บทที่ 328 การแก้แค้น

หัวหน้าโจรที่อยู่ด้านหน้าไม่ยอมปริปาก

“เพราะ…” โจรที่คุกเข่าอยู่ด้านหลังรีบสารภาพขึ้นว่า

“มีคนส่งจดหมายมาให้หัวหน้าพร้อมกับเงินหนึ่งพันตำลึงขอรับ ให้เราลักพาตัวเด็กทั้งสองคน หากทำสำเร็จพวกเราจะได้อีกหนึ่งพันตำลึง!”

“ใครคือเจ้าของจดหมาย?”

“ข้า…พวกเราไม่รู้ขอรับ มีแค่เพียงจดหมายเท่านั้น”

หลังจากโดนทรมานแล้วก็ยังไม่มีใครให้เบาะแสหรือข้อมูลที่เกิดประโยชน์ได้เลย ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครรู้ตัวตนของเจ้าของจดหมายจริงๆ

โจรเหล่านั้นฆ่าคนไปนับสิบชีวิตแล้ว พวกเขาจึงถูกตัดสินให้ประหารชีวิต ยกเว้นแต่ชายร่างเตี้ยที่ได้รับโทษสถานเบาคือการทำงานหนักห้าปี เป็นเพราะการขอร้องของซานเป่าต่อเว่ยฉิงทำให้เขาเป็นคนไปตรวจสอบเรื่องนี้เอง

เดิมทีเขาเป็นเพียงชาวนาธรรมดา มีภรรยาและบุตร ต่อมาเกิดภัยพิบัติ ครอบครัวกำลังจะอดตาย เขาไม่มีทางเลือกนอกจากกลายเป็นโจร หลังจากชิงหลงไจ้ถูกปราบปราม เขาหลบหนีไปใช้ชีวิตอย่างสันโดษกับภรรยาและลูกของเขา

แต่คาดไม่ถึงว่า โจรเหล่านี้กลับมาซ่องสุมรวมตัวกันอีกครั้ง เขาไม่อยากกลับไปเป็นโจรอีก พวกมันก็พากันไปคุกคามขู่เข็ญจะเอาชีวิตของภรรยาเขา เมื่อไม่มีทางเลือกเขาจึงต้องกลับมาเป็นโจรอีกครั้ง แต่เขามาเป็นพ่อครัวทำงานอยู่ด้านหลังไม่ได้ออกไปเข่นฆ่าใครเหมือนคนอื่น ตัวเขามีบุตรสาวอายุเท่าซานเป่า เมื่อเห็นเด็กทั้งสามคน เขาจึงรู้สึกสงสารและเวทนา จึงได้แอบช่วยหลือพวกเขาเอาไว้

สำหรับเขามันคือโชคดี ตราบใดที่เขาสามารถทนการทำงานหนักได้ถึงห้าปี เขาจะสามารถกลับไปหาภรรยาและลูกได้อีกครั้ง! อยู่อย่างสงบสุขและไม่ถูกใครคุกคามอีกต่อไป!

….

ตกดึกคืนนั้น

เว่ยฉิงเล่าให้ถังหลี่ฟังถึงเรื่องการพิพากษาคดีในวันนี้

หญิงสาวครุ่นคิดถึงฝันร้าย

“เวลามันบังเอิญเกินไป คนที่ส่งจดหมายมาต้องการที่จะแก้แค้นใต้เท้าเหวินแน่นอน”

ถังหลี่พูดแล้วนิ่งไป แต่แล้วราวกับนางคิดอะไรออก นางสบตาสามี เว่ยฉิงจึงพูดขึ้นมาเหมือนรู้ใจ

“ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังหมอฟาง…เราไม่รู้ว่าเป็นใคร เขารู้ข้อมูลภายใน…”

ทั้งสองคนเริ่มคิดไปในทางเดียวกัน เป็นไปได้ไหมว่า การตัดสินประหารชีวิตหมอฟางทำให้คนผู้นั้นไม่พอใจ จึงได้ใช้วิธีที่โหดร้ายเช่นนี้มาสั่งสอนใต้เท้าเหวินและเว่ยฉิง?

ถังหลี่คิดถึงฝันร้ายอีกครั้ง คนที่อยู่เบื้องหลังผู้นั้นโหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรม อีกทั้งมีความเป็นไปได้ที่จะรวมมือกับหมอพิษฟาง จู่ๆ นางก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา

“เว่ยฉิง ท่านต้องส่งคนไปคุ้มกันหมอซู”

เรื่องนี้ไม่สามารถรอช้าได้ เว่ยฉิงเรียกหานอี้และขอให้เขาเป็นคนคุ้มครองหมอซู หานอี้คือองครักษ์เงาที่เว่ยฉิงไว้วางใจมากที่สุด

ส่วนตอนนี้เขามีสิ่งอื่นที่อยากทำมากกว่า…

เว่ยฉิงมองภรรยาตัวน้อยในอ้อมกอด ก่อนจะคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์โน้มตัวลงขโมยจูบที่ริมฝีปากของนาง

…..

โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง

แสงเทียนส่องที่ใบหน้าหล่อเหลาของจ้าวชูทำให้ดูน่ากลัว แววตาของเขาหม่นลงในขณะที่ถือจดหมายซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับหมอซูอยู่ในนั้น ลูกน้องของเขาได้ตรวจสอบรวบรวมมาให้เมื่อวันก่อน

หมอซูผู้นี้มาจากเมืองฉินโจวเมื่อไม่กี่เดือนก่อน เขาเป็นหมอรักษา ช่วยเหลือผู้ป่วยทุกคนไม่ว่าผู้ป่วยจะยากดีมีจนอย่างไร เขาพยายามอย่างเต็มกำลังของเขา ทำให้หมอซูผู้นี้เป็นคนมีชื่อเสียง

แต่ข้อมูลก่อนหน้านั้นกลับหาไม่เจอ…

มีความเป็นไปได้อยู่สองกรณี หนึ่ง คือเขาจงใจกลบเกลื่อนอดีตของตัวเอง อีกประการหนึ่งคือแต่เดิมชายคนนั้นอาศัยอย่างสันโดษในภูเขา จากข้อมูลที่พบบอกได้ว่าหมอซูคนนี้เป็นคนดีและมีทักษะทางการแพทย์ที่ดี แต่ก็ไม่แน่ชัดว่าทักษะของเขาจะดีมากแค่ไหน

แต่ถ้าเป็นหมอที่สามารถแก้พิษของหมอฟางได้ ฝีมือของเขาคงจะมีไม่น้อยเลยทีเดียว

ถ้าเขามีทักษะสูง ก็ยังจะพอใช้ได้ แต่ถ้าหากไม่…คนผู้นั้นไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอีก

จ้าวชูวางจดหมายลงบนโต๊ะและสีหน้าของเขาก็ค่อยๆ มืดครึ้มลง

…..

วันถัดมา

โรงหมอของหมอซูเต็มไปด้วยคนไข้ หลังจากที่พบผู้ป่วยแล้วหมอซูก็เขียนใบสั่งยา มอบให้กับหลิวหลานที่อยู่ข้างๆของเขา เดิมทีหลิวหลานตั้งใจว่าตนจะเป็นสาวใช้ให้กับอาหยู แต่อาหยูกลับไม่ปล่อยให้นางทำเช่นนั้น เขาอยากให้หลิวหลานได้ทำในสิ่งที่นางชอบและพอใจที่จะทำจริงๆ นางรู้ถึงความปรารถนาดีของเขาจึงไม่อยากให้ความตั้งใจของเขาต้องสูญเปล่า

หลิวหลานอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนั้นมาหลายปี ทำการค้าขายยาและสมุนไพร จนทำให้มีความสนใจในตัวสมุนไพร ยามที่นางว่าง หลิวหลานจึงมาเป็นลูกมือช่วยหมอซูพร้อมกับเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์จากเขา

ถัดจากหลิวหลานไปเป็นเจ้าหัวไช้เท้าน้อย ที่มีนามว่าตู้เสี่ยวไป๋ เด็กชายมาเรียนรู้กับหมอซูหลายเดือนแล้ว พี่สาวของเขาบอกว่า ต่อไปในภายหน้าซานเป่าจะเป็นคนมีอำนาจมาก เมื่อถึงเวลาเขาจะกลายเป็นเจ้าอ้วนที่ไร้ประโยชน์ นางจะไม่ชอบและไม่ต้องการเขา ตู้เสี่ยวไป๋นอนเศร้าสร้อยอยู่บนเตียงเป็นเวลานาน เขาไม่อยากให้น้องสาวไม่ชอบตัวเอง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้น!

แต่ทว่าตู้เสี่ยวไป๋นั้นไม่มีพรสวรรค์ในเรื่องการเรียนและศิลปะการต่อสู้เลย เขาจึงหันมาสนใจเรื่องยาและสมุนไพรแทน ตอนนี้เขาจึงมาเป็นศิษย์เพื่อเรียนรู้กับหมอซู ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการเรียนรู้ ตู้เสี่ยวไป๋จึงได้แต่ยืนดูอย่างเงียบๆ

เมื่อหลิวหลานจ่ายยา นางจะอธิบายให้ตู้เสี่ยวไป๋ฟัง เจ้าหัวไชเท้าน้อยฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ

ไม่นานนักสายตาในห้องนั้นต่างพากันจับจ้องไปที่ประตู พวกเขาเห็นชายหนุ่มในชุดสีขาวเดินเข้ามา

คนผู้นี้หล่อเหลา ดูสง่างาม ท่าทางมีสง่าราศีราวกับขุนนางตระกูลสูง ชายชุดขาวเดินไปหาหมอซู เขาก้มหัวคารวะทักทาย

“ขออภัย ท่านคือหมอซูใช่หรือไม่?”

“ใช่แล้ว มีอะไรหรือ?” หมอซูพยักหน้า

ชายหนุ่มในชุดสีขาวยิ้ม

“หมอซู ทำงานของท่านก่อนเถอะ ไว้ค่อยคุยกันหลังจากที่ท่านทำงานเสร็จแล้ว” เขานั่งลงข้างๆ รออย่างอดทน

หมอซูมีคนไข้จำนวนมาก ชายหนุ่มชุดขาวต้องรอถึงสองชั่วยามเลยทีเดียว

เมื่อหมอซูว่างชายคนนั้นก็เดินเข้าไปหา

“นายท่านมีอะไรหรือ?” หมอซูถาม

“หมอซู ข้าแซ่จูมาจากเมืองหลวง พูดตามตรงแล้วข้ามาที่นี่เพื่อหาทางรักษาบิดาของข้า ท่านพ่อป่วยเป็นโรคนอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อสองสามปีก่อน ในตอนกลางคืนเขาไม่สามารถข่มตานอนได้ อารมณ์ของเขาฉุนเฉียวแปรปรวนมาก มีอาการใจสั่น หายใจไม่ทั่วท้อง ดูซีดเซียวลงทุกวัน ในฐานะที่ข้าเป็นบุตรชาย การที่ข้าไม่สามารถแบ่งเบาความเจ็บปวดของเขาได้มันช่างทรมานนัก หลายปีมานี้ข้าตระเวนไปหาหมอมาหลายที่แล้ว ข้าเคยเดินทางไปที่โม่เป่ยและทางใต้เพื่อพบกับหมอหลายคน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ข้าได้ยินมาว่าฝีมือทางการแพทย์ของหมอซูนั้นยอดเยี่ยมมาก จึงอยากขอร้องให้ท่านช่วยรักษาบิดาของข้าด้วย”

เมื่อพูดจบเขาก็โค้งคำนับให้หมอซูอย่างนอบน้อม ท่าทางของคุณชายจูนั้นดูจริงใจและกตัญญูมาก

“หากหมอซูรักษาท่านพ่อของข้าได้ ข้าจะให้ทุกอย่างที่ท่านต้องการ” คุณชายจูพูดอีกครั้ง

เนื่องจากอาการป่วยของภรรยา หมอซูจึงได้ศึกษาเกี่ยวกับโรคนอนไม่หลับไว้มากมาย แพทย์ที่มีจิตใจอารีเช่นเขา ย่อมถือเป็นหน้าที่ที่จะรักษาผู้ป่วยและช่วยชีวิตผู้คน

ความกตัญญูของคุณชายจูทำให้เขาประทับใจ