บทที่ 255 ต่อให้เจ้ากระหายแค่ไหนก็มิต้องหาองครักษ์มากระมัง

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 255 ต่อให้เจ้ากระหายแค่ไหนก็มิต้องหาองครักษ์มากระมัง

คุกหลวง

พอเช้ามา จวินหย่วนโยวมาส่งอาหารให้หยุนถิงด้วยตัวเอง พอเห็นระหว่างเตียงของนางกับเตียงองค์ชายสี่ห่างกันแค่สองเมตร จวินหย่วนโยวสีหน้าเย็นชาลงทันที

“ทหาร!” องครักษ์เงามังกรสองคนที่อยู่นอกประตูห้องขังเข้ามาทันที

“ซื่อจื่อมีสิ่งใดจะสั่งการหรือขอรับ?”

“ยกเตียงขององค์ชายสี่ไปด้านนั้น” จวินซื่อจื่อสั่งการเสียงเย็นชา

องครักษ์เงามังกรรีบทำตามทันที และยกเตียงโดยที่มีโม่ฉือชิงหลับอยู่ข้างบนไปมุมในสุดของคุกหลวง

หยุนถิงได้ยินเสียงเลยตื่นขึ้นมา พอลืมตามาเห็นจวินหย่วนโยว ก็ดีใจยิ่งนัก “ซื่อจื่อ ท่านมาด้วยตัวเองเลยรึ?”

“คิดถึงเจ้าน่ะ หลายวันนี้เจ้าลำบากแล้ว วางใจเถอะ ไม่ถึงห้าวันข้าจะรับเจ้าออกไป” จวินหย่วนโยวยกกล่องอาหารเข้ามา

“ข้าเชื่อซื่อจื่อ” หยุนถิงลุกขึ้นเดินเข้ามาหา

จวินหย่วนโยวช่วยนางจัดแต่งเสื้อผ้า พลางดึงมือของนางมานั่งลง เปิดกล่องอาหารออก ในนั้นล้วนเป็นสิ่งที่หยุนถิงชอบกินทั้งนั้น

หยุนถิงไม่พูดพร่ำทำเพลง และไม่ได้ถามอะไร นั่งกินข้าวเช้าด้วยกันกับจวินหย่วนโยว

ทันใดนั้นพลันมีนางกำนัลคนหนึ่งเข้ามา บอกว่าหลิ่วเฟยเหนียงเหนียงให้นางนำขนมมามอบให้คุณหนูหยุน

หยุนถิงรับขนมมา และให้นางกำนัลกลับไปขอบพระทัยหลิ่วเฟยเหนียงเหนียง จากนั้นเปิดกล่องออก พอเห็นสีสันขนมในนั้น ก็เข้าใจทันที

“กินข้าวเช้าก่อนเถอะ” จวินหย่วนโยวบอก

“ตกลง”

จวินหย่วนโยวป้อนข้าวต้มให้หยุนถิงด้วยตัวเอง หยุนถิงอ้าปากกินคำโต อาหารมื้อนี้ทั้งคู่มิได้พูดถึงเรื่องสืบสวนเลย และไม่ได้คุยเรื่องความเคลื่อนไหวด้านนอกด้วย ต่างนั่งกินข้าวกันเงียบๆ

จวบจนกินเสร็จ หยุนถิงลูบหน้าท้องตึงอิ่มพลางเรอออกมา “ข้ากินอิ่มแล้วล่ะ”

“ได้ เจ้าอยากทำอะไรล่ะ?” จวินหย่วนโยวถาม

หยุนถิงคิดๆพลางว่า “ข้าอยากฟังซื่อจื่อเล่นพิณให้ฟัง”

“ได้” จวินหย่วนโยวเดินไปหยิบพิณโบราณมา นิ้วมือเรียวยาวขาวเนียนดีดสายพิณ เสียงพิณทุ้มต่ำ อ่อนโยน ไพเราะนัก หยุนถิงพอใจมาก “ซื่อจื่อของข้าหล่อจริงๆ”

ตอนนี้โม่ฉือชิงได้ยินเสียงพิณ พอลืมตามาก็เห็นจวินหย่วนโยวกำลังเล่นพิณ ตกใจจนกลิ้งตกจากเตียง “ข้าไม่ได้ดูผิดไปกระมัง จวินหย่วนโยวเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”

“แน่นอนว่ามาอยู่เป็นเพื่อนฮูหยิน” จวินหย่วนโยวตอบ

โม่ฉือชิงมุมปากกระตุก จากนั้นคลานลุกขึ้นจากพื้น “เจ้าวิ่งมาคุกหลวงเพื่อเล่นพิณให้หยุนถิง ช่างมีอารมณ์สุนทรีย์จริงนะ ไอ้หยา ทำไมเตียงของข้าถึงไปอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ?”

“เจ้าอยู่ใกล้หยุนถิงมากเกินไป ข้าไม่เรียกคนโยนเจ้าออกไปก็ดีมากแล้ว” จวินหย่วนโยวย้อนหน้าตาเฉย

“น่าตายนัก เจ้าคนขี้หึงจวินหย่วนโยว ทำไมเจ้าไม่ขึ้นสวรรค์ไปเลยล่ะ?” โม่ฉือชิงเดือดดาลนัก

“เอาล่ะ พวกท่านสองคนเลิกทะเลาะกันได้แล้ว องค์ชายสี่มากินข้าวเร็ว ซื่อจื่อเล่นพิณไป เวลามีไม่มาก อย่าเสียเวลาทะเลาะกันเลย” หยุนถิงแค่นเสียงหึ

ทั้งสองคนเงียบปากทันที องค์ชายสี่สาดอารมณ์เสียในใจลงไปที่อาหารทันที เขาอ้าปากกัดกินคำโต ส่วนจวินหย่วนโยวก็เล่นพิณต่อไป

บทเพลงหนึ่งเล่นเสร็จ จวินหย่วนโยวถึงลุกขึ้น เขาโอบหยุนถิงเข้าอ้อมกอดอย่างอาลัยอาวรณ์ “วันนี้ข้ากลับก่อนนะ พรุ่งนี้จะมาหาเจ้าใหม่ ถ้าต้องการสิ่งใด บอกทหารยามที่เฝ้าหน้าประตูก็พอ”

“ตกลง ซื่อจื่อไม่ต้องกังวลนะ ข้าสบายดี” หยุนถิงยื่นมือโอบกอดจวินหย่วนโยว

“พวกเจ้าเป็นอะไรมากไหม มิได้จากเป็นจากตายสักหน่อย ช่างเลี่ยนนัก ข้ากินข้าวเช้าไม่ลงแล้ว” โม่ฉือชิงบ่น

“เช่นนั้นก็ไม่ต้องกิน” จวินหย่วนโยวมองบนใส่เขา ก่อนจะออกไป

พอออกจากคุกหลวง จวินหย่วนโยวเหล่มองทหารยามที่เฝ้าหน้าประตู “เฝ้าไว้ให้ดี หากฮูหยินของข้าเป็นอะไรไปในคุกหลวง ข้าจะให้พวกเจ้าตายทั้งครอบครัว!”

น้ำเสียงทรงอำนาจโหดเหี้ยม ทำคนสะท้านเยือก

เหล่าทหารยามตกใจแทบตาย รีบคารวะอย่างนอบน้อมทันที

ในคุกหลวง

หยุนถิงเห็นจวินหย่วนโยวจากไปแล้ว ก็เรียกทหารคนนั้นเข้ามา “ถอดเสื้อผ้าออก”

โม่ฉือชิงอึ้ง “หยุนถิง ต่อให้เจ้าอดอยากปากแห้งมากแค่ไหนก็ไม่ถึงกับหาองครักษ์กระมัง ถ้าให้เจ้าขี้หึงจวินหย่วนโยวรู้เข้า ต้องจับเจ้าห้าม้าแยกร่างแน่”

“โง่งม ข้าจะออกไปต่างหาก” หยุนถิงมองบนใส่เขา

องครักษ์คนนั้นรีบหันหลังไปถอดเสื้อผ้าทันที หยุนถิงเอาเสื้อผ้าตนให้เขา จากนั้นเริ่มถอดเสื้อผ้าตนเอง

โม่ฉือชิงหันหลังฉับพลันเช่นกัน “เจ้าเป็นสตรีหรือไม่นี่ กล้ามาถอดเสื้อผ้าต่อหน้าข้า?”

ในวินาทีที่หยุนถิงถอดเสื้อผ้า คนอื่นก็พร้อมใจกันหันหลังไป ขนาดเสวี่ยเชียนโฉวที่อยู่ห้องขังข้างๆก็เช่นกัน

“ข้ามิได้เปลือยเปล่าเสียหน่อย ข้ายังไม่กลัวเลย เจ้ากลัวอันใดกัน เจ้าอยู่ที่นี่นะ หากมีใครถามเจ้าก็ตอบให้ข้าด้วย” หยุนถิงรีบเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าขององครักษ์

“เจ้าจะออกไปทำอะไรกัน ตอนนี้ด้านนอกเป็นอย่างไรเจ้าไม่รู้เลยนะ?” โม่ฉือชิงถามอย่างเป็นห่วง

“เมื่อคืนในวังผีอาละวาด สนมส่วนใหญ่ไม่มีอะไรผิดปกติ ลี่หรงฮว๋าดูผิดปกติสักหน่อย แต่นางมิใช่ฆาตกร สาวใช้นั่นก็ไม่มีคู่หู ดังนั้นข้าจะไปตรวจสอบศพของจ้าวเหลียงเหรินสักหน่อย” หยุนถิงอธิบาย

โม่ฉือชิงอึ้งไปเลย “เจ้ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร เมื่อครู่จวินหย่วนโยวมิได้พูดอะไรเลยนี่นา?”

“ขนมบอกข้าน่ะ” หยุนถิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็หมุนตัวออกไป

โม่ฉือชิงมองจ้องไปที่ขนมหลากหลายสีสันพวกนั้น เขามองไม่ออกเลย

ดวงตาแหลมคมของเสวี่ยเชียนโฉวที่อยู่ข้างๆหรี่ลงเล็กน้อย ค่อนข้างแปลกใจ ไม่คิดว่าหยุนถิงอยุ่ในคุกหลวงก็ยังรู้เรื่องภายนอกด้วย

หยุนถิงทำท่าจะออกไปข้างนอก องครักษ์เงามังกรสองคนตามไป หมิงจิ่วซางที่แปลงโฉมแล้วบอกว่าเขาเป็นคนของซวนอ๋อง หยุนถิงเลยให้เขาตามไปด้วย

ทั้งสี่คนออกจากคุกหลวง มุ่งตรงไปยังห้องเก็บศพของตำหนักเย็น เพราะยังไงจ้าวเหลียงเหรินก็เป็นเหลียงเหรินของฝ่าบาท มีองครักษ์สองคนเฝ้าอยู่

“พวกข้าได้รับคำสั่งจากซวนอ๋องมาตรวจสอบซากศพ” หยุนถิงควักป้ายหยกของซวนอ๋องออกมาจากเอว ป้ายนี้โม่เหลิ่งเหยียนเคยให้เธอไว้

หมิงจิ่วซางเลิกคิ้วเล็กน้อย โม่เหลิ่งเหยียนนี่ยังบอกไม่สนใจนาง ป้ายประจำตัวก็ยกให้นางแล้วนี่

องครักษ์เห็นดังนั้น ก็ปล่อยผ่านทันที พวกหยุนถิงเดินเข้าไป

“พวกเจ้าดูอยู่ข้างๆก็พอแล้ว” หยุนถิงเดินเข้าไปทันที เลิกผ้าขาวออก สำรวจดูศพของจ้าวเหลียงเหรินอย่างละเอียด

หมิงจิ่วซางยิ่งสงสัยหนักขึ้น ไม่คิดว่าสตรีผู้นี้จะชันสูตรศพเป็นด้วย

หยุนถิงสำรวจบาดแผลของจ้าวเหลียงเหรินอย่างละเอียด ตายเพราะโดนมีดสั้นแทงทะลุหัวใจ อีกฝ่ายลงมือฉับไวมั่นคง ตายในมีดเดียว

เพียงแต่ดวงตานางเบิกกว้าง แทบถลน คล้ายกับประหลาดใจอย่างมาก หรือว่าฆาตกรจะเป็นคนที่จ้าวเหลียงเหรินรู้จัก?

หยุนถิงเข้าใกล้จ้าวเหลียงเหริน พบว่าบนตัวนางมีกลิ่นจางๆ เหมือนกลิ่นหอมของดอกไม้ คล้ายจะเป็นกลิ่นยา ค่อนข้างพิเศษ และในเล็บของจ้าวเหลียงเหรินก็มีเศษผิวหนังอยู่

ผ่านไปสักพัก หยุนถิงถึงออกจากตำหนักเย็น เธอไม่ได้พูดอะไร มุ่งตรงไปตำหนักของจ้าวเหลียงเหรินทันที

ระหว่างทาง เธอเห็นนางกำนัลหลายคนกำลังรดน้ำต้นไม้ข้างทุ่งดอกไม้กัน ทันใดนั้นมีนางกำนัลคนหนึ่งลื่น ล้มไปที่ดอกไม้ข้างๆ!

พอดีว่าแถบนั้นเป็นดอกกุหลาบที่มีหนาม ถ้าล้มลงไปโดน เสียโฉมแน่งานนี้ หยุนถิงไม่คิดเลยสักนิด พุ่งเข้าไปดึงตัวสาวใช้นางนั้นไว้

กลิ่นหอมอ่อนๆพลันเตะจมูก หยุนถิงเบิกตากว้างทันที!