บทที่ 286 ยอดปราณกระบี่ ผู้ฝ่าเคราะห์ทำให้ปวงสวรรค์ตกตะลึง

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 286 ยอดปราณกระบี่ ผู้ฝ่าเคราะห์ทำให้ปวงสวรรค์ตกตะลึง

หานเจวี๋ยเริ่มทำความเข้าใจมรรคกระบี่ อาศัยมหากงล้อโชคชะตาปราณกระบี่และมรรคกระบี่เทียมฟ้าเป็นพื้นฐาน เตรียมสร้างพลังวิเศษที่มีพลังปะทุขั้นสุดยอดออกมา

เป้าหมายของเขาในตอนนี้คือสังหารจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุต

หากไม่สังหารเจ้านี่ หานเจวี๋ยก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ

ด้วยคุณสมบัติมรรคกระบี่และความเข้าใจในมรรคกระบี่ขั้นสูงสุด หานเจวี๋ยเข้าฌานอย่างรวดเร็ว จิตรับรู้เข้าสู่สภาวะลึกล้ำบางอย่าง

มหากงล้อโชคชะตาปราณกระบี่สามารถผ่าชะตาชีวิตและกรรมได้ มรรคกระบี่เทียมฟ้าก็ทำได้เช่นกัน อย่างแรกมีคุณสมบัติในการควบคุม อย่างหลังมีคุณสมบัติระเบิดปะทุ หากสามารถใช้ผสานกันจะควบคุมศัตรูเอาไว้ ทำให้ศัตรูไม่อาจเคลื่อนไหวได้ จากนั้นค่อยสังหารภายในเสี้ยววินาทีก็ทำสำเร็จแน่นอน

ผ่านไปราวครึ่งปี จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยมาที่แม่น้ำมรรคกระบี่

ครั้งนี้เขาเดินตามกระแสของเงาร่างไปโดยตรงเพื่อหยั่งถึงพลังวิเศษ

หลิวเป้ยมองเห็นเขาก็รีบโค้งคารวะ

หานเจวี๋ยไม่ได้สนใจ

เห็นเช่นนี้หลิวเป้ยก็เข้าใจว่าร่างต้นมาฝึกบำเพ็ญ ดังนั้นจึงไม่ได้รบกวนอีก

ตลอดทางที่เดินไปข้างหน้า หานเจวี๋ยข้ามระดับหมื่นบรรพกาล ไท่อี่ จักรพรรดิ และยังเดินหน้าต่อไปไม่หยุด

หานเจวี๋ยในตอนนี้ก้าวข้ามจำนวนก้าวของเมื่อก่อนไปแล้ว แต่ยังคงไม่รู้สึกกดดันแต่อย่างใด

ความมั่นใจของหานเจวี๋ยทะยานสูงขึ้นในฉับพลัน

‘ครั้งนี้จะต้องแข็งแกร่งจนสังหารเจ้านกเวรนั่นให้ได้!’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ และเริ่มเร่งความเร็วฝีเท้า

ร้อยก้าว

พันก้าว

รอบๆ กายหานเจวี๋ยไม่มีเงาร่างอื่นๆ อีก มีแต่เขาที่เดินไปข้างหน้าอย่างโดดเดี่ยว รอบด้านมืดมิดไปทั้งแถบ มีแค่บันไดยาวใต้ฝ่าเท้าที่ก่อตัวจากแสงกระบี่ทอดยาวไปจนถึงสุดทางเดิน

หานเจวี๋ยค่อยๆ รับรู้ได้ถึงแรงกดดัน

ทุกๆ ย่างก้าว บนร่างกายจะได้รับแรงกดดันเพิ่มทวี

ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด ปราณอนธการในร่างของเขาเริ่มปั่นป่วน ดวงดารานับร้อยล้านดวงในโลกอนธการระเบิดแสงจ้า โลกเขย่าพิภพที่อยู่ในนั้นก็ถูกประกายแสงปกคลุมจนมิดด้วย

ขณะนี้ ทัศนวิสัยของสรรพชีวิตนับไม่ถ้วนในโลกเขย่าพิภพทั้งใบถูกปกคลุมด้วยม่านแสงอันแข็งแกร่ง ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหลายไม่อาจมองเห็นสิ่งใด ทั่วหล้าเกิดความโกลาหล

พุทธะอาภรณ์ขาวตกใจ แต่เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของหานเจวี๋ยจึงวางใจลง

แม้ไม่รู้แน่ชัดว่าหานเจวี๋ยทำอะไรอยู่ แต่หานเจวี๋ยจะไม่ทำร้ายโลกเขย่าพิภพแน่นอน

หลังเดินหน้าไปอีกราวหลายร้อยก้าว ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ต้านแรงกดดันไม่ไหว

แรงกดดันมหาศาลทำให้เขารู้สึกราวกับโลกหมุน ทัศนวิสัยพร่ามัว ท่ามกลางความเลือนราง เขามองเห็นแผ่นหลังคนผู้หนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้า มือถือกระบี่ยาว ยืนขวางอยู่ตรงจุดสิ้นสุดของแม่น้ำมรรคกระบี่ประดุจผู้เฝ้าประตู

หานเจวี๋ยไม่ทันได้คิดอะไรมากก็ถูกแม่น้ำมรรคกระบี่ขับไล่ออกมา

ขณะตกอยู่ในภวังค์ จิตรับรู้ของเขากลับสู่กายเนื้อ ความทรงจำมหาศาลทะลักเข้าสู่สมองของเขา เกือบจะเท่าพลังโจมตีของความทรงจำตอนที่รู้แจ้งมหามรรควัฏจักรอนธการในตอนนั้น

ขณะเดียวกัน

แดนเซียนและท้องฟ้าของปวงสวรรค์หมื่นโลกาเต็มไปด้วยแสงสีม่วง โลกเขย่าพิภพก็เป็นเช่นนี้ เมื่อสรรพสัตว์สามารถมองเห็นสรรพสิ่งได้ สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาก็คือแสงสีม่วงบนฟ้า

สิ่งมีชีวิตทั้งหลายแตกตื่นฮือฮา!

……

แดนเซียน เหนือท้องนภา

เจ้าแห่งวังเทพเดินอยู่บนตำหนักเมฆาอย่างช้าๆ โดยมีลูกศิษย์วังเทพหลายสิบคนเดินตามหลัง

ยามที่ท้องนภาเกิดประกายแสงสีม่วงในฉับพลัน เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้

“นี่คือกลิ่นอายของระดับเทพ ไม่ถูกต้อง มีคนกำลังบรรลุพลังวิเศษระดับเทพ!”

เจ้าแห่งวังเทพกล่าวพึมพำด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

เขารับรู้ได้ว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้มาจากวังเทพ และก็ไม่ได้มาจากแดนเซียนด้วย

แต่เป็น…ยมโลก!

หรือว่ายมโลกก็เข้าร่วมเคราะห์ด้วย?

ลูกศิษย์วังเทพคนหนึ่งอดถามไม่ได้ว่า “เจ้าวัง ปรากฏการณ์ในครั้งนี้คือลางบอกเหตุอันใด”

เจ้าแห่งวังเทพกล่าว “อาจจะเป็นผู้ฝ่าเคราะห์”

ผู้ฝ่าเคราะห์?

บรรดาศิษย์ตกใจมาก มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตเริ่มขึ้นแล้ว แต่ผู้ฝ่าเคราะห์ยังไม่ปรากฏตัวเสียที กระทั่งมีคนจำนวนไม่น้อยคิดแล้วว่าจักรพรรดิปีศาจคือผู้ฝ่าเคราะห์

เจ้าแห่งวังเทพมีสีหน้าเงียบขรึม ขณะนี้วังปีศาจมีอานุภาพที่ไม่อาจต้านทานได้ แต่กลับไม่มีผู้ฝ่าเคราะห์ นี่หมายความว่าอย่างไร

เขาไม่กล้าคิดให้ละเอียดกว่านี้

……

วังปีศาจ ภายในตำหนักของจักรพรรดิปีศาจ

จักรพรรดิปีศาจที่กำลังนั่งขัดสมาธิฝึกบำเพ็ญอยู่พลันลืมตาขึ้นมา ก่อนจะขมวดคิ้วมองผืนฟ้าเมฆสีม่วงนอกตำหนัก

เขาคำนวณได้ว่ามีคนกำลังบรรลุพลังวิเศษ อีกทั้งมาจากยมโลกเสียด้วย แต่รายละเอียดว่าเป็นใครเขาไม่อาจคำนวณได้

“ดีมาก ยมโลก ดูท่าพวกเจ้าก็คิดจะเข้ามาแทรกแซงด้วย” จักรพรรดิปีศาจพึมพำ

ขณะนี้พลังอำนาจของวังปีศาจกำลังรุ่งเรือง ยมโลกก็พลันโผล่หน้าออกมา แรงกดดันของจักรพรรดิปีศาจย่อมเพิ่มขึ้นสูงในฉับพลัน

วังปีศาจดูเหมือนจะต้านทานวังสวรรค์ สำนักพุทธ และวังเทพอยู่เพียงลำพัง ทั้งยังได้เปรียบกว่า แต่ความจริงแล้วเหนื่อยยากหาที่เปรียบมิได้ สามารถล่มสลายได้ตลอดเวลา

เผ่าพันธุ์บรรพกาลต่างๆ ล้วนมีใจทะเยอทะยาน จักรพรรดิปีศาจไม่ระวังเพียงเล็กน้อยก็อาจถูกพวกเขาทอดทิ้งได้ทุกเมื่อ

จักรพรรดิปีศาจนั่งไม่ติด ลุกขึ้นและออกไปจากตำหนักใหญ่อย่างรวดเร็ว

ปรากฏการณ์บนท้องฟ้าที่หานเจวี๋ยทำให้เกิดขึ้นยังผลให้กลุ่มอิทธิพลใหญ่ฝ่ายต่างๆ ในแดนเซียนตื่นตกใจ

แต่เนื่องจากการปิดกั้นของอาณาเขตเต๋ารวมทั้งพลังวิเศษแห่งกรรมที่หานเจวี๋ยฝึกฝน ทำให้ไม่มีคนคำนวณพบว่าเป็นเขา

……

ผ่านไปเนิ่นนาน

จิตรับรู้หานเจวี๋ยตื่นขึ้นมา เขาลืมตาขึ้นช้าๆ แสงสว่างที่น่าหวาดกลัวสาดจ้าออกจากดวงตาของเขา

‘เป็นพลังวิเศษที่ร้ายกาจมาก! ข้าชอบ!’

[ตรวจสอบพบว่าท่านสร้างพลังวิเศษระดับเทพขึ้นเป็นครั้งแรก ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ขึ้นสู่สวรรค์ทันที อาศัยพลังวิเศษนี้สร้างชื่อเสียงสะท้านไปทั่วแดนเซียน จะได้รับสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

[สอง เก็บตัวฝึกฝนเงียบ ๆ หลีกหนีจากความผิดถูก จะได้รับยอดสมบัติหนึ่งชิ้น]

หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองอย่างไม่ลังเล

[ยินดีด้วย ท่านได้รับยอดสมบัติมรรคจักรพรรดิ—เข็มขัดโลหิตลัญจกรทอง]

[เข็มขัดโลหิตลัญกรทอง: ยอดสมบัติป้องกันมรรคจักรพรรดิ ดูดซับปราณในฟ้าดินโดยอัตโนมัติ เมื่อเจ้าของถูกจู่โจมจะต้านทานการโจมตีได้เองทันที สามารถต้านทานได้มากสุดคือการโจมตีเต็มกำลังของจักรพรรดิเซียนเก้าวัฏ]

ยอดสมบัติป้องกัน!

มันจะเจ๋งเกินไปแล้วกระมัง!

หานเจวี๋ยยิ้มพอใจ จากนั้นก็เริ่มลูบคางครุ่นคิด

“เรียกว่ายอดปราณกระบี่ก็แล้วกัน”

หานเจวี๋ยยิ้มด้วยความพอใจอย่างมาก รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้มีพรสวรรค์ในการตั้งชื่อ

อู้เต้าเจี้ยนถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ยอดปราณกระบี่คือสิ่งใด พลังวิเศษหรือเจ้าคะ”

“ใช่ เป็นอย่างไรบ้าง”

“ธรรมดา”

“หือ?”

“ไพเราะที่สุดเลย!”

หานเจวี๋ยทำเสียงขึ้นจมูก จากนั้นจึงใช้แบบจำลองการทดสอบเข้าต่อสู้กับจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุต

สิบนาทีต่อมา

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง

แม้ว่าพลังวิเศษจะแข็งแกร่ง แต่ยังไม่อาจสังหารจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตได้ภายในเสี้ยววินาที สาเหตุมาจากขอบเขตพลังที่ห่างกันมากเกินไป

แต่เมื่อหานเจวี๋ยแสดงยอดปราณกระบี่อย่างต่อเนื่อง ก็ยังคงสามารถสังหารจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตได้

แต่ปัญหาคือ…

เวลาสิบนาทีมันนานเกินไป!

หานเจวี๋ยเผยสีหน้าเจ็บปวดใจ

‘ไม่ได้! ล้มเหลวเกินไป!’

หานเจวี๋ยตัดสินใจทำความเข้าใจพลังวิเศษต่อ ทำให้พลังวิเศษมรรคกระบี่ของเขาทั้งหมดยกระดับไปถึงขีดสูงสุดที่บรรลุได้ในขณะนี้

อีกสี่ปีต่อมา ปวงสวรรค์หมื่นโลกาเกิดปรากฏการณ์แสงสีม่วงปกคลุมเต็มฟ้าติดต่อกัน

สรรพสัตว์ล้วนตระหนักได้ว่าผู้ฝ่าเคราะห์จะมาแล้ว!

อีกทั้งผู้ฝ่าเคราะห์ผู้นี้ยังแข็งแกร่งเกินจะเปรียบ สามารถสร้างสรรค์พลังวิเศษระดับเทพได้อย่างง่ายดาย จะต้องเป็นการดำรงอยู่ที่ไร้เทียมทานในระดับเทพแน่นอน

วังปีศาจตกใจมาก การรุกโจมตีไม่ฮึกเหิมดุดันเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

วังเทพและสำนักพุทธก็ไม่กล้าโจมตีวังปีศาจอีก ฝ่ายวังสวรรค์กลับโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง เพราะอย่างไรเสียวังปีศาจก็กัดพวกเขาจนเจียนตายที่สุด

ในชั่วเวลานั้น สายตาของปวงสวรรค์หมื่นโลกาตกอยู่ที่ยมโลก

ผู้ฝ่าเคราะห์อยู่ในยมโลกนี่เอง!

……

ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้นด้วยสีหน้าเจ็บปวดอย่างหาที่เปรียบมิได้

เขาบรรลุถึงขีดสูงสุดแล้ว แต่การสังหารจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตยังต้องใช้เวลาหลายนาที อย่างนี้จะทำเช่นไรดี

เวลาหลายนาทีอาจเกิดเรื่องต่างๆ ได้มากมาย ไม่แน่ว่าบรรดาเฒ่าประหลาดของเผ่าอีกาทองอาจจะมาสนับสนุนก็เป็นได้

‘ช่างเถอะๆ ฝึกบำเพ็ญก่อน สาปแช่งเขาเป็นครั้งคราว สาปจนพลังมรรคของเขาลดลงต่อไป’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ ในใจ เขาไม่มีทางเลี่ยงเลย

……………………………………….