หลังจากที่หยานชิงเจ๋อฟังเธอพูดจบแล้ว หลังจากนั้น ก็ตัดสายไปในทันที
ฮ่า ๆ เขาหาเส้นสายมาหรือ? ขอบคุณฟ้าขอบคุณดินหรือ?
เกรงว่า คนที่เขาควรที่จะต้องขอบคุณมากที่สุด ก็คงจะเป็นซูสือจิ่นนั่นแหละ!
เธอเสียเสียสละเรือนร่างของเธอ ก็เพื่อแลกกับความปลอดภัยของบิดาของเขา
นี่มันดูถูกกันมากไปแล้ว!
จู่ ๆ หยานชิงเจ๋อก็รู้สึกราวกับว่าจมลงไปในสระน้ำลึก ในช่วงเวลานั้น พื้นดินแยกออกจากกันอย่างรุนแรง ทันใดนั้นเอง น้ำในสระก็เดือนพล่าน!
นัยน์ตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำในทันที เขารู้สึกว่าเลือดทั้งร่างของเขาเดือนลานไปหมดแล้ว ความรู้สึกที่อยากจะพุ่งเข้าไปทำลายโลกทั้งใบ ทำให้สติสัมปชัญญะทั้งหมดของกลับมลายหายไปแล้ว
เขาเหยียบคันเร่งจนสุดอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้น ออกตัวรถไป แล้วมุ่งตรงกลับไปที่คอนโดมิเนียมของตนเอง
ระหว่างทาง เขาไม่รู้เลยว่าตนเองฝ่าไฟจราจรมากี่อันแล้ว เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ายามปกติใช้ระยะเวลาในการขับรถเพียงแค่ยี่สิบนาทีเท่านั้น แต่ทว่าเขากลับใช้เวลาไปเพียงแค่ห้านาทีก็กลับไปถึงแล้ว
เขาเหยียบเบรกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจองรถในลานจอดรถอย่างคนมักง่าย หลังจากนั้นก็ลงจากรถ
หยานชิงเจ๋อสาวเท้ายาวก้าวเข้าไปในตัวลิฟต์ เห็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นไม่หยุดบนหน้าจอแอลอีดีด้านบน สุดท้ายแล้วก็มาถึงชั้นของเขา เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเขาจึงสาวเท้าออกมา ก่อนจะไปหยุดอยู่หน้าประตูของห้องพักของตนเอง
ในตอนที่เขากำลังจะหยิบกุญแจเพื่อเปิดประตู ก็ดันไปเห็นว่าที่ด้านข้างของตัวล็อกนั้นมีรอยเล็ก ๆ อยู่
หัวใจของเขาตกตะลึงในทันที หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นในบ้านกัน?!
ความกังวลในหัวใจของเขาค่อย ๆ กดทับไฟโทสะ เขาหยิบกุญแจออกมา ก่อนจะเสียเข้าไปในตัวล็อก เปิดประตู
เพียงแต่ เขาหมุนอยู่หลายครั้ง เดิมก็เปิดประตูไม่ออกเลย ทันใดนั้นเอง หัวใจก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีแล้ว
เดิมซูสือจิ่นนั้นอยู่ที่บ้าน ภายในหัวใจมีความวิตกกังวลอยู่เล็กน้อย เมื่อได้เย็นเสียงจากประตูที่ล็อกอยู่ หัวใจของเธอกระตุกวูบทันที หลังจากนั้นจึงลุกขึ้นยืนจากโซฟาอย่างรวดเร็ว
เธอเดินไปที่ประตู ก่อนจะส่องตาแมวอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ได้เห็นเงาและเสียงที่คุ้นเคย
แต่ทว่า เมื่อครู่นี้ที่ชำเลืองมองดูครั้งหนึ่งแล้ว เธอก็มองออกแล้วว่าหยานชิงเจ๋อนั้นดูแทบจะไม่เป็นปกติเล็กน้อย
หัวใจที่สงบของซูสือจิ่นเต้นระรัวขึ้นอีกครั้งในทันที เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ครั้งหนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “ชิงเจ๋อ รอก่อนนะคะ ฉันจะเปิดประตูให้พี่เอง!”
พูดไป เธอก็เปิดประตูออก
“ชิงเจ๋อ ขอโทษนะคะ เมื่อตอนเช้าที่ฉันออกไปข้างนอกดังทำกุญแจหาย กลัวว่าจะมีคนเก็บได้ แล้วเข้ามาในบ้านของพวกเรา ดังนั้นเมื่อครู่นี้ก็เลยเรียกคนมาเปลี่ยนให้แล้วน่ะค่ะ” ซูสือจิ่นอธิบาย
หยานชิงเจ๋อได้ยินคำพูดของเธอ ไม่ได้เอ่ยอะไร แต่ทว่ากลับเดินมุ่งตรงเข้าไปในห้องแทน
เขาปิดประตู หลังจากนั้นจึงหันสายตาเย็นยะเยือกขึ้นไปมองบนร่างของเธอ
เขาเห็น เห็นว่าเธอสวมใส่ชุดที่ไม่เคยสวมใส่มาก่อน อีกทั้งก็เป็นรุ่นใหม่ที่ไม่เหมือนกับสไตล์การแต่งตัวประจำวันของเธอด้วย มองดูแล้วก็ไม่คล้ายกับเป็นรุ่นใหม่ของฤดูนี้เลย
รายละเอียดทั้งหมดก็ดี อย่างอื่นก็ดี ทั้งหมดล้วนอธิบายหมดแล้ว ว่าเมื่อคืนวานเธอไม่ได้กลับมาจริง ๆ ด้วย!
อีกทั้งยังอยู่ในกันกับลั่วฝานหวาภายในห้องเดียวกันด้วย!
ผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ด้วยกันในห้องสองต่อสองจะทำอะไรได้?
ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว ในตอนแรกนั้นเธอกับลั่วฝานหวานั้นรู้มักจี่กันมานาน ถ้าไม่ใช่เพราะคืนนั้น พวกเขาก็จะต้องเป็นแฟนกันไปแล้ว!
ดังนั้นแล้ว……
ร่างทั้งร่างของหยานชิงเจ๋อซวนเซเล็กน้อย
ตื่นเถอะ ผู้หญิงของเขา สวมหมวกเขียวให้กับเขาแล้ว!
เขารู้สึกหัวใจหนักอึ้ง มีความเจ็บปวดทิ่มแทงขึ้นมา หลังจากนั้นก็ทิ่มเข้าที่วิญญาณของเขาอย่างบ้าคลั่งเลยก็ไม่ปาน ทำให้อวัยวะทั่วทั้งร่างของเขานั้นแปรเปลี่ยนเป็นยากที่จะรับมือได้ไหว
ซูสือจิ่นเห็นสีหน้าของหยานชิงเจ๋อไม่ถูกต้องแล้ว สัมผัสที่หกของเธอทำให้เธอยิ่งครุ่นคิดมากขึ้นไปอีก แต่ทว่าก็ยังคงทำลายความเงียบ แล้วเอ่ยถามว่า “ชิงเจ๋อ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ? เรื่องของพี่ก่อนหน้านี้ แก้ปัญหาได้หรือยังคะ?”
หยานชิงเจ๋อได้ยินประโยคนี้ของเธอ สายตาก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวกลับมา
ใบหน้าของเขาที่สงบนิ่งและราบเรียบ จู่ ๆ ก็เผยรอยยิ้มออกมา แต่ทว่านัยน์ตากลับเต็มไปด้วยประกายเยือกเย็นทั้งหมด
ซูสือจิ่นเริ่มสั่นสะท้าน “ชิงเจ๋อ?”
“เรื่องของฉันแก้ได้หรือไม่ได้ เธอไม่ได้รู้เรื่องดีที่สุดหรือไง?” หยานชิงเจ๋อสบตามองซูสือจิ่นเด็กสาวที่เขานั้นแม้กระทั่งปลายนิ้วเดียวก็ยังไม่กล้าแตะต้องมาตั้งแต่เล็ก ๆ กลับใช้เรือนร่างของตนเองไปแลกเปลี่ยนกับคนอื่น!
เมื่อเขาคิดมาได้จนถึงตอนนี้แล้ว จู่ ๆ โทสะที่กดข่มเอาไว้ก็ตีรวนขึ้นมาอีกครั้งราวกับพายุบ้าคลั่งก็ไม่ปาน ไร้หนทางที่จะควบคุมต่อไปอีกแล้ว
เดิมเขาก็ไม่รอให้ซูสือจิ่นตอบกลับ ก่อนจะก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าวอย่างรวดเร็ว เดินเข้าไปในห้องหนังสือ หลังจากนั้น ก็ปิดประตูลงทันที
แผ่นหลังของเขาแนบชิดเข้ากับประตู มือของเขากำหมัดเข้าหากันแน่น ที่ด้านบนปรากฏเส้นสีเขียวขึ้นมา เป็นเพราะว่าออกแรง มันจึงขึ้นสีซีดขาว ร่างทั้งร่างกำลังสั่นสะท้าน
เขาใช้ความมุ่งมั่นของตนเองอย่างสุดกำลัง เพื่อที่จะรักษาระยะห่างกับเธอเอาไว้ เพราะกลัวว่าตัวเองนั้นจะไม่ทันได้ระวัง แล้วพลั้งมือทำร้ายเธอเข้า!
เป็นเพราะว่าตัวเขานั้นรู้ดี เขาในตอนนี้ นอกจากคิดที่จะอยากฆ่าคนแล้ว ก็มีแต่คิดที่อยากจะฆ่าคนเต็มไปหมด!
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าจู่ ๆ หัวใจของตนเองกลับเป็นราวกับสัตว์ป่าเช่นนี้ ไร้ทางควบคุม มีเพียงแค่ความคิดที่อยากจะทำลายโลกทั้งใบ!
ซูสือจิ่นได้ยินคำนั้นของหยานชิงเจ๋อแล้ว หัวใจก็เย็นเฉียบในทันที
เขารู้แล้วหรือ?
ถ้าอย่างนั้นแล้วเขารู้มากแค่ไหน?
เขาจะเข้าใจเธอผิดไปหรือเปล่า?
หรือจะบอกว่า เธอไปที่ห้องนั้น ถูกฉินไห่เทาแตะต้องครู่หนึ่ง ถึงแม้ว่าความเป็นจริงแล้วจะไม่ได้เกิดอะไรขึ้นก็ตาม แต่ทว่า เขาก็ยังคงใส่ใจ แล้วรู้สึกว่าเธอสกปรกอย่างนั้นหรือเปล่า?
หัวใจของซูสือจิ่นครุ่นคิดไปมา รู้สึกว่าที่ปลายจมูกเริ่มแสบร้อนขึ้นเล็กน้อยแล้ว เธอยังคงยืนอยู่ที่เดิม เดิมก็ไม่รู้เลยว่าควรที่จะเข้าไปอธิบายหรืออย่างไรดี
ในตอนนั้นเอง หยานชิงเจ๋อที่อยู่ภายในห้อง รู้ซึ้งถึงความทุกข์ทรมานที่สุดในการเป็นมนุษย์
เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาเจ็บปวดราวกับถูกฉีกทึ้ง เขาคิดอยากที่จะออกไปบีบซูสือจิ่นให้ตาย แต่ทว่า สติสัมปชัญญะของเขานั้นกลับทำให้เขาจำเป็นที่จะต้องขังตัวเองให้อยู่ในนี้ไปก่อนครู่หนึ่งแทน
ร่างทั้งร่างของเขาสั่นเทาอย่างรุนแรง การหายใจติดขัด ราวกับว่าเป็นคนที่ถูกยาพิษก็ไม่ปาน ในตอนที่กำลังเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นเอง มันจึงทำให้ก่อเกิดความรู้สึกราวกับว่าใกล้จะขาดอากาศหายใจ
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ในกระเป๋าของเขากลับส่งเสียงดังขึ้นมา
เขาหงุดหงิดจนแทบจะคิดอยากที่จะฟัดโทรศัพท์มือถือให้แตก แต่ทว่า ในตอนที่มองเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ เขานั้นจำเป็นที่จะต้องควบคุมตนเองเอาไว้
หยานชิงเจ๋อกดเลื่อนรับสาย ก่อนที่จะส่งเสียงออกมา “พ่อครับ”
“ชิงเจ๋อ” หยานเว่ยคุนเอ่ย “สองวันมานี้ลำบากแกแล้ว ฉันไม่เป็นไรแล้ว สามารถพูดได้เลย บางครั้งเข้ารับราชการก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไป ดังนั้นแล้ว ฉันวางแผนที่จะเกษียณแล้ว หลังจากนี้ทางฝั่งธุรกิจของตระกูล ก็ต้องรบกวนแกเข้ามาดูแลแล้วละนะ!”
“ได้ครับ พ่อครับ พ่อวางใจเถอะครับ” นิ้วมือของหยานชิงเจ๋อยังคงสั่นเทาอยู่ตลอด
หยานเว่ยคุนเอ่ย “อืม ประเดี๋ยวฉันก็จะกลับบ้านแล้ว แม่แกบอกว่า ครั้งนี้ฉันจำเป็นที่จะต้องซวยไป ดังนั้นแล้ว ในตอนกลางคืน พวกเราทั้งบ้านไปทานข้าวกันที่ Royal Empire กันเถอะ! พ่อของเสี่ยวจิ่นเองก็บอกมาแล้ว ถือว่าเลี้ยงตอบรับ ดังนั้นแล้ว เมื่อถึงตอนหกโมงเย็น แกก็พาเสี่ยวจิ่นมาด้วยแล้วกันนะ”
“พ่อครับ ผมกับเสี่ยวจิ่นมีธุระครับ วันนี้เกรงว่า……” หยานชิงเจ๋อคิดก็แทบจะไม่ได้คิด ก่อนจะปฏิเสธไปโดยตรงแล้ว
ทันใดนั้นเองหยานเว่ยคุนก็หัวเราะออกมาทันที “พวกแกสองคนไม่ได้เจอกันมาตั้งหลายวันแล้ว มีแผนของคู่สามีภรรยากันหรือไง? ไม่เป็นไร พวกแกจัดการธุระของพวกแกไปเถอะ ถ้าอย่างนั้นแล้วงานเลี้ยงวันนี้ เป็นพวกคนแก่ ๆ อย่างพวกเราก็ดีเหมือนกัน!”
“ครับ” หยานชิงเจ๋อเอ่ย “พ่อครับ ยังมีเรื่องอะไรอีกไหมครับ?”
“ไม่มีแล้วล่ะ” หยานเว่ยคุนเอ่ย “ดูแลเสี่ยวจิ่นให้ดีนะ”
หยานชิงเจ๋อวางสายไปแล้ว ร่างทั้งร่างกำลังยืนครุ่นคิด แทบจะเริ่มผ่อนอารมณ์ลงไปแล้ว
เขาค่อย ๆ ยืดตัวตรงช้า ๆ หลังจากนั้นจึงเปิดประตูห้อง
ซูสือจิ่นยังคงอยู่ในห้องรับแขก เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวแล้ว ก็รีบมองมาทันที
หยานชิงเจ๋อสาวเท้าทีละก้าวไปหาเธอ
เธอรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย มือทั้งสองข้างที่อยู่ข้างลำตัวนั้นอดไม่ได้ที่จะคว้าจับเข้ากับเสื้อผ้า ริมฝีปากสั่นระริกเล็กน้อย “ชิงเจ๋อ พี่เป็นอะไรไปคะ?”
“เสี่ยวจิ่น ฉันถามเธอ เมื่อคืนวานเธออยู่ที่ไหน?” หยานชิงเจ๋อสบตามองซูสือจิ่นก่อนจะเอ่ยถามออกมา
หัวใจของซูสือจิ่นแข็งค้างในทันที
ในเมื่อช่วงเช้า เขาโทรศัพท์มาหาเธอ เธอบอกว่ากำลังนอนอยู่ในห้องนอนใหญ่
แต่ทว่าเมื่อครู่นี้ เขากลับมาบ้าน เธอบอกเขาว่าเธอออกไปตอนเช้ามืด หลังจากนั้นก็ทำกุญแจหายแล้วเปลี่ยนล็อกแล้ว
ดังนั้นเรื่องราวทั้งหมดก็ไม่ได้เผยไต๋อะไรออกมาเลย แต่ทว่า เธอกลับหลงลืมปัญหาหนึ่งไปเสียแล้ว!
ในตอนที่หยานชิงเจ๋อโทรศัพท์มาหาครั้งแรกนั้น ระยะเวลาห่างจากตอนที่เขากลับบ้านมาไม่นานนัก เขาโทรศัพท์เข้ามาในตอนที่เธอกำลังนอนอยู่ ถ้าอย่างนั้นแล้วจะออกไปเปลี่ยนตัวล็อกแล้วได้อย่างไร?
หรือว่าจะเป็นเพราะเหตุนี้เขาก็เลยสงสัยเธอ?
ซูสือจิ่นเอ่ย “ฉันก็อยู่บ้านน่ะสิคะ ตอนเช้ามืดพี่โทรศัพท์เข้ามาหาฉันยังไม่ได้ลุกจากเตียงเลย ลงไปซื้อของที่ชั้นล่างมา กลับมาก็ค้นพบว่ากุญแจหายไปไหนก็ไม่รู้ มันหาไม่เจอแล้ว ดังนั้นก็เลยไปตามช่างมาเปลี่ยนตัวล็อกค่ะ”
พูดไป เธอกลัวว่าเขาจะไม่เชื่อ ดังนั้นจึงหยิบกุญแจที่เหลือออกมา “ชิงเจ๋อ พี่เองก็เปลี่ยนกุญแจในพวงกุญแจของพี่เถอะค่ะ!”
หยานชิงเจ๋อสบตามองซูสือจิ่น
ใบหน้าของเธอยังคงเช่นเดิม แต่ทว่า นัยน์ตากลับแฝงไปด้วยประกายตื่นตระหนกและความตกตะลึงออกมา
เป็นเพราะว่าเธอกำลังพูดโกหก ดังนั้นเธอจึงกลัวใช่ไหม?
การหายใจของเขาเริ่มยุ่งเหยิง ความเจ็บปวดภายในหัวใจเริ่มตีรวนขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว
ซูสือจิ่นเห็นว่าหยานชิงเจ๋อจ้องเธอและไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรกลับไป ดังนั้นแล้ว จึงส่งกุญแจไปให้ “ชิงเจ๋อ?”
“เพี๊ยะ!” หยานชิงเจ๋อรับกุญแจมา ก่อนจะโยนมันไปที่พื้นอย่างรวดเร็ว
เป็นเพราะว่าเขาออกแรงมาก ดังนั้นแล้ว มันจึงเกิดเสียงตกกระทบลงพื้นดังขึ้นมาอย่างชัดเจน
ซูสือจิ่นตกตะลึงจะแข็งค้างไปในทันที ร่างทั้งร่างอดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลัง แม้กระทั่งลมหายใจก็เริ่มติดขัดขึ้นมาแล้ว
“ซูสือจิ่น โกหกฉันทำไม?!” หยานชิงเจ๋อเห็นเธอก้าวถอยหลังไป หัวใจของเขาก็ยิ่งทุกข์ทรมานมากขึ้นกว่าเดิม เขาสาวเท้าก้าวไล่ตามเข้าไป จนกระทั่งแผ่นหลังของซูสือจิ่นแนบเข้ากับหน้าต่างที่ยาวถึงพื้นในห้องรับแขก
“ชิงเจ๋อ พี่กำลังพูดอะไร……” หัวใจของซูสือจิ่นหวาดกลัว ไม่รู้ว่าควรที่จะต้องอธิบายอย่างไร
ถ้าหากว่าเธออธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟังแล้ว เขาจะเชื่อไหม?
แต่ทว่า เมื่อคืนวานนั้นเธออยู่กับลั่วฝานหวาที่โรงแรมทั้งคืนจริง ๆ
หากเธอบอกว่าพวกเขาไม่ได้มีอะไรกัน แม้กระทั่งนอนก็นอนกันคนละห้อง หยานชิงเจ๋อจะเชื่อหรือเปล่า?
แผ่นหลังของซูสือจิ่นแนบชิดเข้ากับกระจกเย็น ๆ เธอส่ายหน้า “ชิงเจ๋อ ไม่เอาแบบนี้สิคะ……”
“ไม่เอาแบบนี้?!” หยานชิงเจ๋อเอ่ยขึ้นพร้อมกับดวงตาแดงก่ำ “ถ้าอย่างนั้นแล้วเธอจะให้ฉันเอาแบบไหน?! ในเมื่อเมื่อวานเธอไม่ได้กลับมาทั้งคืน เธอเคยคิดบ้างหรือเปล่า ว่าเธอเป็นเมียของฉันน่ะ?!”
หัวใจของซูสือจิ่นหนักอึ้งในทันที
เขารู้แล้วจริง ๆ เขารู้แล้วว่าเธอไม่ได้กลับบ้าน……
ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็เธอก็จะอธิบายทั้งหมดออกมาเลยแล้วกัน!
ซูสือจิ่นส่ายหน้า “ชิงเจ๋อ มันไม่ใช่แบบที่พี่คิดนะคะ พี่ฟังฉันพูด——”
“ฉันคิดอะไร?” หยานชิงเจ๋อพูดแทรกเธอ แทบจะตะคอกออกมาเลย “เธอบอกฉันมาสิ ฉันคิดอะไร?!”
ซูสือจิ่นเห็นว่าหยานชิงเจ๋อบันดาลโทสะแล้ว
ครั้งแรก เป็นในตอนที่พวกเขาแต่งงานกัน เธอบอกว่าจะไปหาลั่วฝานหวา เขาก็แทบจะล็อกเธอเอาไว้กับที่นั่งของเบาะทางด้านหลังอย่างไร้สติ ก่อนจะตะคอกใส่เธอ
ส่วนครั้งที่สอง นั่นก็คือวันนี้
แต่ทว่า วันนี้เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าน่ากลัวกว่าก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก!
ในตอนแรกเริ่ม เขาไม่ได้เอ่ยอะไรเลย ราวกับว่าเป็นพายุฝนที่ใกล้จะสงบ
แต่ทว่าตอนนี้……
เธอสั่นสะท้าน ก่อนจะหันไปส่ายหน้ากับหยานชิงเจ๋อ “ฉันกับลั่วฝานหวาไม่ได้มีอะไรกัน! พี่ต้องเชื่อฉัน!”
“ฮ่า ๆ ในที่สุดเธอก็พูดออกมาแล้วหรือ?” หยานชิงเจ๋อสบตามองซูสือจิ่น นัยน์ตาของเขามีหยาดน้ำตาคลอขึ้นมาแล้ว “แล้วทำไมต้องเปิดห้องกับเขาด้วย?! บอกฉันมาสิ ทำไม?!”