ่อโคลน ตอนนี้ภายในค่ายกล นอกจากสายฟ้าและพายุทรายแล้วยังได้เพิ่มกลิ่นอายแห่งความตายออกมาอีกด้วย

กลิ่นอาายแห่งความตายพวกนั้นมาจากคมดาบ พวกผู้บุกรุกที่สัมผัสถึงมันได้ก็พากันหลบหนีวนไปมา บางคนที่ไม่อาจหลบพ้น สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ก็เห็นมีเพียงแต่ความตายที่ไม่อาจต่อต้าน!

ค่ายกลแห่งนี้ล้อมรอบเอาไว้ด้วยคนจำนวนสิบคน คนพวกนี้ต่างทำหน้าที่ในการควบคุมและถ่ายเทพลังปราณไปยังค่ายกลอย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งพวกเขาเองก็ยังแปลกใจกับภาพที่เกิดขึ้น

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ทำให้ตระกูลฉู่ก้าวขึ้นมาเป็นขุมอำนาจอันดับหนึ่งที่ทรงพลังเสียจนขุมอำนาจอื่น ๆ ไม่สามารถเทียบได้ติด และนอกจากพวกคนในตระกูลฉู่เองแล้ว ขุมอำนาจฝ่ายพันธมิตรกับพวกเขาเองก็ดีใจด้วยเช่นกัน ตราบใดที่พวกตนยังคงเป็นพันธมิตรกับตระกูลฉู่ ความเจริญก้าวหน้าจะหนีไปไหนไกลกัน?

ฉู่เหินเองก็หัวเราะไปพร้อมกับคนอื่น ๆ แต่ทว่านัยน์ตาของเขากลับส่องประกายแหลมคมจับจ้องไปยังคนกลุ่มหนึ่ง นี่ยังไม่ต้องพูดถึงพวกคนน่าสงสัยที่ถูกเขาล็อคเป้าไว้ก่อนหน้านี้อีก

ฉู่เหินพยายามระงับอารมณ์และคำพูด คนพวกนี้เชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลฉู่มาสักพักแล้ว เหล่าผู้อาวุโสฉู่ก็พยายามสงบสติอารมณ์กับคนพวกนี้! ไม่ว่าคนพวกนี้จะเป็นคนทรยศหรือไม่ แต่นับจากวันนี้เป็นต้นไป พวกเขาจะไม่ได้รับความไว้ใจจากตระกูลฉู่อีกแล้ว

ถ้าวันนี้พวกเขาเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน คนพวกนั้นจะยังช่วยพวกเขา หรือปล่อยพวกเขาให้ตาย ? เรื่องมันก็ผ่านแล้ว อย่าไปคิดถึงมันอีกเลย แต่ในวันข้างหน้า คนพวกนี้ไม่อาจจะคบค้าสมาคมได้อีกต่อไปแล้ว!

ความอดทนคล้ายจะขาดสะบั้นลง ว่าแล้วผู้เฒ่าฉู่คนหนึ่งก็พลันพุ่งทะยานออกไปอย่างไม่ลังเล การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ไม่ได้อยู่ในความคาดเดาของผู้คนโดยรอบแม้แต่น้อย พวกเขานึกว่าตอนนี้คนตระกูลฉู่น่าจะมัวแต่กำลังดีอกดีใจอยู่ แล้วจะสังเกตเห็นพวกเขาได้ยังไงกัน?

ความประมาท แม้เป็นความต่างเพียงวินาทีเดียวก็อาจนำมาซึ่งความตายได้ พวกเขาได้แต่เบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา! อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้เอง กลับมีสองคนที่อยู่ในฝ่ายพันธมิตรที่ไม่เคยแสดงฝีมือมาหน้านี้เข้ามาขัดขวาง!

ฉากนี้ ไม่ว่าฉู่เหินหรือว่าเหล่าผู้อาวุโสต่างก็คิดไว้แล้ว! พวกเขาเชื่อเลยว่าถ้าวันนี้พวกตนแพ้ น่ากลัวว่าตระกูลพวกนี้คงจะลงมือกำจัดลูกหลานตระกูลฉู่ไปจนหมด แต่ถึงอย่างงั้นทุกอย่างก็อยู่ในการคำนวณของชายหนุ่มแล้ว! คนทรยศพวกนั้นไม่อาจขัดขวางไว้ได้ สุดท้ายพวกที่เหลือก็พากันล้มตายลงอย่างรวดเร็ว

ไม่รู้ว่าพวกเขาจะตายตาหลับหรือเปล่านะ กับการที่ต้องมาตายเพราะแผนการของผู้ที่อยู่เพียงขั้นราชันดาราคนหนึ่งเท่านั้น!