ตอนที่ 361 ศิษย์อาจารย์พบนักโทษ

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 361 ศิษย์อาจารย์พบนักโทษ

วันจันทร์ เย่ว์จือเหิงส่งคนมาที่หมู่บ้านเหมียวไจ้ รับลู่จือฉินกับลู่หันซูไปเจอเหมียวฉีในที่ที่ถูกคุมขังโดยเฉพาะ

นักโทษของเผ่ามีน้อยมาก นักโทษอุกฉกรรจ์ก็น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย คนที่ถูกขังอยู่ที่นี่จึงเป็นแบบขังเดี่ยวหมด

เหมียวฉีนั่งฝั่งตรงข้าม ไม่พูดอะไร

เธอไม่รู้จักสองคนนี้ มาหาเธอทำไม

ลู่จือฉินกับลู่หันซูต่างรู้สึกเหนือความคาดหมายเล็กน้อยที่เหมียวฉีนิ่งมาก ไม่มีลักษณะภายนอก ‘พิเศษ’ แบบที่นักโทษควรมี

ลู่จือฉินยิ้มแนะนำตัวเองให้คนฝั่งตรงข้ามรู้จัก “สวัสดีค่ะเหมียวฉี ฉันชื่อลู่จือฉินเป็นหมออยู่ประเทศเหยียนหวง นี่คือลูกศิษย์ของฉัน ลู่หันซู”

“หมอลู่ พวกคุณมาหาฉันทำไมเหรอคะ”

เธอเป็นนักโทษคุมขัง ไม่มีเพื่อน ไม่คิดว่าจะมีใครมาหาเธออีกนอกจากคนในครอบครัว

น่าแปลกจริงๆ

แต่มาหาเธอในที่คุมขังแบบนี้ได้ย่อมไม่ใช่คนทั่วไปแน่นอน

ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่

“เหมียวฉี ได้ยินว่าคุณศึกษาพวกยาตำรับพิสดารมามากพอสมควร ฉันเองก็ค่อนข้างสนใจด้านนี้เลยมาลองพูดคุยกับคุณหน่อย”

เหมียวฉีอึ้งไปชั่วขณะแล้วยิ้มพูด “ก็ใช่ค่ะ นอกจากเรื่องนี้แล้วฉันยังจะมีเรื่องไหนให้คนนึกถึงอีกเหรอคะ หมอลู่รู้จักคนตระกูลปาเหรอคะ”

เธอไม่เดาว่าตระกูลเย่ว์

ไม่ว่าจะประเทศไหน ชาวบ้านทั่วไปก็ยากที่จะเป็นเพื่อนกับนักการเมือง ผู้กุมอำนาจทหาร เศรษฐีชั้นแนวหน้า แต่คนในวงการแพทย์กลับคบหากันได้หมด

ความเมตตาไร้ขอบเขต แพทย์ไร้พรมแดน

“ใช่ค่ะ ฉันเคยพูดคุยกับหมอเทวดาปาถิง”

พอได้ยินว่า ‘หมอเทวดาปาถิง’ เหมียวฉีก็อึ้งไป จากนั้นก็ยิ้ม “ดูจากอายุของหมอลู่ไม่เหมือนคนที่น่าจะเคยพูดคุยกับหมอเทวดาปาถิงเลยนะคะ”

อันที่จริงเธอก็ไม่ได้สงสัยคำพูดของลู่จือฉินหรอก เพราะอีกฝ่ายไม่มีความจำเป็นต้องโกหกนักโทษประหารที่อาจใกล้ถูกตัดสินในเร็วๆ นี้

เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มีชีวิตรอดอยู่ต่อ

ลู่จือฉินลูบใบหน้าที่ไร้ริ้วรอยของตัวเอง “ฉันศึกษาพวกด้านชะลอวัยกับบำรุงมาบ้าง อายุจริงก็เลยต่างกับรูปลักษณ์ไปมาก”

เหมียวฉีพยักหน้า มองลู่จือฉินสักพักแล้วมองลู่หันซู “ดวงตาของเด็กคนนี้…สวยมากค่ะ” เหมือนดวงตาของเหมียวอวี้น้องสาวเธอไม่มีผิด

ลู่หันซูพูดโดยที่ดวงตาแฝงความแค้น “เหมือนแม่ค่ะ”

แต่เธอก็รู้ดีว่า หากเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้นเธอก็ไม่มีทางได้เกิดมา

“…สวยดี”

สายตาของเหมียวฉีกลับมาที่ลู่จือฉิน “หมอลู่อยากคุยด้านไหนเหรอคะ อันที่จริงฉันก็ไม่ได้เก่งด้านการแพทย์ ก็แค่มีความรู้เรื่องยาอยู่บ้าง”

“คุณรู้จักพิษฮ่วนเซี่ยงหรือเปล่า”

“รู้ค่ะ มันเป็นพิษประหลาดที่ผสมระหว่างสัตว์กับพืช ฉันเคยอ่านเจอในหนังสือ แต่ไม่เคยเจออย่างแท้จริง การจะถูกพิษชนิดนี้ก็ไม่ง่าย หมอลู่มีคนไข้ที่ถูกพิษประหลาดนี้เหรอคะ”

“ค่ะ”

“ในตำราบอกว่าหญ้าชิงซินถอนพิษได้”

“ใช่ค่ะ หญ้าชิงซินก็คือหญ้าร้อยรส ฉันตามหาอยู่นานก็ยังไม่พบ”

เหมียวฉีไม่ประหลาดใจ

ถ้าถอนได้ง่ายๆ งั้นก็ไม่ใช่พิษประหลาดแล้ว

ต่อให้วิธีถอนทำได้ง่าย แต่สมุนไพรหายาก งั้นก็ไม่ต่างอะไรกับไม่รู้วิธีถอน

“ฉันช่วยไม่ได้ค่ะ ขอโทษด้วย”

“พวกเราเคยคิดว่า เอาสรรพคุณของหญ้าร้อยรสมาจำแนกออก จากนั้นก็ใช้สมุนไพรที่มีสรรพคุณคล้ายกันมาแทนที่ เพียงแต่สมุนไพรบางชนิดมีฤทธิ์ต้านกัน เอามารวมกันไม่ได้…”

เหมียวฉีครุ่นคิดแล้วพยักหน้า “ที่หมอลู่พูดมาฉันเข้าใจค่ะ งั้นถ้าเอาสมุนไพรที่ฤทธิ์ต้านกันมาแยกออกอีกจะ…”

ลู่จือฉินยื่นมือไปทางลูกศิษย์

ลู่หันซูหยิบกระดาษกับปากกาจากกระเป๋าเป้ยื่นให้

ลู่จือฉินวางกระดาษบนโต๊ะแล้วเริ่มเขียน ไม่นานก็เขียนได้เต็มหน้ากระดาษเอสี่ ยื่นให้เหมียวฉี

เหมียวฉีแค่เหลือบมองก็รู้ว่าหมอลู่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามไม่เพียงแต่จะฝีมือดี ยังถนัดด้านการใช้ยาด้วย

“วิธีการดูเหมือนจะไหว แต่ยาอาจไม่มีผล” เพราะยาบางชนิดแม้จะไม่มีฤทธิ์ต้านกัน แต่จะเกิดเหตุการณ์ที่สรรพคุณหักล้างกัน

ลู่จือฉินพยักหน้า “ทราบค่ะ แต่หญ้าร้อยรสหายากมาก แถมคนไข้ยังถูกพิษมานาน เหลือเวลาอีกไม่เท่าไรแล้วค่ะ”

ต่อให้ตอนนี้ทำยาชนิดนี้ออกมาได้ก็ยังต้องทดสอบในสัตว์ก่อนว่าให้คนกินได้หรือเปล่า

ส่วนเรื่องผลข้างเคียง เธอไม่ได้กังวลมาก

ขอแค่ช่วยชีวิตกลับมาได้ก็มีเวลาค่อยๆ ปรับรักษากันไป

เหมียวฉียื่นมือไปทางลู่หันซู “ขอปากกาที่คนละสีหน่อย”

ลู่หันซูหยิบปากกาสีน้ำเงินในกระเป๋ายื่นให้

เหมียวฉีปรับเปลี่ยนสมุนไพรในกระดาษ ทั้งยังเขียนปริมาณ จากนั้นก็ยื่นให้ลู่จือฉิน

“หมอลู่ลองดูนะคะว่าถ้าปรับเป็นแบบนี้จะเหมาะสมกว่าไหม”

ลู่จือฉินอ่านชื่อสมุนไพรที่เขียนด้วยสีน้ำเงินบนกระดาษ ยิ้มพูด “สมุนไพรพวกนี้หาได้ง่ายมาก แต่ถูกใช้ไม่บ่อย”

“ใช่ค่ะ ฤทธิ์ของพวกมันอ่อนโยนมากจนถึงขั้นที่มีหรือไม่มีก็ได้เมื่อรวมกับสมุนไพรตัวอื่น”

สมุนไพรที่เธอปรับเปลี่ยนเป็นสมุนไพรที่ปกติเอามาทำกับข้าวกินได้ ตราบใดที่ไม่กินทุกวันหรือกินปริมาณเยอะก็ไม่เป็นไร

“ฉันจะกลับไปศึกษาดู ขอบใจนะเหมียวฉี”

เหมียวฉียิ้ม “ในบ้านฉันมีตำราโบราณส่วนหนึ่ง เป็นพวกตำราที่บรรพบุรุษมากพรสวรรค์ของตระกูลเหมียวสะสมไว้ ตอนนี้ทิ้งไว้ให้เจียงเย่ว์ลูกสาวฉันแล้ว ถ้าหมอลู่สนใจลองติดต่อลูกสาวฉันขอเอาไปอ่านได้นะคะ”

“ได้”

เหมียวฉียื่นมือไปทางลู่จือฉินหยิบกระดาษที่เมื่อครู่เขียนชื่อสมุนไพรเต็มหน้าเอสี่ จดเบอร์โทรศัพท์มือถือของเจียงเย่ว์ให้ด้านหลังแล้วส่งคืน

“ขอบใจมาก มีอะไรอยากให้ช่วยไหม ตราบใดที่ฉันทำได้ฉันจะช่วย”

“ถ้าอย่างนั้นตอนหมอลู่ยืมหนังสือแล้วเอามาคืนก็ช่วยชี้แนะเจียงเย่ว์บ้างนะคะ เด็กคนนี้มีพรสวรรค์สูง นิสัยก็ไม่ได้เลวร้าย”

“…ไม่มีปัญหา” ลู่จือฉินไม่คาดคิดว่าเหมียวฉีจะขอร้องแบบนี้

ทั้งสองคนคุยเรื่องยาสำหรับการใช้ในด้านอื่นๆ ประมาณสองชั่วโมงลู่จือฉินกับลู่หันซูก็ออกมา ขึ้นรถไปยังศูนย์ยาของตระกูลปา

“หันซู ฟังไปตั้งเยอะ คิดเห็นยังไงบ้าง”

“อาจารย์คะ ยาแต่ละชนิดเอาไปใช้ได้หลากหลายมากเลยค่ะ…ถ้าอยากใช้ยาให้มีประสิทธิภาพในการรักษามากที่สุดก็ต้องเลือกส่วนผสมที่เข้ากันมากที่สุด…ยาแต่ละชนิดก็มีช่วงเวลาที่ออกฤทธิ์ดีที่สุดไม่เหมือนกันด้วย…”

ลู่จือฉินพยักหน้าเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าพอใจในตัวลูกศิษย์มาก

ในด้านการแพทย์ ลูกศิษย์คนเล็กด้อยกว่าลูกศิษย์คนโตหน่อย แต่ไม่มีทางต่างกันมาก

ลูกศิษย์คนโตได้รับการสั่งสอนจากหมอที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่เด็ก ทั้งยังมีประสบการณ์จากชาติก่อน

เดิมทีลูกศิษย์คนเล็กมีพรสวรรค์อยู่แล้ว กอปรกับมีความสนใจเป็นทุนเดิม ทั้งยังมานะบากบั่นในการเรียน ต่อให้ตอนนี้ตามศิษย์พี่ไม่ทัน แต่วันหน้าระยะห่างต้องเหลือไม่เยอะแน่นอน

แน่นอนว่านี่พูดถึงแค่ด้านการแพทย์เท่านั้น

ด้านอื่นตามให้ทันยากจริงๆ

อย่างไรเสียคำว่า ‘เก่งรอบด้าน’ ก็มีคนในโลกไม่กี่คนที่แบกรับคำนี้ไหว

“ใช้ได้ เรียนรู้ได้เยอะเลยนะ”

“…อาจารย์คะ เหมียวฉีดูใจเย็นมาก”

“น่าจะรู้ว่ากำลังรับกรรมแล้ว เลยสบายใจขึ้น”

“ค่ะ”

ทั้งสองคนรวมถึงคนขับรถแวะกินข้าวกลางวันระหว่างทาง

ขณะรออาหาร ลู่จือฉินหยิบกระดาษที่เขียนเต็มหน้ามาถ่ายรูปส่งให้มู่เถาเยากับหมอเทวดาหยวน

“อาจารย์ใหญ่ของศิษย์พี่เธอเก่งเรื่องใช้ยาชนิดที่ไม่มีใครเทียบได้ ครั้งนี้ที่อยากหายามาทดแทนก็หมอเทวดาหยวนที่เสนอขึ้นมา ตอนนี้เขายุ่งมาก ไม่มีกำลังเหลือมาศึกษาเท่าไร จึงให้เสี่ยวเยาเยาปรึกษากับอาจารย์…”

“ไว้รอหนูกลับไป หนูจะเข้าไปขอบคุณหมอเทวดาหยวนพร้อมศิษย์พี่ค่ะ”

ลู่จือฉินยิ้มพลางพยักหน้า