เมื่อมองรอยสักบนหลังของตัวเอง ผมก็รู้ได้ในทันทีว่าในตอนที่กลับไปตัวเองจะต้องถูกสอบสวนอย่างละเอียดจากผู้หญิงทุกคนแน่ๆ โดยเฉพาะผู้หญิงที่ผมนอนด้วย แม้ว่าผมจะคิดว่ารอยสักบนหลังของตัวเองมันเท่มากก็ตาม 

มันเป็นข้อพิสูจน์ว่าฟาร์ร่าเป็นของผม มันไม่ใช่สิ่งที่ผมสามารถซ่อนไว้ได้ และถ้าผมซ่อนมันไว้ มันจะเป็นการแสดงให้เห็นว่าผมปฏิเสธฟาร์ร่าด้วยตัวของผมเอง

มันเป็นแนวคิดโบราณจากในยุคอดีต แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังต้องยึดถือแนวคิดเหล่านั้นอยู่ดี เนื่องจากการปฏิบัติและธรรมเนียมทั้งหมดต่างถูกฝังลึกอยู่ใน DNA ของเธอโดยตรง

“พอแล้ว”

ผมพูดหลังจากดูจนพอแล้วก่อนจะกระชับเสื้อให้แน่นในขณะที่เช็ดน้ำออกจากตัวเองให้หมด

งานส่วนใหญ่ที่นี่เสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงให้เร็กซ์จัดการกับส่วนที่เหลือ

“เร็กซ์”

ผมยกแขนขึ้นและติดตั้งอุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายนาฬิกาโลหะเรียบๆ ไว้อย่างรวดเร็ว มันเป็นจุดเชื่อมโยงหลักไปยังเร็กซ์ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ผมสามารถใช้เพื่อเทเลพอร์ตมายังเมืองได้ตามต้องการและสั่งการได้จากทุกที่ในโลก บวกกับสิ่งนี้ยังทำให้เร็กซ์อยู่ใกล้ผม ช่วยให้ผมออกความคิดเกี่ยวกับเมืองได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันอีกด้วย

“ทำให้ทุกอย่างเป็นประกาย”

นั่นคือคำพูดสุดท้ายของผมก่อนจะเริ่มเดินออกจากเมืองโดยเทเลพอร์ตโดยตรงไปที่ประตูเมือง เนื่องจากแค่การเดินให้ทั่วเมืองที่ใหญ่โตขนาดนี้คงต้องใช้เวลาหลายวัน

เมื่อกลับมาที่ประตูเมืองแล้ว สายตาของผมก็จับจ้องไปที่สาวสวยที่กำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงนุ่มๆ

‘ยังมีอีกหลายเรื่องเลยที่ต้องทำ’

คิดดังนั้นแล้วผมก็เดินไปข้างเธอก่อนจะวางมือลงบนศีรษะของเธอ แสงสีเขียวเล็กๆ ทำให้จิตใจของเธอสงบลงและกำจัดก๊าซที่ผมใช้ 

ผมออกคำสั่งเพื่อพาตัวเองและซาบริน่าให้หายตัวไปก่อนจะกลับมาที่ห้องโถงใหญ่เดิมซึ่งมีเสาหลักที่เราเข้าไป คราวนี้ลวดลายบนกำแพงนั้นหายไปหมดแล้ว เมืองใหญ่ในอดีตก็หายไปเช่นกัน

‘เธอน่าจะเห็นมันอย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่ง’

ผมรำพึงขึ้นมาเนื่องจากแก๊สที่ผมใช้ไม่ได้ทำให้ซาบริน่าหมดสติไปในทันที ซึ่งมันไม่ใช่เพราะ ‘ข้อผิดพลาด’ แต่อย่างใดที่ทำให้เธอฟื้นคืนสติในช่วงเวลาหนึ่ง 

หากการคำนวณของผมถูกต้อง เธอควรจะได้รับรู้รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งแต่บทเพลงของผมไปจนถึงท้องฟ้าสีครามอันกว้างใหญ่ ด้วยวิธีนี้ผมไม่จำเป็นต้องบอกอะไรกับเธอ เธอก็สามารถสร้างทฤษฎีของตัวเองได้

ก่อนหน้านี้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนฉลาดเช่นนี้คือการปล่อยให้พวกเขาปรุงแต่งทฤษฎีของตัวเองขึ้นมา แถมผมยังได้รับโบนัสเป็นการที่ซาบริน่ารู้สึกผูกพันกับผมมากขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย ความลึกลับของผมจั๊กจี้อยู่ในความคิดของเธอในการระหว่างที่เราผจญภัยด้วยกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีทางออกสำหรับเธอ 

ตอนนี้เธออยู่ในกำมือของผมแล้ว ถึงแม้จะต้องใช้เวลาพอสมควรเพื่อจะรับมือกับผู้หญิงที่ฉลาดคนนี้ก็ตาม

‘มากำหนดพื้นที่กันเถอะ’

เตียงหายไปขณะที่ซาบริน่าค่อยๆ ล่วงลงกับพื้นโดยใช้พลังของผม หน้ากากที่ทำให้เธอสลบถูกถอดออกไปก่อนที่สัญชาตญาณตามธรรมชาติของเธอจะกลับมาเริ่มทำงานอีกครั้ง 

เมื่อเห็นดังนั้นผมจึงพยักหน้าก่อนจะเดินไปยืนพิงกับเสา ปรับร่างกายให้ดูเย็นชาและเหนื่อย ใบหน้าของผมซีดลงในขณะที่ผมเริ่มหายใจเข้าลึกๆ

‘นายท่านกำลังทำอะไรอยู่เหรอคะ?’

ทันใดนั้นฟาร์ร่าห์ก็ถามขึ้นมา

‘ฉันกำลังพยายามทำให้เธอเสียใจด้วยกลอุบายอยู่’

ผมตอบไปตรงๆ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรเธอ เพราะเธอจะต้องเห็นสิ่งนี้และอื่นๆ อีกมากมาย แต่นี่จะทำให้เธอคิดไม่ดีกับผมรึเปล่านะ?

‘ทำไมนายท่านไม่จัดการเธอไปเลยหล่ะคะ? ท่านมีพลังมากกว่าเธออีก’

แค่คำตอบนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าฟาร์ร่าไม่สนใจใครเลยนอกจากผม และถ้าผมเล่นไพ่ได้ถูกต้อง เธอก็จะเป็นส่วนที่มีประโยชน์ในแผนของผมซึ่งมีประโยชน์มาก

‘ฉันมีข้อจำกัดของตัวเองหน่ะ’

ผมตอบในขณะมุ่งความสนใจไปที่การแสดงของตัวเอง 

เมื่อมองไปด้านข้างผมก็เห็นซาบริน่าเริ่มตื่นแล้ว

มุมมองบุคคลที่สาม:

“อึ๊กก”

เสียงฮึดฮัดออกจากปากของซาบริน่าเมื่อเธอเริ่มตื่นจากการหลับใหล สมองของเธอรู้สึกเวียนหัวจากบางอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน ตราบเท่าที่เธอจำได้ว่าจิตใจของเธอเฉียบแหลมเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่มีอะไรจะทำให้มันมัวหมองได้ ไม่ว่าจะเป็นเหล้าหรือยาใดๆ ก็ตาม มันยังคงเฉียบคมอยู่เสมอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม

และในตอนนั้นเองที่ซาบริน่าใช้พลังของเธอเพื่อทำให้จิตใจของตัวเองปลอดโปร่งอย่างสมบูรณ์ 

ความทรงจำของช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่เธอจะหลับเข้ามาเติมเต็มในสมองของเธอทีละเล็กทีละน้อยและชิ้นส่วนที่เธอได้เห็นก็ทำให้เธอนึกออกถึงสถานการณ์ที่เธอเผชิญ

“เธอตื่นแล้ว”

เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยก็ทำให้ซาบริน่ามองไปทางที่มาของเสียงนั้นก่อนจะพบเข้ากับออสตินที่เหนื่อยล้าและอ่อนแอลงมาก 

ความคิดหลายอย่างผุดขึ้นมาในใจของเธอขณะที่เธอพูดขึ้นมา

“นายหลอกฉัน”

เธอใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการตระหนักว่าตัวเองถูกเล่นงาน เมื่อออร่าแห่งความน่าสงสารที่ล้อมรอบเมืองหายไป ฝ่ายที่มีเหตุผลของเธอก็ตื่นขึ้นมาด้วยความเร่งเต็มที่

“นั่นใช่วิธีพูดกับเจ้านายอย่างงั้นเหรอ?”

“ให้ฉันเดาว่ามีบางอย่างในเมืองที่นายต้องการอยู่แล้ว และนายจะช่วยเมืองนี้ไม่ว่าจะมีคำพูดของฉันหรือไม่ก็ตามสินะ”

“ช่าย”

ออสตินตอบพร้อมกับพยักหน้า 

ท่าทางที่ไม่ใส่ใจของเขาทำให้ซาบริน่าเกิดความรู้สึกขมขื่นอีกครั้ง

“ทำไมฉันถึงมีอารมณ์ร่วมกับเมืองนี้กัน?”

ซาบริน่าถามถึงส่วนที่เธอพลาดไป

“เมืองแห่งที่พำนักของบรรพบุรุษเอลฟ์ เขาอาจจะไม่ได้ติดต่อกับเธอโดยตรง แต่การเป็นคนระดับนั้นเลยทำให้เมื่อเธอเข้ามาในสถานที่ของเขา เธอจะได้รับอิทธิพลโดยตรงจากอัลเบลาร์โดทำให้เธอจะยอมทำทุกอย่างเพื่อความปลอดภัยของเขาไงหล่ะ”

“งั้นเหรอ….”

ข้อมูลนั้นถูกบันทึกไว้ในใจของซาบริน่าในทันทีเพื่อที่เธอจะไม่ทำผิดพลาดอีก

“นายใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้น แถมยังทำให้ฉันเป็นเมดของนายโดยรู้ว่าตัวเองจะเหนื่อยและคงขอให้ฉันช่วยในตอนที่นายหมดแรงสินะ?”

“คงงั้นมั้ง”

ออสตินพูดแล้วยิ้มกว้าง

“ในฐานะเมดของนาย ฉันอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะรับใช้นายและไม่ทำร้ายนาย แถมการใช้คำพูดของนายอย่างเจ้าเล่ห์ก็หมายความว่าฉันต้องปกป้องนายด้วยสินะ”

ซาบริน่าพูดต่อโดยมีสีหน้าประทับใจในตอนท้าย 

ออสตินไม่ตอบแต่เพียงมองซาบริน่าด้วยรอยยิ้มล้อเลียน เธอจึงถอนหายใจออกมาขณะยืนขึ้นด้วยหลังตรงก่อนจะโค้งคำนับเขา

“ให้ฉันช่วยยังไงดีคะนายท่าน?”

เธอถามด้วยความปรารถนาที่จะล้างแค้นซึ่งเผาไหม้ลึกอยู่ในดวงตาของเธอ 

ออสตินเห็นมัน แต่เขากลับยิ้มในใจให้กับมันแทน

‘ให้ฉันฆ่าเธอเลยไหมคะนายท่าน?’

ฟาร์ร่าห์ร้องถามเนื่องจากไม่ชอบสายตาที่ซาบริน่าใช้ในการมองออสติน

‘ไม่จำเป็น หลังจากนี้เธอจะขอร้องให้ฉันหยุดเอง’

ออสตินตอบขณะกวาดสายตาไปที่ซาบริน่า

“ไม่ใช่ว่าเธอมีศัตรูกำลังตามตัวเธออยู่เหรอ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นซาบริน่าก็พยักหน้า

“ฉันควรทำอย่างไรกับพวกมันดีคะนายท่าน?”

ซาบริน่าเน้นย้ำคำพูดสุดท้ายของตัวเอง 

ผมจึงตอบไป

“คนเหล่านั้นจะไม่หยุด ไม่จนกว่าพวกมันจะได้ตัวเธอ แถมพวกมันยังมีวิธีติดตามตัวเธอด้วย ตอนที่อยู่ในเมืองเธอยังปลอดภัยอยู่ แต่ตอนนี้ไม่อีกต่อไปแล้ว”

สิ่งนี้ทำให้ซาบริน่าขมวดคิ้วก่อนจะถามกลับมา

“ฉันขอถามได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับเมืองนั้นคะ?”

“หายไปแล้ว”

ออสตินตอบทันทีโดยคลุมเครือที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 

เมื่อได้ยินคำตอบ ซาบริน่าก็เงียบไป

“ตอนนี้ทำไมเธอไม่เสิร์ฟชาให้ฉันซักหน่อยหล่ะ?”

ออสตินพูดพร้อมกับโบกมือเพื่อผลิตชุดน้ำชาพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ 

เมื่อเห็นแบบนั้นซาบริน่าก็เคลื่อนตัวไปหามัน

“ฉันชอบชาที่เราดื่มด้วยกันครั้งที่แล้วนะ ทำมันสิ”

ออสตินออกคำสั่งขณะเอนตัวไปที่เสาและเพลิดเพลินกับการชมเจ้าหญิงที่ทรงอำนาจที่สุดคนหนึ่งกำลังชงชาให้ตัวเอง

 

 

 

-Donate-

True Money Wallet ID : mraxzy 

ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต