นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 168 เกลี้ยกล่อม
เหล่าไท่ไท่หึเย็นเสียงหนึ่ง “ตอนแรกข้าก็ไม่รู้อย่างไรไปชอบคนชะตาสั้นอย่างพ่อเจ้าได้ ไม่มีหัวเอาเสียเลย ซื่อจนอยากจะตีให้ตาย! แล้วยังให้ข้ารับเคราะห์มีลูกกับเขาอีก!”

“นั่นก็ไม่ใช่เพราะพ่อข้าหน้าตาดีหรือ” โจวกุ้ยหลานเบะปาก ตอบ

ตอนนั้นทุกคนล้วนเป็นฝ่ายชายมานั่งที่บ้านฝ่ายหญิง สองคนเห็นหน้ากับแวบเดียวก็ถามว่าจะตกลงหรือไม่ ถ้าตกลง เช่นนั้นก็เริ่มคุยเรื่องแต่งงาน ถ้าไม่ตกลงก็ปล่อยผ่านไป

นี่ก็ไม่ใช่ว่าต้องดูจากหน้าตาหรือ?

เหล่าไท่ไท่กลับถูกโจวกุ้ยหลานแหย่จนหัวเราะ นางถูกตัวสอดแทรกความตลกมาอย่างนี้ อารมณ์โกรธในใจจึงคลายลงไปมาก

“ข้าไม่ตกลงให้พี่เจ้าแต่งกับหลิวเซียงนั่นหรอก เจ้าเล่ห์เพทุบาย! ต่อไปพี่เจ้ายังไม่ต้องถูกกุมอยู่ในมือหรือ? อีกอย่าง บ้านเราจะแต่งเอาคนก่อเรื่องกลับมาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นครอบครัวยังจะสงบสุขหรือ?”

“แล้วยังมาวางแผนกับข้าสวีเหมยฮวาอีก! ต่อไปข้าจะอยู่อย่างสงบได้อย่างไร?”

“พี่เจ้าก็โง่จริง…”

เหล่าไท่ไท่เปิดอกพูดกับบุตรสาวคนเล็ก พูดพล่ามยืดยาว โจวกุ้ยหลานลดเปลือกตาลงฟัง ไม่ขัด

ตอนนี้นางกำลังคิดว่าบ้านตัวเองจะสร้างอย่างไรดี ไม่อย่างนั้นก็สร้างที่เดิมนั่นแหละ คอกหมู คอกวัว คอกแพะก็ต้องทำด้วย แล้วยังมีเล้าไก่ก็ต้องทำให้ใหญ่และดีด้วย

แต่จะเชิญใครมาทำล่ะ?

“นังเด็กนี่ เจ้าฟังข้าอยู่หรือเปล่า?” เหล่าไท่ไท่เห็นโจวกุ้ยหลานเงียบค่อนวัน จึงตวาดเรียก

โจวกุ้ยหลานช้อนตาขึ้น “ฟังอยู่ ท่านพูดต่อเถอะ”

เหล่าไท่ไท่ได้ยินแล้วก็เริ่มพูดระบายอารมณ์ต่อ

ไม่ได้ ต้องวาดโครงร่างให้ดี ถึงตอนนั้นให้ท่านลุงใหญ่ช่วยนางหาคน ในเมื่อคนในหมู่บ้านร่ำลือว่าพวกเขารวย อย่างนั้นก็ให้พวกเขามาดูว่าบ้านนางรวยแค่ไหน!

อื่ม พี่เอ้อร์เฉียง พี่ซานเฉียงเผาถ่านกับสวีฉางหลิน มีเวลาก็ไปซื้อวัสดุ ถึงเรื่องสร้างบ้านจะสำคัญ แต่จะละเลยธุรกิจเผาถ่านไม่ได้

“เจ้าว่าข้าทำอย่างไรดี ถึงจะทำให้พี่เจ้าล้มเลิกความคิดนี้ได้?” เหล่าไท่ไท่ถามอีกครั้ง

โจวกุ้ยหลานตะลึง จากนั้นจึงดึงสติกลับ ดึงความคิดกลับมา แล้วกระแอมกระไอล้างลำคอ “ข้าว่านะ ข้าจนปัญญา”

“เจ้าอยู่ฝั่งไหนกันแน่?” เหล่าไท่ไท่จ้องนางเขม็ง

นังเด็กนี่หัวไวเป็นกรด จะจนปัญญาได้อย่างไร?

“ข้าไม่อยู่ฝั่งไหนทั้งนั้น พวกท่านต่างมีเหตุผล ข้าจะเข้าข้างใครก็ไม่ถูก” โจวกุ้ยหลานบอกกล่าวความคิดของตัวเอง

ก่อนหน้านี้นางยังคิดจะพูดให้ไป๋เย่จื่อได้กับพี่ใหญ่นาง แต่ตอนนี้ยังมิต้องล้มเลิกไปหรือ?

เรื่องการแต่งงานนี่ อย่างไรก็ยังต้องทำตามความคิดของเจ้าตัว

เหล่าไท่ไท่ขมวดคิ้ว “เจ้ายังว่าพี่เจ้ามีเหตุผลอีก?”

“แล้วจะไม่มีเหตุผลอย่างไร? ที่พี่ข้าทำอย่างนี้ ก็เพราะเขาเป็นสุภาพบุรุษ รู้จักรับผิดชอบ ข้าว่านะ ให้ตายหลิวเซียงก็ไม่ยอมแต่งกับเจ้าโง่หมู่บ้านนางหรอก กลัวแต่นางจะดื้อรั้นถึงที่สุด ถ้านางเป็นอะไรไป ท่านจะสบายใจได้หรือ?”

โจวกุ้ยหลานกล่าว เลิกคิ้วกับเหล่าไท่ไท่

เหล่าไท่ไท่ขมวดคิ้วมุ่น “นั่นเป็นเรื่องของนางเอง ข้ามีอะไรต้องไม่สบายใจ?”

“เช่นนั้นท่านก็ทำใจแข็งไว้ ถ้าพี่ข้ากล้าแต่งกับนาง ท่านก็เอาหัวโหม่งตายไปเลย ดูสิว่าเขาจะเลือกท่านหรือจะเลือกหลิวเซียง!” โจวกุ้ยหลานทำตาโตออกความคิดให้เหล่าไท่ไท่

เหล่าไท่ไท่ตีตัวนางทีหนึ่ง โมโหเอย “เจ้าอยากให้แม่เจ้าตายขนาดนั้นเลยหรือ?”

“ข้าก็ว่าตามท่านอย่างไรเล่า? ท่านแม่ ท่านโมโหอย่างนี้จะเสียสุขภาพตัวเองนะ ใจเย็นลงหน่อยเถอะ”

โจวกุ้ยหลานเตือนเหล่าไท่ไท่

เหล่าไท่ไท่ถอนหายใจ “ข้ามีพี่เจ้าเป็นลูกชายคนเดียว ทำไมจะไม่อยากให้เขาได้เมียดีๆ? พี่สาวคนโตเจ้าก็ไม่ได้กับคนดี ถ้าให้พี่ชายเจ้าไม่มีความสุขอีก อย่างนั้นข้าก็ไม่อยู่แล้ว”

“ดูท่านพูดสิ ท่านยังมีข้าลูกคนนี้อยู่ไม่ใช่หรือ? ถ้าต่อไปอยู่กับพี่สะใภ้ไม่ได้ ท่านก็อยู่กับข้าสิ ข้าจะสร้างบ้านใหม่พอดี ข้ากำลังคิดว่าจะทำบ้านให้ใหญ่หน่อย อย่างน้อยต้องใหญ่กว่าบ้านเราห้าเท่า มีห้องเยอะหน่อย แล้วแต่ท่านจะเลือกเลย!”

เหล่าไท่ไท่ขมวดคิ้ว “เจ้าจะทำบ้านใหญ่อย่างนั้นทำไม?”

“อยู่สิ แล้วยังจะเลี้ยงไก่ เลี้ยงเป็ด เลี้ยงหมู เลี้ยงวัว ข้าต้องสร้างบ้านให้เสร็จก่อนฤดูใบไม้ผลิ ถึงตอนนั้นก็ซื้อเป็ดไก่สองสามร้อยตัวมาค่อยๆ เลี้ยง”

ครั้นพูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาโจวกุ้ยหลานก็เปล่งประกาย

จะทำอะไรก็ไม่สู้กิจการเลี้ยงสัตว์ของนาง! จริงสิ หมูด้วย ให้พี่หยางนางสักหลายสิบตัว!

แค่คิดก็ดีใจจนจะลอยแล้ว!

เหล่าไท่ไท่ขมวดคิ้ว “นั่นมิต้องใช้เงินมากหรือ? อย่างน้อยเป็นร้อยตำลึง เจ้าเอาเงินมากมายอย่างนั้นมาจากไหน?”

“ข้ามีเงิน เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหา ท่านแม่ หลิวเซียงนั่นยังรออยู่ข้างนอกอยู่เลย จะว่าอย่างไร?” โจวกุ้ยหลานรีบดึงเรื่องวกกลับมา

“อะไรนะ? เจ้ายังมีเงินอีกเป็นร้อยตำลึง?” เหล่าไท่ไท่ตกตะลึง

เป็นร้อยตำลึงเชียวนะ!

“ท่านแม่ ท่านเบาหน่อยสิ เดี๋ยวก็มีขโมยขึ้นบ้านหรอก!” โจวกุ้ยหลานรีบปราม

เหล่าไท่ไท่รีบมองข้างนอก พอเห็นไม่มีคนก็ลอบโล่งอก

ยังดีๆ ไม่มีใครได้ยิน

ไอ้หยา สุดยอดไปเลย! บุตรสาวนางมีเงินเป็นร้อยตำลึงแน่ะ!

เหล่าไท่ไท่ดีใจจริงๆ ใช้มือแห้งๆ ปิดปากลอบยิ้ม

เห็นนางอย่างนี้แล้ว โจวกุ้ยหลานก็ดีใจเหมือนกัน

เหล่าไท่ไท่อารมณ์ดียิ่ง ถามที่มาที่ไปของเงิน ถามว่ามีเท่าไรอย่างที่แล้วมา โจวกุ้ยหลานจึงบอกเล่าเรื่องที่ทำการค้ากับไป๋ยี่เซวียน เหล่าไท่ไท่ดีใจยกใหญ่

ผ่านไปพักหนึ่ง โจวกุ้ยหลานจึงเบนเรื่องกลับมาที่หลิวเซียงอีก

“ท่านแม่ ฟ้าจะมืดแล้ว จะให้หลิวเซียงเข้ามานอนในบ้านหรือจะให้นางนอนข้างนอกทั้งคืน?”

เหล่าไท่ไท่ขมวดคิ้ว พลันบอกเล่าความคิดของตัวเอง “ข้าก็ใช่ว่าจะใจร้าย จะให้นางนอนค้างหนึ่งคืนก็ได้ แต่ข้ากลัวว่านางเข้ามาแล้วจะวิ่งแจ้นไปหาพี่เจ้าอีก ถ้าต่อไปนางพูดว่าตัวเองเป็นเมียพี่เจ้าเล่า นั่นพี่เจ้ามิต้องเสียทั้งชีวิตหรือ?”

อย่างไรก็เป็นเหล่าไท่ไท่ที่มีบุตรสาวสามคน ทำใจเห็นเด็กสาวสิบห้าสิบหกนอนอยู่ข้างนอกไม่ได้เหมือนกัน เกิดใครมีความคิดชั่ว ย่ำยีนาง นางก็ไม่สบายใจเหมือนกัน

“เรื่องนี้ง่าย กลางคืนท่านก็ให้นางนอนกับท่านสิ แล้วพูดกับนางให้ชัดเจน เข้ามาได้ แต่ห้ามแต่งงานกับพี่ข้า ให้นางเริ่มช่วยบ้านเราทำงานก่อน” โจวกุ้ยหลานเสนอความคิดเห็น

เหล่าไท่ไท่คิดแล้วก็เห็นคล้อย แต่…

“ในบ้านก็ไม่มีอะไรให้นางทำ ทำกับข้าก็มิใช่มีเจ้าหรือ?”

โจวกุ้ยหลานช้อนตา “ท่านแม่ ท่านพานางไปทำสวนก็ได้นี่ ฝึกนางสักหน่อย ดูสิว่านางมีนิสัยเป็นอย่างไร ถ้านิสัยดี เช่นนั้นให้พี่ข้าแต่งกับนางจะเป็นไรไป? ถ้านิสัยไม่ดี เช่นนั้นก็ขับไล่นางออกไปอยู่เอง”

“อื่ม ความคิดดี!” เหล่าไท่ไท่ครุ่นคิด ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่เลว