ตอนที่ 295

My Disciples Are All Villains

หยวนเอ๋อส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมา “ศิษย์พี่สาม ข้าเคยพูดต้องหลายครั้งแล้ว…พวกเราน่ะไปรบกวนท่านอาจารย์ไม่ได้หรอก ท่านอาจารย์ได้บอกเอาไว้ว่าห้ามรบกวน ถ้าหากฝ่าฝืนเข้าพวกเราก็คงจะต้องรับโทษหนักแน่”

“เอ่อ…” ต้วนมู่เฉิงได้แต่เกาหัวก่อนที่จะถอยกลับไป ในตอนแรกตัวเขาตั้งใจที่จะให้หยวนเอ๋อชักจูงให้ผู้เป็นอาจารย์คนนี้ออกมา ยังไงซะหยวนเอ๋อก็เป็นศิษย์ที่อาจารย์โปรดปรานมากที่สุด นางอาจจะได้รับการยกเว้นจากการลงโทษก็เป็นได้ ตัวเขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่านางจะปฏิเสธได้ลงคอแบบนี้

ฮั๊ววู่เด๋ามองไปทางศาลาทิศตะวันออกก่อนที่จะพูดออกมา “ถ้าหากเป็นแบบนี้จริงพวกเราก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากทำตามสิ่งที่ท่านปรมาจารย์ต้องการ” ตัวเขาที่พูดเสร็จก็ได้หันหลังกลับก่อนที่จะจากไป

ฮั๊วยู่จิง, ฝานซง, โจวจี้เฟิง, ต้วนมู่เฉิง และสาวกหญิงคนอื่นๆ ได้จากศาลาตะวันออกไป

ฮั๊ววู่เด๋ามองดูม่านพลังเพื่อตรวจสอบความแข็งแกร่ง เมื่อมองเสร็จแล้วตัวเขาก็ได้พูดออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน “ม่านพลังอ่อนพลังลงอีกแล้ว”

ต้วนมู่เฉิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พูดออกมา “ผู้อาวุโสฮั๊ว ดูเหมือนม่านพลังนี้จะอยู่ได้อีกไม่นาน ถ้าหากท่านอาจารย์ยังไม่ออกมาจากการเก็บตัว แล้วใครกันที่จะต้องออกไปรับมือกับหยวนดู่ล่ะ? ” ฮั๊ววู่เด๋าที่เคยพูดประวัติของหยวนดู่มาทำให้ต้วนมู่เฉิงรู้สึกกังวลกับเรื่องนี้

คนอื่นๆ เองก็จำสิ่งที่ฮั๊ววู่เด๋าพูดได้ดี เมื่อคิดแบบเดียวกันทุกคนก็ได้แต่สั่นไปเพราะความกลัว

หยวนดู่ถือเป็นผู้ฝึกยุทธอัจฉริยะจากเมืองหลวงทางตอนเหนือ คนคนนี้เป็นยอดฝีมือในยุคเดียวกันกับปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า!

ฮั๊ววู่เด๋านึกถึงฝานหลี่เทียนและเล้งลั่วขึ้นมา “พวกเราจะต้องรับมือให้ได้ดีที่สุด ไม่ต้องห่วง พวกเราต้องทำได้แน่ ฝานซงและโจวจี้เฟิงพาคนของพวกเราไปคอยอยู่ที่เชิงเขาซะ ถ้าหากได้ข้อมูลอะไรมาแล้วก็รีบมาแจ้งพวกเราทันที”

“พวกข้าเข้าใจแล้ว” ฝานซงและโจวจี้เฟิงรีบพาคนอื่นๆ จากไป

“แล้วข้าล่ะ? ” ต้วนมู่เฉิงได้ถามออกมา

“เจ้าน่ะตามข้ามา”

ทั้งสองคนได้เดินออกจากศาลาทางตะวันออกไป ครู่ต่อมาทั้งสองคนก็มาถึงที่พักของเล้งลั่ว

มันเป็นที่พักแห่งหนึ่งที่แสนจะเงียบสงบ

ฮั๊ววู่เด๋ามองดูรอบๆ ตัว หลังจากนั้นตัวเขาก็ได้กระแอมก่อนที่จะเอ่ยปากพูดออกมา “ฮั๊ววู่เด๋าอยากที่จะขอพบท่าน” แม้ว่าฮั๊ววู่เด๋าจะเป็นผู้อาวุโส แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังนับว่าเป็นผู้เยาว์เมื่อต้องเทียบกับเล้งลั่ว

ต้วนมู่เฉิงรีบเคาะประตู

ไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออก

เล้งลั่วสวมใส่หน้ากากสีเงิน เขาได้เปิดประตูออกมาโดยที่มืออีกข้างไขว้หลังเอาไว้ ตัวเขาได้จ้องมองฮั๊ววู่เด๋าและต้วนมู่เฉิงก่อนที่จะถามออกมา “มีเรื่องอะไรกัน? “

ฮั๊ววู่เด๋ารีบพูดเข้าเรื่องในทันที “ข้าเกรงว่าศาลาปีศาจลอยฟ้ากำลังจะมีภัย ข้าอย่างที่จะยืมมือผู้อาวุโสเล้งช่วยเหลือซะหน่อย”

เล้งลั่วหัวเราะเสียงแหบแห้งก่อนที่จะพูดขึ้น “ท่านปรมาจารย์จะต้องดูแลศาลาปีศาจลอยฟ้าเป็นอย่างดีอยู่แล้ว…ไหนเลยจะมีภัยคุกคามอะไรในตอนนี้ได้กัน? ” เล้งลั่วและฝานลี่เทียน ทั้งสองคนไม่ได้คิดกังวลอะไรกับม่านพลังที่กำลังอ่อนแอลงเลย

ฮั๊ววู่เด๋าโค้งคำนับให้ก่อนที่จะพูดต่อ “ท่านปรมาจารย์กำลังเก็บตัวฝึกฝนตัวเองอยู่ ไม่มีวี่แววที่เขาจะออกมาจากการเก็บตัวเลย ข้าเกรงว่าท่านจะเป็นเพียงคนเดียวที่จะสามารถจัดการกับศัตรูที่แสนน่ากลัวได้”

เล้งลั่วได้หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่จะชี้ไปยังที่พักใกล้ๆ “เจ้าไปขอความช่วยเหลือจากตาเฒ่าฝานนั่นสิ”

เสียงของเล้งลั่วไม่ทันที่จะเงียบหายไป ในตอนนั้นเองเสียงประตูอีกบานก็ถูกเปิดออกมา ฝานลี่เทียนได้ออกมาจากที่พักพร้อมกับขวดเหล้าที่อยู่ในมือ “เล้งลั่ว เจ้ามันช่างโหดร้ายซะจริง เจ้าควรจะเป็นแนวหน้าในการต่อสู้ให้กับพวกเขาในตอนที่ท่านปรมาจารย์ไม่อยู่แบบนี้สิ คนแก่ๆ อย่างข้าคงจะช่วยอะไรได้ไม่มากหรอก”

“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว พลังวรยุทธของเจ้าในตอนนี้กำลังฟื้นกลับมา อย่าคิดว่าข้าไม่รู้เรื่องนั้นซะล่ะ! ” เล้งลั่วพูด

“เจ้าน่ะมันก็พูดได้นิ…” ภาพที่ได้เห็นดูผิดแปลกกับภาพที่ได้คาดคิดเอาไว้ ทั้งสองคนถือเป็นผู้อาวุโสที่อยู่มากว่าหลายร้อยปี แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาทั้งคู่กลับทะเลาะกันเหมือนกับเด็กๆ

ฮั๊ววู่เด๋าและต้วนมู่เฉิงที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ตกตะลึง

“ผู้อาวุโส…ได้โปรดช่วยฟังข้าก่อนจะได้ไหม? ” ฮั๊ววู่เด๋าพยายามไม่ให้ทั้งสองคนทะเลาะกัน เล้งลั่วและฝานลี่เทียนได้จ้องมองกลับไปยังเขาในเวลาเดียวกัน

“พูดออกมา”

ฮั๊ววู่เด๋ารีบพูด “ศัตรูของพวกเราครั้งนี้เป็นอัจฉริยะผู้ใช้ดาบ ข้าเกรงว่าพวกท่านจะเป็นเพียงแค่คนเดียวที่จะจัดการกับชายคนนี้ได้ ผู้อาวุโสถ้าหากท่านทั้งสองร่วมมือกันพวกเราจะต้องฝ่าอุปสรรคไปได้แน่”

เล้งลั่วเหลือบมองไปที่ฝานลี่เทียน แม้ว่าหน้ากากของเขาจะปิดซ่อนอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้ แต่ถึงแบบนั้นทุกคนก็ต่างรู้ดีว่าชายคนนี้กำลังใช้ความคิดอยู่ ‘ทำไมข้าเล้งลั่วผู้ยิ่งใหญ่ถึงจะต้องร่วมมือกับขอทานเฒ่าคนนี้ด้วย? ‘

ฝานลี่เทียนบิดขี้เกียจตามปกติ ตัวเขาไม่ได้มองกลับไปที่เล้งลั่วแม้แต่น้อย แต่ถึงแบบนั้นท่าทีของพวกเขาทั้งคู่ก็ต่างคล้ายครึงกัน

เล้งลั่วได้มองไปที่ฮั๊ววู่เด๋าก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้าน่ะมาจากสำนักหยุนและได้ฝึกฝนวิชาผนึกตราประทับทั้งหกจนไปถึงขั้นสุดยอดได้แล้ว…อย่างเจ้ารับมือกับชายคนนี้ไม่ได้เลยอย่างงั้นหรอ? “

ฮั๊ววู่เด๋าได้ตอบกลับมาด้วยท่าทีที่ดูอึดอัด “ข้าก็แค่ป้องกันได้อย่างเดียวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นพลังวรยุทธของผู้บุกรุกยังเหนือกว่าข้าไปหลายขุมนัก…”

“เหนือกว่าหลายขุม? “

“ถูกต้องแล้ว”

เล้งลั่วถึงกับตกตะลึง ตัวเขาเองก็ถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีความรู้กว้างขวางเช่นกัน มีเพียงผู้ฝึกยุทธเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะมีระดับทัดเทียมกับปรมาจารย์มหาวายร้ายภายในโลก คนคนนั้นจะเป็นใครกัน?

“อัจฉริยะผู้ใช้ดาบอย่างงั้นหรอ? “

“ถูกต้องแล้ว”

เล้งลั่วแสดงท่าทีที่ดูเหยียดหยามออกมาก่อนที่จะพูดเย้ยหยันขึ้น “ลั่วฉางชิงจากสำนักหยุนและลั่วฉีซานนักบุญแห่งดาบต่างก็เป็นรุ่นน้องของข้า สองคนนี้ไม่มีสิทธิ์ต่อกรกับข้าได้แน่”

ฮั๊ววู่เด๋ายิ่งรู้สึกอึดอัดใจมากขึ้นกว่าเดิม ถ้าหากเป็นสองคนนั้นจริงพวกเขาก็คงจะสามารถรับมือได้ ท้ายที่สุดแล้วทั้งสองคนก็ถือว่าเป็นคนรุ่นเดียวกับฮั๊ววู่เด๋า หลังจากที่หยุดพูดไปพักหนึ่งฮั๊ววู่เด๋าก็ได้พูดออกมา “ชื่อของชายคนนั้นคือหยวนดู่”

พรึ๊บ!

ขวดเหล้าในมือของฝานลี่เทียนถึงกับตกลงไปกับพื้น ใบหน้าของเขามีแต่ความตกตะลึง นิ้วก้อยข้างขวาของตัวเขากำลังสั่นเครือ ข้างๆ เขาเล้งลั่วเองก็มีอาการเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะมีหน้ากากปิดบังใบหน้าเอาไว้ แต่การจะจินตนาการถึงสีหน้าของเล้งลั่วในตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย

ฝานลี่เทียนได้ไอออกมา ตัวเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะเก็บซ่อนสีหน้าเมื่อครู่นี้เอาไว้ ตัวเขาพยายามพูดออกมาให้เป็นธรรมชาติที่สุด “ตาเฒ่าคนนี้แม้ว่าจะถือขวดเหล้าก็ยังทำไม่ได้…เล้งลั่ว ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ยากยอมรับแต่ข้าคงจะเทียบกับเจ้าไม่ได้เลย เจ้าควรจะเป็นผู้จัดการอัจฉริยะผู้ใช้ดาบคนนี้…เอ๊ะ? เหล้าของข้าหมดซะแล้ว ข้าจะมีชีวิตอยู่ไปทำไมถ้าหากไม่มีเหล้ากัน? เห็นทีข้าจะต้องไปหาเหล้าใหม่ซะแล้วล่ะ”

เล้งลั่วรีบเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เพียงแค่วินาทีเดียวเท่านั้นตัวเขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าฝานลี่เทียนที่เดินไปไกลกว่าหลายเมตร “ฝานลี่เทียน…ข้าน่ะรู้ว่าเจ้าชอบดื่มเหล้ามากแค่ไหน เพราะแบบนั้นข้าจึงเตรียมเหล้าเอาไว้ให้เจ้าแล้ว ข้ารู้ดีว่าขาแข้งของเจ้าน่ะมีปัญหา เหล้าทั้งหมดอยู่ในที่พักของเจ้าแล้วล่ะ…”

“หะ? ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ” ฝานลี่เทียนไม่เข้าใจอะไรเลย

เล้งลั่วได้ยกแขนขวาขึ้นมาเล็กน้อย ในตอนนั้นเองพลังจากมือก็ได้ยกขวดเหล้าที่มีอยู่ในที่พักของฝานลี่เทียนให้ลอยขึ้นมา “เหล้าศตวรรษ…”

ฝานลี่เทียนถึงกับเงียบ

เล้งลั่วได้เก็บมือเอาไว้ที่ด้านหลังเช่นเดิม ตัวเขาได้ถอนหายใจก่อนที่จะพูดออกมา “อันที่จริงตัวข้ามีพลังวรยุทธรวมไปถึงความสามารถที่เหนือกว่าเจ้า…แต่ถึงแบบนั้นข้าในตอนนี้กลับได้รับบาดเจ็บสาหัสมา จุดตันเถียนของข้ายังไม่ฟื้นฟูเร็วเท่ากับของเจ้า เจ้าได้ของวิเศษอย่างดอกแมกโนเลียสีดำช่วยฟื้นฟู ถ้าหากเจ้าใช้พลังอย่างเต็มที่และสู้จนตัวตาย ข้าคิดว่าหยวนดู่คงจะไม่คิดดูถูกเจ้าแน่”

ฝานลี่เทียนได้ไอออกมา สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไป ‘สู้จนตัวตายอะไรกัน? มันจะต้องร้ายแรงถึงขนาดนั้นเลยหรอไง? ‘

เล้งลั่วได้พูดต่อ “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าน่ะสัญญากับท่านปรมาจารย์เอาไว้แล้วว่าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อศาลาปีศาจลอยฟ้า เจ้าไม่ควรจะปัดความรับผิดชอบง่ายๆ แบบนี้สิ…เจ้าน่ะเป็นเพียงคนเดียวในศาลาปีศาจลอยฟ้าที่จะทำให้หยวนดู่รู้สึกพึงพอใจได้”

“แน่นอนว่าข้าเคยพูดว่าแบบนั้น แม้ว่าจะต้องเสี่ยงชีวิตข้าก็จะปกป้องศาลาปีศาจลอยฟ้า…แต่ถึงแบบนั้นเจ้าเองก็พยายามปัดความรับผิดชอบอยู่”

ต้วนมู่เฉิงได้โค้งคำนับก่อนที่จะพูดออกมา “ได้โปรดท่านผู้อาวุโส ร่วมมือกันด้วยเถอะ! “

ทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างก็มีสถานะที่ทัดเทียมกัน ความจริงแล้วไม่มีเหตุผลเลยที่จะต้องมาทะเลาะกันแบบนี้

ในตอนนั้นเองที่อุโมงค์ภายในสุสานแห่งดาบ

พรึ๊บ! แคล๊ก!

โลงศพใบหนึ่งได้เคลื่อนไหวไปมา แม้ว่ามันจะเคลื่อนไหวแต่ก็ไม่มีใครออกมาจากโลงศพ โลงศพใบนั้นได้บินออกมาจากอุโมงค์ก่อนที่จะผ่านม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ดมา ท้ายที่สุดแล้วมันก็ได้ออกจากสุสานแห่งดาบมาด้วยเช่นกัน