ตอนที่ 363 หน้าเนื้อใจเสื้อ จัดการแต่ละฝ่าย (3)
การที่พวกนางยั่วยุใส่ร้ายผู้อื่นเช่นนี้ล้วนทำไปเพราะคนคนเดียว!
คนเลวคนนั้นก็คือหนิงเซ่าชิง!
มั่วเชียนเสวี่ยกัดฟันด้วยความโมโห นางไม่ยอมรับเด็ดขาดว่าตนเองยังคงหึงอยู่จนถึงตอนนี้ เพียงแต่ก่นด่าเงียบๆ ในใจว่า ตัวหายนะ!
ช่วงเวลากลางวันไม่อาจกล่าวถึงผู้คน ช่วงเวลากลางคืนไม่อาจกล่าวถึงภูตผี…
“เป็นอันใดไป เหนื่อยแล้วหรือ”
น้ำเสียงอ่อนโยนซึ่งเจือไปด้วยความเป็นห่วงที่ดังขึ้นข้างหูนั้น ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยสะดุ้งตกใจจนลุกขึ้นมานั่ง นางหันหน้าไปตามเสียง ก็เห็นหนิงเซ่าชิงที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อใดยืนอยู่ข้างเตียง เขาอมยิ้มน้อยๆ ขณะมองตนเอง
นี่…พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา ไม่ต้องรวดเร็วขนาดนี้ก็ได้!
ทว่าในใจก็ยังรู้สึกดีใจ ทั้งสองที่ไม่ได้พบหน้ากันนานหลายวันขนาดนี้ล้วนใช้พิราบในการสื่อสาร
แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่ทำให้วุ่นวายใจในช่วงกลางวันพวกนั้นแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยก็หันหน้ากลับอย่างถือตัว หันท้ายทอยสีนิลเงาวาวให้กับหนิงเซ่าชิงโดยไม่ลังเล!
หนิงเซ่าชิงเลิกคิ้วด้วยความตะลึงอยู่บ้าง นี่คือ…การรอเวลาเหมาะสมที่จะจัดการเช่นนั้นหรือ
แต่เขารู้สึกดีใจอยู่บ้างต่ออาการแง่งอนที่หาได้ยากของมั่วเชียนเสวี่ย
เด็กสาวผู้นี้จะต้องรู้สึกหึงเหมือนเขาแน่นอน
ริมฝีปากแย้มรอยยิ้มกว้างขึ้น งดงามมากขึ้น กระทั่งแววตาก็มีความสุขเอ่อล้นออกมา หนิงเซ่าชิงเดินไปนั่งลงที่ข้างเตียง และกางแขนออกรวบมั่วเชียนเสวี่ยเข้ามาในอ้อมแขนโดยไม่เอื้อนเอ่ยวาจาใด
มั่วเชียนเสวี่ยที่งอนอยู่เงียบๆ ไม่พูดไม่จา ย่อมต้องดิ้นรนขัดขืนสักเล็กน้อย แต่แรงของนางจะแข็งแกร่งกว่าหนิงเซ่าชิงได้อย่างไร จึงกลายเป็นใจอยากจะขัด แต่กายหยาบกับยินยอม สุดท้ายเลยตัดสินใจผ่อนแรงแล้วเอนตัวพิงอยู่ในอ้อมแขนของหนิงเซ่าชิง
มั่วเชียนเสวี่ยไม่ขยับ หนิงเซ่าชิงจึงถูคางบนเรือนผมงามของนางเบาๆ ด้วยความเพลิดเพลินเป็นที่สุด
บนศีรษะถูกถูจนคันยุบยิบ คิดๆ ดูแล้ว ก็รู้สึกไม่ยินยอมอยู่บ้าง ทันใดนั้นมั่วเชียนเสวี่ยก็หันมาถลึงตาใส่หนิงเซ่าชิง และตวาดอย่างแง่งอนว่า “ท่านทำอันใดกัน บุกรุกเข้ามาในห้องส่วนตัวของสตรีนั้นผิดศีลธรรม ท่านไม่รู้หรือ”
เมื่อต้องเผชิญกับเสียงตวาดด้วยความแง่งอนที่มาอย่างกะทันหันของมั่วเชียนเสวี่ย หนิงเซ่าชิงก็ไม่ได้ใส่ใจ เพียงแค่ยิ้มเอาใจ และโน้มกายลงมาเล็กน้อย จุมพิตลงบนนัยน์ตาคู่งามที่ถลึงมองครั้งหนึ่ง เพื่อให้นางเปลี่ยนจากถลึงตาเป็นหลับตาลง “อืม คิดถึงเจ้าแล้ว”
วาจานี้อ่อนโยนเป็นอย่างมาก
บุกรุกเข้าห้องส่วนตัวของสตรีนั้นผิดศีลธรรม แต่คิดถึงเจ้า ดังนั้นแม้ว่าจะผิดศีลธรรม ก็บุกรุกมาแล้ว
มั่วเชียนเสวี่ยผลักหนิงเซ่าชิงออก พลางขดตัวไปด้านหลัง “คิดถึงข้าหรือ อย่ามา ท่านยิ่งคิดถึงข้า ก็ยิ่งจะมีบางคนที่แทบทนไม่ไหวอยากให้ข้าตาย! ข้ายังหวังว่าจะมีชีวิตอยู่นานขึ้นอีกสักวันสองวัน”
วาจานี้ไม่ได้กล่าวเพราะความโมโหชั่ววูบ และไม่ได้เป็นเพราะแง่งอนหนิงเซ่าชิง แต่เป็นความจริงจัง
ตลอดทั้งวันนี้ เริ่มต้นที่ญาติผู้น้องพาเหมยฮูหยินกับจิ้งฮูหยินมายั่วยุตนเอง ตกบ่ายก็เป็นกุ้ยเสี่ยวซีที่วางยาพิษตนเอง ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้มั่วเชียนเสวี่ยไม่สบอารมณ์!
และสาเหตุที่พวกนางพุ่งเป้ามาที่ตนเองเช่นนี้ ก็เพียงเพื่อบุรุษที่อยู่ตรงหน้านางคนนี้
อวี่เหวินหันเหล่ยทำเพื่อที่จะได้ครอบครองหนิงเซ่าชิง ส่วนกุ้ยเสี่ยวซีผู้นั้น…แม้ว่าสุดท้ายกุ้ยเสี่ยวซีจะดูเหมือนเพี้ยนหน่อยๆ แต่วัตถุประสงค์แรกสุดของนางก็คือต้องการวางยาพิษทำร้ายนาง!
จุดนี้ มั่วเชียนเสวี่ยไม่มีทางลืม
ความแค้น…นางจำได้ฝังลึกเสมอมา
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หนิงเซ่าชิงก็จับมือมั่วเชียนเสวี่ยทั้งสองข้างมาโอบที่เอวตนเอง จากนั้นเขาก็เก็บมือทั้งสองข้างกลับมา พลางออกแรงแขนกระชับอ้อมกอดมั่วเชียนเสวี่ยให้แน่นขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยรู้สึกอึดอัด นางรู้สึกเพียงแค่ความรักความอบอุ่นเท่านั้น
“เรื่องในวันนี้ทำให้เจ้าได้รับความไม่เป็นธรรมแล้ว วางใจเถอะ ข้าย่อมจัดการคนพวกนั้นแน่นอน”
กล้าที่จะทำร้ายเชียนเสวี่ยของเขา เช่นนั้นก็ต้องเตรียมรับมือกับเภทภัยที่จะเกิดขึ้นกับตนเองตลอดเวลาให้ดี!
มั่วเชียนเสวี่ยเป็นแก้วตาดวงใจของเขา หนิงเซ่าชิงไม่มีทางทนให้ผู้ใดมีความคิดที่ไม่สมควรจะมีต่อมั่วเชียนเสวี่ยเด็ดขาด
มั่วเชียนเสวี่ยที่ได้ยินวาจาของหนิงเซ่าชิง ก็หรี่ตาลง มุมปากโค้งขึ้นตาม และอบอุ่นใจยิ่งขึ้น
แม้ว่าจะเหนื่อยแทบตายจากการห้ำหั่นกันด้วยกลอุบายจากข้างนอก แต่เวลานี้กลับมีคนคนหนึ่งที่ให้การสนับสนุนนางอยู่เบื้องหลังตลอดเวลา ปกป้องให้นางไร้ความกังวลไปชั่วชีวิต นาง มั่วเชียนเสวี่ยย่อมมีความสุข
“เรื่องระหว่างสตรี ไม่ต้องให้ท่านซึ่งเป็นบุรุษสอดมือเข้ามาหรอก ข้ายังรับมือกับพวกนางได้สบายๆ”
แม้ว่าจะตื้นตันใจต่อความเอาใจใส่ ความรักและการปกป้องของหนิงเซ่าชิง แต่ตั้งแต่สมัยโบราณ บุรุษไม่สะดวกจะสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องในเรือนหลัง ถ้าหากว่าถูกคนทั่วไปรู้เข้า เกรงว่าจะหัวเราะขบขันหนิงเซ่าชิง! นางก็จะรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์เช่นกัน
คนไร้ค่าไม่กี่คนพวกนั้นนางยังจัดการไม่ได้ เช่นนี้ในภายหน้านางจะรับช่วงต่อเรือนหลังตระกูลหนิงที่กว้างใหญ่ได้อย่างไร และจะรับมือกับการห้ำหั่นด้วยกลอุบายของเหล่าฮูหยินขุนนางพวกนั้นได้อย่างไร
หนิงเซ่าชิงยื่นมือออกมาลูบใบหน้าขาวเนียนรูปไข่ของมั่วเชียนเสวี่ย สำหรับเขาแล้ว การที่มีภรรยาเช่นนี้ เขาก็ไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ว
“มีเจ้านี่ดีจริงๆ”
ใช่แล้ว มีนางนั้นดีจริงๆ ชีวิตที่ยืนยาวเช่นนี้ เป็นเพราะว่ามีมั่วเชียนเสวี่ย ถึงได้ทำให้เขามีความหวัง ทำให้เขาตัดสินใจที่จะลองต่อสู้สักตั้ง
ไม่ได้เพื่อสิ่งใด แต่เขาต้องการสร้างโลกที่ไร้ซึ่งความกังวลใบหนึ่งให้กับนาง
มั่วเชียนเสวี่ยหันหน้าเข้าหาเขา นัยน์ตาสี่ข้างประสานกัน
หนิงเซ่าชิงอมยิ้มมุมปาก รอยยิ้มงดงามอย่างหาจับตัวได้ยาก
มั่วเชียนเสวี่ยดึงสติที่เกือบจะถูกความลึกล้ำนั้นดูดเข้าไป พลางส่ายหน้า ถอนหายใจเสียงยาว
นางเอ่ยอย่างอิจฉาอยู่บ้างว่า “เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลย ท่านผู้เป็นถึงคุณชายใหญ่ตระกูลหนิงที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลหนิงก็คือหัวผักกาดแสนอร่อย แม่หมูตัวไหนเห็นท่านล้วนพยายามขุดสุดชีวิต”
คุณชายใหญ่ตระกูลหนิงผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลหนิงได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้าทะมึนทันที
ผักกาดขาว แม่หมู?
สมองของสตรีนางนี้มีความคิดที่พิสดารอย่างที่สุด แต่เมื่อคิดดูอีกที หนิงเซ่าชิงก็หัวเราะ “สามีเป็นผักกาดขาวหัวนั้น เช่นนั้นเสวี่ยเสวี่ยก็ไม่ใช่นั่นหรอกหรือ”
นั่นอะไร? แม่หมู?
มั่วเชียนเสวี่ยที่เข้าใจ ก็กลอกตามองบนใส่หนิงเซ่าชิง
นางถอยออกมาจากอ้อมแขนของเขา ชูนิ้วเรียวงามของตนเองขึ้นมา โบกไปมาตรงหน้าหนิงเซ่าชิง ทั้งยังจ้องมองเขาอย่างจริงจังมาก บังคับตัวเองให้อธิบายว่า “ไม่! สำหรับข้า ข้าคือผักกาดขาวหัวใหญ่ที่ดีที่สุดหัวนั้น ส่วนท่าน…เป็นตัวที่ขุดผักกาดขาวที่ดีที่สุดต่างหาก…”
มั่วเชียนเสวี่ยเอ่ยจบก็เลิกคิ้วภูมิใจ
หนิงเซ่าชิงตะลึงค้าง ไม่เคยมีใครกล้าเปรียบเขาเป็นหมู สตรีนางนี้กล้าหาญเกินไปแล้ว ดูท่าวันนี้ต้องสั่งสอนให้ดีสักหน่อยมุมปากเจือรอยยิ้ม นัยน์ตามีประกายเจ้าเล่ห์พาดผ่าน สง่างามราวกับเสือดำ กระโจนเข้าใส่เหยื่อตรงหน้าด้วยความเร็วอย่างไร้ที่เปรียบ
“เช่นนั้นหรือ เช่นนั้นเชียนเสวี่ยที่เป็นผักกาดขาวหัวนั้นต้องเตรียมตัวให้ดีแล้ว สามีที่เป็นหมูตัวนั้นจะมาขุดแล้ว…”
“อ๊ะ…ไม่อนุญาต…หมูชั่วร้าย…”
“ยังจะกล้าพูดอีก…”
อุ๊บ…
ดูเหมือนว่าปากจะถูกปิดแล้ว มั่วเหนียงที่เฝ้าอยู่ด้านนอกหน้าต่างตลอดจึงยิ้มออกมา
นางรู้แต่แรกแล้วว่าวันนี้กูเหยียจะต้องมาหาคุณหนูแน่นอน จึงไล่สาวใช้กับผอจื่อทั้งหมดออกไปแล้ว
กุ่ยซ่าที่ยืนอยู่ด้านนอกเรือนเสวี่ยหว่าน เงยหน้ามองฟ้าโดยที่ใบหน้าเย็นชาแข็งทื่อนั้นกระตุกเล็กน้อย
เตาหนูที่อยู่ในที่ลับ ก็แคะหู รวบรวมสมาธิจดจ่อโดยไม่วอกแวก