บทที่ 422 ค่ายกลจูเซียนเจินกับการเปลี่ยนแปลงของตระกูลฉู่
บทที่ 422 ค่ายกลจูเซียนเจินกับการเปลี่ยนแปลงของตระกูลฉู่
โชคดีที่ค่ายกลจูเซียนเจินนั้นไม่จำเป็นต้องให้เขาใช้พลังจนหมด เมื่อเป็นแบบนี้ผู้เฒ่าสามถึงได้บาดเจ็บเพียงแค่นี้ ถ้าใช้มันนานติด ๆ กันละก็ เกรงว่าชายชราคงยืนต่อไปไม่ไหวแน่
ซึ่งก็เป็นความจริงที่ผู้เฒ่าสามยืนต่อไปไม่ไหวแล้ว ไม่งั้นเขาคงไม่ให้คนตระกูลฉู่ใช้เปลแบกกลับไปหรอก เพียงแต่สิ่งที่ทำนั้นในสายตาคนอื่น มันช่างเหมือนเป็นแผนการเชิญท่านลงอ่าง*เสียเหลือเกิน! ถ้าไม่มีเรื่องก่อนหน้านี้บางทีพวกเขาอาจไม่คิดแบบนี้ อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่มีกลุ่มอำนาจกลุ่มไหนกล้ากระโจนเข้าไปหรอก!
*แผนการเชิญท่านลงอ่าง หมายถึง ใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่ง
แม้ว่าก่อนหน้านี้ตระกูลฉู่จะเก่งกาจอยู่แล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ได้หวาดกลัวอะไร เนื่องจากพวกเขารู้ว่าตระกูลฉู่คนน้อย เว้นเสียแต่พวกเขาอยากจะฆ่าคุณให้ตาย นอกนั้นตระกูลฉู่ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร! แม้ว่าเหล่าผู้เฒ่าของตระกูลฉู่จะมีพลังวรยุทธ์แข็งแกร่งมาก แต่ก็มีขีดจำกัดเช่นเดียวกัน
ด้วยเพราะตอนนั้นจำต้องอาศัยจำนวนสมาชิกของตระกูลฉู่เข้าสู้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถปะทะกับอีกกลุ่มอำนาจใหญ่สักกลุ่มหนึ่งได้ อีกทั้งตระกูลอาจถูกกำจัดในอนาคต เพราะแบบนี้กลุ่มอำนาจในท้องทะเล แม้ว่าจะระแวงในตัวตระกูลฉู่ แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นหวาดกลัว!
อย่างไรก็ตามตอนนี้มันไม่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าตระกูลฉู่ทำยังไงถึงได้สามารถเอาค่ายกลจูเซียนเจินไปใช้ข้างนอกได้ เมื่อเป็นแบบนี้ก็ยิ่งทำให้พวกเขาทรงพลังมากขึ้นไปอีก ค่ายกลจูเซียนเจินทรงพลังเสียจนสามารถล้มกองทัพทั้งกองได้เชียวนะ! กระทั่งอาจจะมีความแข็งแกร่งมากกว่ากองทัพทั้งกองไม่รู้กี่เท่า!
ค่ายกลจูเซียนเจินสร้างความกดดัน และข่มขวัญทุกพรรคโดยรอบ ตอนนี้ราวกับว่าในใจของทุกคนได้หวาดกลัวต่อตระกูลฉู่ไปแล้ว! ถ้าตระกูลแบบนี้ยังพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ พวกเขาก็ไม่อยากจะคิดว่าจะเป็นยังไง น่ากลัวว่าในอนาคตขุมอำนาจในมหาสมุทร ตระกูลฉู่อาจจะขึ้นมาเป็นที่หนึ่ง และไม่มีใครสามารถดึงพวกเขาลงมาได้!
อย่างความสำเร็จของตระกูลฉู่ในวันนี้ ไม่มีกลุ่มอำนาจไหนสร้างทัดเทียมพวกเขาได้เลย หลังจากนี้ไปตระกูลฉู่คล้ายจะกลายเป็นแขกคนสำคัญที่ต้องต้อนรับให้ดีไปแล้ว ไม่ว่าจะกลุ่มอำนาจขนาดใหญ่ กลางหรือว่าขนาดเล็ก ก็ต้องมีของขวัญมีมอบให้แก่ตระกูลฉู่ด้วยความเคารพและยำเกรง
แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังมีคนที่คิดจะหยั่งเชิงตระกูลฉู่ พวกเขาอยากจะเช็คดูว่าเหล่าผู้เฒ่านั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องเข้าญานพักฟื้นจริงหรือเปล่า ผลลัพธ์หลังจากมาถึงเกาะตระกูลฉู่ก็พบว่าผู้เฒ่าตระกูลฉู่ส่วนใหญ่เข้าญานไปแล้วจริงๆ
อย่างไรก็ตาม นอกจากผู้อาวุโสที่เข้าญานแล้วนั้น พวกเขายังสัมผัสได้ถึงพลังงานขนาดใหญ่ที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องภายในส่วนลึกตระกูลฉู่ แต่ด้วยความที่ยังไม่ใหญ่เท่าไหร่นัก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่คนทั่วไปจะรู้สึกถึงมันได้
หลังจากเห็นดังนั้น คนที่มาสำรวจก็แอบยิ้ม พวกเขานึกว่าตระกูลฉู่เป็นพวกแต่งเป็นหมูหลอกกินเสือ*จนเป็นนิสัยหรือเปล่า? ถึงได้ชอบปิดบังพลังของตัวเองไว้ รอให้คนอื่นมาติดกับ หรือมันคิดว่าตระกูลฉู่ของพวกมันฉลาด ส่วนคนอื่นเป็นแค่ไอ้โง่รึไง?
*แต่งเป็นหมูหลอกกินเสือ สุภาษิตจีน ประมาณว่าหมาป่าห่มหนังลูกแกะ
แต่คนคนเหล่านี้ไม่รู้เลยว่า กลิ่นอายเล็ก ๆ นั่นทั้งหมดล้วนเกิดจากฉู่เหินที่ทำบางอย่างกับค่ายกลจูเซียนเจิน! หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือตอนนี้ส่วนใหญ่คนในตระกูลฉู่เข้าญานกันหมดแล้ว เหลือคนที่ใช้งานจริง ๆ อยู่ไม่กี่คน! ฉู่เหินกลัวว่าผู้มีอำนาจเหล่านั้นจะใช้ตอนนี้สร้างความลำบากให้กับตระกูล จึงได้คิดวิธีนี้ขึ้นมา
ไม่ถึงสามวัน ทางพรรคกระบี่ก็ได้ส่งคนมมาเจรจา คน ๆ นี้มาพร้อมกับของขวัญจำนวนมาก เรียกได้ว่าของขวัญพวกนี้ทำให้ผู้เฒ่าตระกูลฉู่ใจเต้นไม่หยุดเลยทีเดียว การมอบของขวัญครั้งนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองดีขึ้นระดับหนึ่ง แน่นอนว่าสาเหตุมาจากของขวัญที่อีกฝ่ายส่งมาเหล่านี้
การผงาดขึ้นมาของตระกูลฉู่ ทำให้พวกเขาเพียงขยับร่างกายนิดหน่อยก็ราวกับจะโดดเด่นเหนือผู้มีอำนาจใหญ่คนอื่น ๆ แล้ว แม้กระทั่งคนที่มีอำนาจเท่าเทียมกัน พวกเขาต่างก็ปฏิบัติต่อตระกูลฉู่อย่างหวาดกลัวเช่นกัน ส่วนพวกที่เป็นพันธมิตรกับตระกูลฉู่เหล่านั้น ตอนนี้ก็ราวกับเป็นเสือติดปีก!
ทว่าผู้เฒ่าฉู่ก็ตักเตือนพวกเขาว่าอย่าอวดดีเกินไปนัก ไม่มีคนมารังแกตัวเองก็อย่าไปรังแกคนอื่น พวกเรื่องเสื้อผ้าคุณคงรู้ว่าควรจะแต่งตัวยังไง และชายชรายังพูดต่อเนื่องไปถึงเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย หลังจากผ่านไป 10 วัน ในที่สุดผู้เฒ่าตระกูลฉู่ก็ออกมาจากญาน พวกเขาฟื้นฟูกลับมาได้ดั่งเดิมแล้ว แม้แต่ผู้เฒ่าสามเองก็ฟื้นคืนกลับมาถึง 7-8 ส่วนแล้วด้วยเช่นกัน!
จนถึงตอนนี้เรียกได้ว่าตระกูลฉู่ได้ผงาดอย่างเป็นทางการในท้องทะเลแล้ว อำนาจที่มากขึ้นมาพร้อมกับจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นี่เลยทำให้บ้านกลายเป็นคับแคบไปเลย! จนปัญญาผู้เฒ่าใหญ่กับผู้เฒ่าสองต้องเป็นคนจัดการ ติดต่อหาเกาะที่ไม่เลวและใหญ่ ๆ สักเกาะเพื่อทำการเชื่อมต่อกับเกาะของตระกูลฉู่!
ไป ๆ มา ๆ ไม่ถึง 1 เดือน เกาะตระกูลฉู่ก็ได้ขยายใหญ่ขึ้นไม่รู้กี่เท่า เมื่อก่อนคนบนเกาะมีเพียง 180 คน แต่ตอนนี้ขยายออกไปเป็น 100,000 กว่าคน
เรียกได้ว่าตระกูลฉู่เป็นเหมือนต้นไม้ใหญ่ ทำให้กลุ่มอำนาจอื่น ๆ เริ่มหวาดกลัวบ้างแล้ว! ความเร็วในการพัฒนาของตระกูลฉู่มันบ้าบอเกินไป!
ทั้งนี้ฉู่เหินยังออกความคิดเห็นให้แบ่งลำดับขั้นข้ารับใช้ออกเป็น สามหกเก้าขั้น ที่เรียกว่าสามหกเก้าขั้นก็เพื่อที่จะแบ่งคนออกเป็นเก้าขั้น จากขั้นแรกถึงขั้นที่เก้า ขั้นแรกคือขั้นที่สูงที่สุด ขั้นที่เก้าเป็นขั้นที่ต่ำที่สุดเนื่องจากคุณภาพของข้ารับใช้นั้นมีระดับที่ไม่เหมือนกัน
แต่ถ้าข้ารับใช้อยากเลื่อนขั้น นอกจากจะดูพลังวรยุทธ์เป็นที่ตั้งแล้ว ยังต้องดูเรื่องของความซื่อสัตย์ด้วย สำหรับคนที่ซื่อสัตย์ที่สุด หลังจากเลื่อนขั้นที่หนึ่งแล้ว พวกเขาก็สามารถได้รับนามสกุลฉู่และกลายเป็นคนในตระกูลได้เลยหลังจากนี้!
หลังจากได้รับการแต่งตั้งเป็นคนในตระกูลฉู่ พวกเขาก็จะกลายเป็นลูกหลานนอกตระกูลฉู่ มีลูกหลานนอกตระกูลแล้ว ก็ยังมีลูกหลานในตระกูล และลูกหลานแท้ ๆ อีก ในวันข้างหน้าคนพวกนี้สามารถกลายมาเป็นหนึ่งในผู้เฒ่าของตระกูล และนั่งตำแหน่งสูงสุดของตระกูลฉู่ได้! หรือก็คือขอแค่เพียงคุณขยัน เป็นคนดี ซื่อสัตย์ และต้องคิดถึงตระกูลก่อนอันดับแรก เพียงเท่านี้คุณก็จะมีโอกาสแล้ว!
ขอแค่พยายามมากพอก็สามารถกลายเป็นคนในตระกูลฉู่ได้! เมื่อถึงตอนนั้น คนรุ่นหลังของคุณทั้งหมดก็จะกลายมาเป็นลูกหลานของตระกูลด้วยเช่นเดียวกัน ด้วยวิธีนี้ ข้ารับใช้ของตระกูลฉู่จะไม่ต้องอยู่ใต้ล่างตลอดไป พวกเขาจะมีอนาคตและสามารถเงยหน้าอ้าปากได้บ้าง
หลังจากประกาศใช้ข้อนี้ ตระกูลฉู่ที่มีนับแสนบ้านก็คึกคักขึ้นมาทันตา กฎการเลื่อนขั้นแบบนี้ทำให้พวกเขามีความหวัง ถ้าสามารถเป็นเจ้าคนนายคนได้ ใครจะอยากเป็นคนใช้ต่อไปล่ะ ดังนั้นตอนนี้ทั่วเกาะตระกูลฉู่เลยคึกคักเพราะพวกเขาอยากจะเป็นผู้เฒ่าอันดับหนึ่งบ้าง!
ไม่ได้คิดแค่เรื่องของตัวเอง แต่คิดเผื่อคนรุ่นหลังของตัวเองด้วย ใครจะอยากให้ลูกหลานตัวเองต้องเป็นคนรับใช้เหมือนกับตัวเองล่ะ! และก็เพราะความคิดนี้ถึงทำให้ก่อนหน้านี้ในตระกูลฉู่เกิดคนทรยศขึ้นมา!
หลังจากประกาศใช้กฎข้อบังคับนี้ ผู้เฒ่าทุกคนก็รู้ได้ทันทีว่ามันจะทำให้ตระกูลก้าวไปสู่แนวทางที่ถูกต้อง! สามารถจินตนาการได้เลยว่าไม่กี่ปีหลังจากนี้ตระกูลฉู่จะแข็งแกร่งมากกว่าเดิมกี่เท่า! แน่นอนว่านอกนั้นไม่จำเป็นต้องกังวล ถ้าลูกหลานนอกตระกูลเข้ามาเยอะ นั่นก็มีความเป็นไปได้ที่คนนอกจะยึดตำแหน่งแทนเจ้าของเดิม
อย่างไรก็ตาม ในจุดนี้ฉู่เหินก็มีแผนวางไว้แล้วเช่นกัน ซึ่งอันที่จริงแล้วมันง่ายมาก นั้นก็คือแต่งงาน! เมื่อกลายเป็นครอบครัวเดียวกันก็ไม่ใช่คนนอกอีกต่อไปแล้ว! หากแต่เป็นลูกสะใภ้ ลูกเขยของตระกูลฉู่ต่างหาก! ซึ่งจะพูดยังไงก็เป็นคนในตระกูลนั้นแหละ แบบนี้แล้วจะยังมีปัญหาอะไรอีก เหล่าผู้เฒ่าที่ได้ยินความคิดนี้ของฉู่เหินก็รู้สึกสั่นสะเทือนใจ ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าชายหนุ่มคนนี้มองการณ์ไกลขนาดไหน!
ครั้งนี้ฉู่เหินอยู่ที่เกาะตระกูลฉู่นานกว่าหนึ่งเดือน ภายในหนึ่งเดือนกว่านี้เขาคล้ายจะเอาเวลาทั้งหมดมาศึกษาค่ายกลจูเซียนเจิน จากการศึกษาร่วมเดือนเขาก็ได้ผลตอบแทนมาไม่น้อย ตอนนี้ชายหนุ่มสามารถ วิวัฒนาการพลังธาตุลมได้แล้ว
เมื่อเป็นแบบนี้ ในการแข่งขันร้อยนิกายเขาก็ยิ่งรู้สึกมั่นใจเต็มเปี่ยม! แต่ว่าก่อนอื่นยังมีอีกเรื่องที่ต้องทำ นั้นคือฉู่เหินจะแต่งงานแล้ว! ตอนนี้ท้องของเสี่ยวชิงใหญ่ขึ้นทุกวัน ๆ เขาไม่อาจรอให้อุ้มเด็กก่อนแล้วค่อยแต่งได้หรอก!