บทที่ 163 ปรึกษากับโจวต้าซาน

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 163 ปรึกษากับโจวต้าซาน
เหล่าไท่ไท่กินอาหารพลางฟังโจวกุ้ยหลานบอกเล่าเรื่องในตำบล เหล่าไท่ไท่ฟังจนหัวเราะตาหยี

“ข้ากำลังคิด ว่าจะให้ท่านลุงใหญ่ พี่เอ้อร์เฉียงกับพี่ซานเฉียงมาทำงานนี้ด้วยกัน” โจวกุ้ยหลานพูดความคิดของตัวเอง

นางมีความคิดนี้นานแล้ว ตอนนี้ก็นิ่งแล้ว การจะชักจูงให้ครอบครัวท่านลุงใหญ่ได้มีชีวิตที่ดีก็เป็นเรื่องดี

อีกอย่าง หลายปีมานี้ครอบครัวท่านลุงใหญ่ก็ดีกับครอบครัวพวกเขามาก ตอนนี้มีหนทางทำกิน อย่างไรก็ต้องทดแทนบุญคุณ

“ได้ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จ เราก็รีบไปคุยเรื่องนี้ที่บ้านลุงใหญ่เจ้ากัน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวคนในหมู่บ้านกินเสร็จก็จะมาอีก” เหล่าไท่ไท่รับปากทันที

หลังจากพวกเขากินเสร็จก็ล้างถ้วยชาม โจวกุ้ยหลานพาเจ้าก้อนน้อยไปบ้านโจวต้าซานกับเหล่าไท่ไท่

ช่วงที่เหล่าไท่ไท่สนทนากับหลี่ซิ่วยิง โจวกุ้ยหลานก็ไปเจรจาเรื่องนี้กับโจวต้าซานที่แปลงผัก

โจวต้าซานถอนหญ้าโยนออกไป พลันเอ่ย “พวกเราไปทำด้วย แล้วพวกเจ้ายังจะได้เงินหรือ?”

“ก็น้อยลงหน่อยเท่านั้น ถึงตอนนั้นข้ายังอยากทำบ้านใหม่อีก” โจวกุ้ยหลานยิ้มตอบ

ต่อให้แบ่งสามครอบครัว เดือนหนึ่งก็ได้ไม่น้อยเหมือนกัน

“ก็ไม่ต้องทำทุกวัน หนึ่งเดือนสองพันชั่ง เงินที่ได้พวกเราแบ่งตามจำนวนคน ช่วงทำงานผักก็เอาไว้ก่อนได้ ปกติสวีฉางหลินยังไปล่าสัตว์เหมือนกัน”

โจวกุ้ยหลานกล่าวแผนการของตัวเอง

โจวต้าไห่ส่ายหน้า “งานดีๆ แบบนี้ ครอบครัวเจ้าก็ทำได้ ทำไมต้องให้พวกเราคนเยอะแยะทำด้วย”

“ก็จะให้บ้านเรากินข้าวสาร แล้วดูพวกท่านกินรำกินผักดองได้อย่างไร? ท่านลุงใหญ่ ท่านอย่าเพิ่งรีบร้อนปฏิเสธ ท่านป้าใหญ่ข้าก็นอนติดเตียงนานขนาดนี้แล้ว พี่ซานเฉียงก็ยังไม่ได้แต่งภรรยา แล้วชิวเซียงอีกเล่า นางยังไม่ได้เจรจาสู่ขอ ถ้าในมือท่านไม่มีเงิน ท่านจะทำใจให้พวกเขารอต่อไปได้หรือ?”

โจวกุ้ยหลานพูดแทงใจดำโจวต้าซาน แล้วพอนึกถึงบ้านเจ้ารอง สะใภ้รองอะไรก็ไม่ทำ เอ้อร์เฉียงเลี้ยงลูกชายสามคนคนเดียวก็ลำบาก เขาเองก็ช่วยอะไรไม่ได้

พอเห็นโจวต้าซานเงียบ โจวกุ้ยหลานก็พูดต่อ “งานนี้มั่นคง ราคานี้พวกเราต้องขายออกแน่ ท่านลุงใหญ่ ท่านก็รับปากเถอะ ไม่อย่างนั้นคนเขาจะชี้หน้าด่าว่าข้าไม่มีมโนธรรมนะ”

โจวต้าซานถูกโจวกุ้ยหลานหยอกจนหัวเราะ “อย่างนั้นก็ได้ แต่เราจะแบ่งตามจำนวนคนไม่ได้ ต้องแบ่งตามกำลังหลัก กำลังรอง อย่างนั้นเงินบ้านเจ้าก็จะมีมากพอ”

“อย่างนั้นก็เอาตามนี้ เอาไว้กลางคืนท่านก็คุยกับพี่เอ้อร์เฉียงเถอะ พรุ่งนี้เช้าพวกท่านมาที่บ้านข้า ถึงตอนนั้นก็ไปกับสวีฉางหลิน”

โจวกุ้ยหลานกำหนดนัดหมายแล้วก็ลุกขึ้น จะช่วยโจวต้าซานทำงานแต่ก็ถูกอีกฝ่ายปฏิเสธ

“เจ้าไม่ต้อง เจ้าไปนั่งห้องป้าใหญ่เจ้าเถอะ พูดกับนางหน่อย” โจวต้าซานดันโจวกุ้ยหลานไปด้านข้าง

เช่นนั้นนางมิสู้ทำงานอยู่ที่นี่ดีกว่า! อยู่กับป้าใหญ่ นั่นต่างฝ่ายต่างมองต่างเกลียด

โจวกุ้ยหลานเบะปาก เดินไปข้างๆ แล้วนั่งยองลงช่วยถอนหญ้า

โจวต้าซานเห็นดังนั้นจึงไม่ห้ามนางอีก สมองขบคิดถ้อยคำของโจวกุ้ยหลาน หัวใจเปรมปรีดิ์นัก ครอบครัวมีงาน ชีวิตก็จะสบายขึ้นหน่อย

คิดถึงว่าหลานสาวคนนี้มีความสามารถ ตัวเองอยู่ดีมีสุขยังไม่พอ ยังพาให้บ้านมารดาอยู่ดีกินดีไปด้วย แถมตอนนี้ ยังจะชักนำบ้านเขาให้ก้าวหน้าอีก

แต่เพิ่งจะสร้างบ้านใหม่ก็ถูกไฟไหม้เสีย เขายังปวดใจนัก

“เจ้าคิดจะทำบ้านใหม่เมื่อไร?” โจวต้าซานฉวยยามว่างถามโจวกุ้ยหลาน

“ข้าคิดอยู่ รอให้การค้าถ่านมั่นคงแล้วค่อยสร้าง แต่ไม่รู้ว่าใครปากยาวพูดไปทั่วว่าบ้านเรามีเงิน ทำจนท่านแม่ข้าไม่ทำของอร่อยให้พวกเรากินสักนิด”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ โจวกุ้ยหลานก็หงุดหงิด

“เรื่องนี้มันก็ช่วยไม่ได้ อย่างไรก็มีคนจับจ้อง ป้าใหญ่เจ้านั่นแหละ นั่นก็มีคุยด้วยที่บ้านเยอะแยะ มาถามเอาจากข้าด้วย ข้าทำเป็นไม่รู้ ”

โจวต้าซานตอบ

“นั่นพวกเราจะสร้างบ้านก็สร้างไม่ได้กระมัง? การกินอีก จะให้พวกเราทั้งครอบครัวมีอาหารแต่ต้องอดๆ อยากๆ หรือ?”

เมื่อคิดถึงคำพูดของเหล่าไท่ไท่แล้ว โจวกุ้ยหลานก็รู้สึกคับอกคับใจ

บ้านนอกมีเรื่องดีและมีเรื่องที่ไม่ดี แต่ตอนนี้ยังจะไม่ให้นางมีเงินสักหน่อยด้วยหรือ?

แล้วนี่อย่างไร คนเยอะแยะไปนั่งบ้านนาง ถ้ารู้ว่าบ้านนางมีเงินจะไม่พลิกฟ้าเลยหรือ? คงไม่ได้อยู่สงบๆ แล้ว

“ทำอย่างไรได้ คนก็เป็นอย่างนี้แหละ”

โจวต้าซานตอบอีกคำ

ขณะทั้งสองกำลังเร่งทำงาน ทางเหล่าไท่ไท่ก็มาเรียกคน พอเห็นโจวต้าซานก็เอ่ยกับเขา “พี่ใหญ่ ท่านช่วยอุ้มพี่สะใภ้ใหญ่ขึ้นมาหน่อย ข้าจะเอาผ้าห่มพวกท่านไปซัก”

“ยุ่งยากอย่างนั้นทำไม ปล่อยนางไปเถอะ เอาไว้นางหายแล้ว พวกเราค่อยเอาผ้าห่มมาซัก”

โจวต้าซานตอบ จากนั้นก็ค้อมเอวถอนหญ้า

โจวกุ้ยหลานเงียบ นานขนาดนี้แล้ว หลี่ซิ่วยิงนอนตรงนั้นตลอด กินข้าวอะไรก็คงจะหกใส่ผ้าห่มบ้าง ห้องเหม็นไปหมดแล้ว

“ท่านจะเกรงใจข้าไปทำไม? มาช่วยกันเร็ว ซักตอนนี้ ตากทั้งบ่ายก็แห้งแล้ว กลางคืนพวกท่านก็นอนได้แล้ว”

เหล่าไท่ไท่ยืนกราน

โจวต้าซานเห็นเหล่าไท่ไท่ว่าอย่างนี้ ดังนั้นจึงลุกขึ้น ตักน้ำล้างมือ แล้วตามเหล่าไท่ไท่เข้าไปในบ้าน

โจวกุ้ยหลานอยู่ที่แปลงผัก ถอนหญ้าต่อ

พอคิดถึงเรื่องนี้ ก็คิดว่าจะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้

จะเดินหน้าก็ไม่ใช่ จะถอยก็ไม่ใช่ ยุ่งยากเสียจริง

ช่วงบ่ายโจวกุ้ยหลานช่วยโจวต้าซานอยู่ที่แปลงผัก เหล่าไท่ไท่ยุ่งกับการซักเครื่องนอน รอจนพวกเขาทำเสร็จแล้ว เหล่าไท่ไท่ก็ตากของที่ซักไว้ข้างนอก

เจ้าก้อนน้อยนั่งยองอยู่ข้างแปลงผัก ช่วยถอนหญ้าด้วย มองโจวกุ้ยหลานเป็นพักๆ เมื่อเห็นว่านางอยู่ เขาก็อุ่นใจ

พอเหล่าไท่ไท่ว่างก็มาช่วยโจวต้าซานที่แปลงผักด้วย เห็นว่าตรงนี้ปลูกผักสารพัด นางก็เริ่มเอ่ยปากเองก่อน “พี่ใหญ่ นี่ดูจะหนาวขึ้นทุกทีแล้ว ไม่อย่างนั้นท่านก็หาเวลาดองผักพวกนี้เถอะ ไม่อย่างนั้นพอเข้าหนาวจะไม่มีอะไรกินเป็นกับ”

“ข้าก็คิดจะทำอย่างนั้นเหมือนกัน แต่โถในบ้านไม่พอใช้” โจวต้าซานเอ่ย แล้วทำงานของตัวเองต่อ

ตอนนี้โจวกุ้ยหลานถึงนึกถึงโถในบ้านที่นอนอยู่ พลันเอ่ย “ท่านลุงใหญ่ โถใบใหญ่ที่ข้ายืมไปอยู่ที่บ้านข้าแน่ะ เดี๋ยวข้าจะให้สวีฉางหลินเอามาส่งให้ท่าน”

โถใบใหญ่นั่นน่าจะบรรจุผักในแปลงนี้ได้หมด

“โถใบนั้นไม่ใช่ถูกเผาไปแล้วหรือ?” โจวต้าซานถามขึ้นอย่างประหลาดใจ

เหล่าไท่ไท่ที่อยู่ข้างๆ ถลึงตาใส่โจวกุ้ยหลาน แต่กลับเอ่ยกับโจวต้าซานว่า “นังเด็กนี่ขายถ่านแล้วก็ซื้อของกลับมาเป็นกอง โถนั่นนางก็ซื้อกลับมาด้วย”

โจวกุ้ยหลานก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเอง ไม่ต่อความ

เหล่าไท่ไท่กำลังคิดจะพูดอะไรอีก แต่ได้ยินคนข้างนอกเรียกนางก่อน

เหล่าไท่ไท่ตักน้ำล้างมือ ออกไปแพล็บเดียวก็กลับมาอีก พอเห็นโจวกุ้ยหลานก็บอกกับนางว่า “เจ้าพาเด็กไปดูแลป้าใหญ่ของเจ้าก่อน”