บทที่ 313 ข้อความจากฟากฟ้า

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 313 ข้อความจากฟากฟ้า
บทที่ 313 ข้อความจากฟากฟ้า

เริ่มแรกเศษอุกกาบาตอาจดูเหมือนอยู่ไกล แต่ดูจากทิศทางการตกลงมาของมันช่างเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ

ใช้เวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจเศษอุกกาบาตที่ไฟลุกโชติช่วงก็ดิ่งลงมาใกล้พวกเขาจนสัมผัสได้ถึงความร้อน

เฉียวเสวี่ยอิงหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว อุกกาบาตที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติย่อมมีพลังมากกว่าที่เกิดจากการใช้วิชาต้องห้ามของผู้บ่มเพาะ มันอาจจะดูเล็กเหมือนจุดหนึ่งบนท้องฟ้า แต่เมื่อมันเข้ามาใกล้ ขนาดของมันก็ใหญ่โตมากเสียจนไม่มีทางที่พวกเขาจะหนีจากมันได้ทันเวลา

จากเริ่มแรกที่เฉียวเสวี่ยอิงเป็นคนดึงซูอันออกมา แต่ในไม่ช้ามันก็กลายเป็นตัวซูอันที่ลากนางออกมาเองด้วยการใช้วิชาร่างก้าวทานตะวัน แม้ว่าชายหนุ่มจะหลีกเลี่ยงการโดนอุกกาบาตได้ง่าย ๆ แต่ก็ยากที่จะรับมือกับคลื่นกระแทกที่เกิดขึ้นเมื่อเศษอุกกาบาตแต่ละชิ้นกระทบกับพื้น

ต้องรู้ไว้ว่าอุกกาบาตพวกนี้มีพลังทำลายล้างราวกับจรวดมิสไซล์ในโลกก่อนของเขา!

ความร้อนที่แผ่ออกมาทั่วบริเวณก็รุนแรงเช่นกัน

หากซูอันเป็นคนธรรมดา เศษอุกกาบาตที่ลุกไหม้เพียงลูกเดียวที่ตกลงมาในบริเวณใกล้เคียงก็สามารถคร่าชีวิตเขาได้ โชคดีที่ร่างกายของชายหนุ่มแข็งแกร่งมากกว่าคนธรรมดาหลายสิบเท่า ทำให้ตอนนี้เขาสามารถทนต่อคลื่นกระแทกที่ทำลายล้างบริเวณโดยรอบได้

เปลวเพลิงจากอุกกาบาตยังคงแผดเผาราวกับไม่มีที่สิ้นสุด ซูอันรู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกาย อากาศที่ตนหายใจเข้าไปก็ร้อนมากจนรู้สึกเหมือนจะทำให้ปอดของเขาไหม้

เฉียวเสวี่ยอิงสะบัดแขนของนาง จากนั้นใบไม้สีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนก็โอบรอบตัวทั้งคู่อย่างรวดเร็ว ก่อตัวเป็นม่านพลังที่ป้องกันพวกเขาจากคลื่นกระแทกของอุกกาบาต

“ข้าคิดถูกจริง ๆ ที่พาเจ้ามาด้วย ข้าเพิ่งรู้ว่าเจ้ามีประโยชน์ขนาดนี้!” ซูอันตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าพึงพอใจ

“และการตัดสินใจที่โง่ที่สุดที่ข้าทำในวันนี้คือการมาที่นี่กับเจ้า!” หญิงสาวบ่นเสียงดัง

แต่แล้วในระหว่างที่ทั้งสองกำลังแดกดันกันก็เกิดการระเบิดเสียงดังอีกครั้ง ทำให้เฉียวเสวี่ยอิงส่งเสียงกรีดร้องและทรุดตัวลงในอ้อมกอดของ ซูอันขณะที่ม่านพลังของนางฉีกขาดกระจัดกระจาย แต่อย่างไรก็ตามนางรีบโคจรพลังชี่เพื่อให้ม่านพลังยังคงรูปตามเดิม

เมื่อสังเกตเห็นเลือดไหลออกมาจากริมฝีปากของนาง ซูอันก็รีบพูดขึ้นว่า “เข้ามาใกล้ข้ามากกว่านี้หน่อย ม่านพลังของเจ้าจะได้ลดขนาดลง เจ้าจะได้ประหยัดพลังชี่ยิ่งขึ้น!”

“ไม่มีทางหรอก เจ้ามันลามก!” เฉียวเสวี่ยอิงก้าวถอยหลังและตั้งใจทำให้ม่านพลังใหญ่ขึ้น

“เวรเอ๊ย! พวกผู้หญิงนี่มีแต่ความไร้เหตุผลอย่างนั้นเหรอ?” ซูอันไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงทำเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงเอื้อมมือไปข้างหน้าเพื่อโอบแขนรอบเอวของนางและดึงนางเข้ามาหา ท่าทางที่ใกล้ชิดช่วยลดผลกระทบของคลื่นกระแทกที่มีต่อพวกเขาได้มาก

“เจ้าทำบ้าอะไรเนี่ย!?” เฉียวเสวี่ยอิงโวยวายพลางดิ้นรนขัดขืน

อย่างไรก็ตาม ซูอันจับแขนของนางไว้แน่นและพ่นลมหายใจแรง “เจ้าจะเอะอะไปเพื่ออะไร? นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรากอดและจูบกัน ในผนึกสวรรค์แห่งนี้เต็มไปด้วยอันตราย เจ้าไม่คิดว่าควรประหยัดพลังชี่ไว้ใช้ในยามจำเป็นจนกว่าเราจะทำลายผนึกได้สำเร็จงั้นเหรอ?

เฉียวเสวี่ยอิงรู้ว่าเขามีเหตุผล ดังนั้นหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางจึงตัดสินใจทำตามคำแนะนำของเขาและลดขนาดของม่านพลังลง

ใช้เวลาครู่หนึ่งก่อนที่เหตุการณ์จะสงบลงในที่สุด ทั้งสองคนจึงค่อย ๆ ออกจากที่ซ่อนเพื่อดูรอบ ๆ

บริเวณโดยรอบถูกทำลายล้างอย่างสิ้นเชิง หมู่บ้านถูกไฟไหม้และสามารถมองเห็นร่างคนที่วิ่งไปรอบ ๆ เพื่อช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บและดับไฟ เสียงร้องไห้คร่ำครวญดังไปทั่วบริเวณ

ซูอันเงียบไป

ฝนอุกกาบาตน่ากลัวก็จริง แต่ก็ไม่น่าเพียงพอที่จะถือว่าเป็นการทดสอบของผนึกสวรรค์ จากนี้ต่อไปจะมีอะไรมากกว่านี้อีกหรือไม่?

เนื่องด้วยความซาบซึ้งที่ชาวบ้านพวกนี้ช่วยเอาไว้ก่อนหน้านี้ เฉียวเสวี่ยอิงจึงรีบเข้าไปช่วยพวกเขาดับไฟและขนย้ายผู้บาดเจ็บ ในบางครั้งนางก็จะใช้พลังของนางในการค้ำหลังคาที่ถล่มลงมา

ซูอันไม่ได้เข้าช่วยชาวบ้านกับนาง แต่มุ่งหน้าไปที่ทุ่งแทน เฉียวเสวี่ยอิงที่เห็นดังนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจด้วยความรำคาญ

คน ๆ นี้เป็นคนใจแคบจริง ๆ! นี่เขายังคงรู้สึกขุ่นเคืองชาวบ้านที่ไม่สนใจเขาก่อนหน้านี้งั้นเหรอ?

ชายหนุ่มมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ที่สว่างที่สุดในบริเวณทุ่งเพื่อต้องการพิสูจน์บางอย่าง

อุกกาบาตก่อนหน้านี้แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และชิ้นที่ใหญ่ที่สุดร่วงหล่นเลยจากหมู่บ้านไปประมาณหนึ่งลี้ ทำให้เกิดหลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่บนพื้น แม้จะอยู่ห่างจากมันพอสมควร ซูอันก็สามารถสัมผัสได้ถึงความร้อนที่พวยพุ่งออกจากมัน ชายหนุ่มพยายามต้านทานความร้อนโดยการโคจรพลังชี่เข้าช่วย

อย่างไรก็ตาม ถึงตนจะพยายามแล้ว ชายหนุ่มก็ยังไม่สามารถเข้าใกล้ศูนย์กลางของหลุมอุกกาบาตได้เนื่องจากข้อจำกัดของการบ่มเพาะของตนเอง ซูอันยืนอยู่กับที่พยายามกวาดสายตาหาสิ่งที่ตามหาซึ่งไม่นานก็พบสิ่งที่ต้องการเห็นในที่สุด

ซูอันประหลาดใจเมื่อเห็นคำเขียนขนาดใหญ่บนอุกกาบาต เขาเงยหน้าขึ้นมองดูดวงดาวเบื้องบน สงสัยว่าสวรรค์เป็นสิ่งที่มีความคิดความรู้สึกจริง ๆ หรือไม่?

เขากลับมาที่หมู่บ้านด้วยใจที่หนักอึ้ง เฉียวเสวี่ยอิงมุ่งหน้ามาหาเขาทันที

“เจ้าไปไหนมา? ทำไมไม่อยู่ดูแลช่วยเหลือชาวบ้าน?”

ซูอันส่ายหัวและตอบว่า “แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร? เราไม่สามารถเปลี่ยนบทสรุปของเหตุการณ์ในผนึกได้อยู่แล้ว ต่อให้เราทุ่มเทช่วยพวกเขาแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี”

เฉียวเสวี่ยอิงเดือดดาลทันที “เจ้าเป็นแบบนี้ได้ยังไง? ก็ใช่ พวกเขาปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดี แต่เจ้าควรรู้ว่ามันเป็นผลมาจากกฎหมายที่เข้มงวดของอาณาจักรนี้ ในท้ายที่สุดพวกเขายังให้น้ำและยาแก่เราใช่มั้ย? นั่นแสดงให้เห็นว่าพวกเขายังมีความเมตตาอยู่ในใจ”

“นั่นมันสำหรับเจ้า” ซูอันไม่คล้อยตาม

เฉียวเสวี่ยอิงตกตะลึง “เจ้าอดแค้นไม่ได้จริง ๆ ใช่ไหม? หยุดทำตัวเป็นเด็กซักทีเถอะ!”

“เจ้าไม่เข้าใจ ไม่ว่าเราช่วยพวกชาวบ้านสักเท่าไหร่ ทุกอย่างมันจะไร้ประโยชน์ เอาเป็นว่ารอดูไปอีกไม่นานเดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง” ซูอันตอบ “ตอนนี้เจ้าควรอยู่เฉย ๆ อย่าเสียแรงเปล่า”

“ข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก!” เฉียวเสวี่ยอิงส่งเสียงจิ๊จ๊ะแล้วกลับไปช่วยเหลือชาวบ้าน

ท่านยั่วยุเฉียวเสวี่ยอิงสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 11 + 11 + 11…

ซูอันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นคะแนนความโกรธแค้นที่เขาได้รับ นางกำลังโกรธข้าอยู่จริง ๆ เหรอ?

ไม่นานเสียงกีบม้าก็ดังขึ้นมาแต่ไกล ต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็นำทหารเข้ามาในหมู่บ้าน

นี่เป็นยุคที่การพบปะกับเจ้าหน้าที่มักไม่ใช่เรื่องดี ดังนั้นมันจึงเกิดความโกลาหลขึ้นในหมู่ชาวบ้านอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม หัวหน้าหมู่บ้านก็ยังคงรีบวิ่งออกมาทักทายเจ้าหน้าที่อย่างนอบน้อม “ใต้เท้าหวัง ท่านมาถึงที่นี่มีอะไรหรือเปล่า?”

“เกิดฝนอุกกาบาตขนาดนี้ ข้าจะไม่มาได้ยังไง ข้าต้องรายงานเรื่องนี้ต่อเบื้องบนทันทีที่ตรวจสอบเสร็จ!” ใต้เท้าหวังโบกมือให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสำรวจบริเวณให้ถ้วนทั่วโดยไม่สนใจหัวหน้าหมู่บ้าน

หัวหน้าหมู่บ้านลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “ใต้เท้าหวัง ท่านเห็นแล้วใช่ไหมว่าหมู่บ้านของเราประสบภัยพิบัติครั้งใหญ่ เกือบทุกครอบครัวได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง เป็นไปได้ไหมที่ทางการจะมอบเงินบางส่วนเพื่อที่เราจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้…”

อย่างไรก็ตาม ใต้เท้าหวังพูดแทรกขึ้นก่อนที่เขาจะพูดจบ “ช่วงนี้ราชสำนักกำลังตึงเครียดด้านการเงิน เรากำลังต่อสู้กับพวกต่างเผ่าพันธุ์ที่ชายแดนทางเหนือ และรวมไปถึงการก่อสร้างพระราชวังและสุสานของจักรพรรดิก็ต้องใช้เงินเช่นกัน เรื่องง่าย ๆ เช่นการซ่อมแซมความเสียหายเล็กน้อยพวกนี้พวกเจ้าควรจัดการได้ด้วยตัวเอง อย่าสร้างปัญหาไร้สาระให้ราชสำนัก!”

หัวหน้าหมู่บ้านเริ่มกระวนกระวายมากขึ้นในขณะที่เขาแย้งว่า “แต่การเก็บเกี่ยวของเราในปีนี้ไม่ดี บ้านของเราหลายหลังถูกไฟไหม้…”

ทันใดนั้น ทหารก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างร้อนใจและรายงานเรื่องด่วน “ข่าวร้าย ใต้เท้าหวัง!”

ใต้เท้าหวังเตะทหารด้วยความโกรธที่ขัดจังหวะและตะโกนว่า “ทำตัวให้เหมาะสมหน่อย!”

ทหารขุ่นเคืองเล็กน้อย เอามือถูตรงจุดที่เขาถูกเตะขณะชี้ไปยังตำแหน่งที่เศษของอุกกาบาตหล่นลงมา “ใต้เท้า เศษอุกกาบาตที่อยู่ตรงนั้นมีข้อความสลักเอาไว้อยู่!”