บทที่ 317 แผนการช่วยชีวิตคน
บทที่ 317 แผนการช่วยชีวิตคน
ซูอันถึงกับตกตะลึง
ถ้าชายผู้นี้คือเฉินเซิงจริง ๆ และถูกฆ่าร่วมกับชาวบ้านคนอื่น ๆ จะไม่มี ‘การจลาจลต้าเซียง’ เกิดขึ้นใช่หรือไม่?
ถ้าเป็นเช่นนั้น ราชวงศ์ฉินจะไม่ล่มสลาย ซึ่งหมายความว่า… ประวัติศาสตร์กำลังเปลี่ยนแปลง?
ซูอันตกตะลึง กฎที่สำคัญที่สุดของทุกคนที่ย้อนเวลากลับไปในอดีตคือการไม่เปลี่ยนประวัติศาสตร์ มิฉะนั้นอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเหมือนทฤษฎีปรากฏการณ์ผลกระทบของผีเสื้อ!
ดูเหมือนว่าข้าจะต้องไม่ให้เฉินเว่ยตาย อ่า ไม่ใช่สิตอนนี้ข้าควรเรียกเขาว่าเฉินเซิงแล้วสินะ!
เหงื่อเย็นเยียบไหลลงมาตามหลังของซูอัน ในขณะที่เขาเข้าใจในที่สุดว่าผนึกสวรรค์เป็นอย่างไร
คนส่วนใหญ่ไม่สามารถหาผู้ที่สลักข้อความลงบนอุกกาบาตได้ จากนั้นก็จบลงด้วยความตาย เจ้าหน้าที่ทางการจะพยายามฆ่าชาวบ้านทั้งหมดเพื่อปิดปากพวกเขา ซึ่งการตายของเฉินเซิงจะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่คาดเดาไม่ได้ซึ่งไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ดี
พูดง่าย ๆ คือมีข้อกำหนดสองประการที่เขาจะต้องปฏิบัติตามเพื่อทำลายผนึกสวรรค์ เขาจะต้องลงโทษผู้กระทำความผิดในขณะที่ต้องรับประกันความอยู่รอดของเฉินเซิงให้ได้!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว บันทึกเหตุการณ์ ‘ดาวปาริชาตครองใจ’ อาจไม่แม่นยำนัก มีการระบุไว้จริงว่าทุกคนในหมู่บ้านถูกฆ่าตายทั้งหมด แต่ในความเป็นจริงอาจมีบางคนซึ่งอาจจะเป็นเฉินเซิงที่รอดไปได้
ถ้าข้าเชื่อบันทึกทางประวัติศาสตร์อย่างสุ่มสี่สุ่มห้า ข้าก็คงทำแบบนั้น!
นับว่าเสวี่ยเอ๋อร์เป็นดาวแห่งโชคลาภของเขาจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะนางยืนกราน เขาคงไม่ตั้งใจแน่วแน่ที่จะช่วยชีวิตชาวบ้าน หากเฉินเซิงเสียชีวิต เขาคงจะไม่สามารถทำลายผนึกสวรรค์ได้ และจะต้องตายในที่สุด
ซูอันตอบกลับ “เจ้าไม่ควรพยายามปลุกระดมชาวบ้านให้อยู่เคียงข้างเจ้า พวกเขามีครอบครัวที่ต้องดูแล ถ้าพวกเขาเข้าร่วมกับเจ้าพวกเขาจะเสี่ยงต่อการถูกประหารเก้าชั่วโคตร นอกจากนี้ เมื่อครู่เจ้าเป็นคนบอกเองว่ามีบางคนไม่พอใจเจ้า ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะหักหลังเจ้า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะเคลื่อนไหว”
ใบหน้าของเฉินเซิงมืดมนลง การวิเคราะห์ของซูอันทำให้เขากลับมารู้สึกตัวอีกครั้งไม่เตลิดไปกับความฝันและคิดว่าทุกสิ่งได้มาอย่างง่ายดาย เขาถามด้วยความหงุดหงิด “แล้วข้าควรทำอย่างไร? นั่งรอความตายงั้นเหรอไง?”
“ถ้าเจ้าเชื่อข้า เจ้าควรยอมรับว่าตัวเองเป็นคนสลักข้อความ และข้าจะหาวิธีที่จะช่วยเจ้าได้ต่อไป และจากนั้น เจ้าจะมีอิสระที่จะทำทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ” ซูอันตอบ
เฉินเซิงครุ่นคิด เขาจ้องไปที่ซูอันอย่างตั้งใจครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “ทำไมเจ้าถึงช่วยข้า?”
ซูอันรู้ว่าเฉินเซิงไม่ใช่คนประเภทที่ไว้ใจคนอื่นง่าย ๆ ชายหนุ่มใช้เวลาพิจารณาเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “พูดตามตรง ข้าไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ตั้งแต่แรก เรื่องจะง่ายกว่ามากถ้าข้าฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตาม น้องสาวของข้าได้อ้อนวอนแทนเจ้า และข้าก็ไม่ชอบที่จะเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์เช่นกัน นี่เป็นเหตุผลที่ข้ายอมเสี่ยงช่วยเหลือพวกเจ้าทุกคน”
เฉียวเสวี่ยอิงพยักหน้าเห็นด้วย “นี่เป็นเรื่องจริง! เฉินเซิง เจ้าไว้ใจเขาได้ ท่านพี่ของข้าคนนี้อาจมีใบหน้าเหมือนหนูเจ้าเล่ห์ แต่เขาไม่ใช่คนเลวโดยสันดาน!”
ซูอันเดาะลิ้น เจ้ากำลังชมหรือดูถูกข้ากันแน่?
เมื่อเห็นว่าเฉินเซิงไม่พูดอะไรเลย ซูอันตัดสินใจกดดันอีกรอบ “ถ้าเจ้าไม่ตกลง ข้าจะฆ่าเจ้าทันที ข้าจะเสี่ยงให้เจ้าเปิดเผยการสนทนานี้กับคนอื่นไม่ได้”
คำพูดนี้ทำให้เฉินเซิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ตกลง ข้าจะยอมทำตามที่เจ้าบอก”
พวกเขาสามคนช่วยกันนัดแนะรายละเอียดก่อนที่ซูอันจะเรียกใต้เท้าหวังมา
“เขาสารภาพแล้ว เขาเป็นคนที่แอบสลักข้อความเหล่านั้นไว้บนอุกกาบาต”
ใต้เท้าหวังรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ยินเช่นนี้ “ข้าไม่คิดเลยว่า ท่านผู้ตรวจการจะมีวิธีจัดการกับเรื่องนี้จริง ๆ ข้าประทับใจมาก!”
เขากวักมือเรียกทหารและสั่ง “พวกเจ้า ประหารไอ้กบฏผู้นี้เดี๋ยวนี้!”
“ช้าก่อน!” ซูอันรีบหยุดใต้เท้าหวัง ก่อนที่จะดึงเขาไปด้านหนึ่ง “เจ้าตั้งใจจะฆ่าผู้ต้องสงสัยอย่างนั้นเหรอ?”
“ทำไมเราถึงจะไม่ประหารชีวิตชายผู้ก่ออาชญากรรมร้ายแรงเช่นนี้?” ใต้เท้าหวังถามด้วยความงุนงง
“เจ้าควรส่งเขาไปที่เสียนหยาง*[1] และให้ฝ่าบาทตัดสินเขาเป็นการส่วนตัว บางทีพระองค์อาจพอพระทัยในความดีของเจ้าและให้รางวัลแก่เจ้าอย่างงาม” ซูอันกล่าว
“ท่านฉลาดจริง ๆ!” ดวงตาของใต้เท้าหวังเป็นประกายด้วยความยินดี “เจ้า! มัดชายผู้นี้แล้วใส่ไว้ในกรงขัง! ข้าจะพาเขากลับเมืองหลวงเอง! ท่านผู้ตรวจการ ท่านอยากจะมากับพวกเราด้วยมั้ย?”
“ข้ายังมีเรื่องอื่น ๆ ที่ต้องจัดการ ดังนั้นข้าคงต้องขอปฏิเสธ” ซูอันส่ายหัว
ใต้เท้าหวังรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ยินเช่นนั้น “ท่านผู้ตรวจการ ข้ารู้สึกขอบคุณท่านจริง ๆ สำหรับคำแนะนำของท่าน ข้าจะไม่ลืมพระคุณของท่านเลย”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกใต้เท้าหวัง” ซูอันตอบ ข้าจะขอบคุณมากกว่าถ้าเจ้าไม่เกลียดข้า
เมื่อชาวบ้านได้ยินว่าเฉินเซิงเป็นผู้ที่สลักข้อความไว้บนอุกกาบาต แม้แต่คนที่อยู่ใกล้ชิดเขาก็พากันวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของเขา ทุกคนรู้สึกเหมือนเพิ่งรอดพ้นจากประตูนรก คนทั้งหมดในหมู่บ้านจึงระบายความโกรธต่อเฉินเซิงเป็นเรื่องปกติ
เฉินเซิงรู้สึกโกรธเคือง เมื่อเห็นว่าทั้ง ๆ ที่เขายอมเสียสละตัวเองเพื่อช่วยชีวิตชาวบ้านเหล่านี้แต่กลับต้องมาถูกวิพากษ์วิจารณ์ เขากำลังจะโพล่งออกมา แต่ซูอันเดินไปด้านข้างและสื่อสารกับเขาโดยใช้พลังชี่ “คนทั่วไปมักจะเป็นเช่นนี้ ดังนั้นอย่าถือสาเลย คิดในแง่ดี พวกเขาเกลียดชังเจ้าอย่างง่ายดายในวันนี้ มันก็หมายความว่าเจ้าสามารถปลุกระดมพวกเขาได้อย่างง่ายดายในอนาคต เพื่อสนองตอบเป้าหมายของเจ้าต่อไป”
ประกายแวววับผ่านดวงตาของเฉินเซิง เขาพยักหน้าอย่างสุขุม ก้มศีรษะลงอย่างเงียบ ๆ และเดินตามทหารเข้าไปในกรงขังอย่างเชื่อฟัง
ทั้งซูอันและเฉียวเสวี่ยอิงต่างชำเลืองมองก่อนจะจากออกมาอย่างรวดเร็ว เมื่อพ้นสายตาของทุกคน พวกเขาได้อ้อมไปซุ่มโจมตีในจุดที่ขบวนรถจะต้องผ่านไปยังเมืองหลวงเสียนหยาง
ในท้ายที่สุด พวกเขาสามารถช่วยเฉินเซิงออกมาจากกรงขังได้โดยไม่ยุ่งยากมากนัก อย่างแรก…ทหารคุ้มกันไม่แข็งแกร่งเกินไป และใต้เท้าหวังไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีใครกล้าพอที่จะช่วยอาชญากร อีกทั้งยังกังวลเกินกว่าจะรับใครมาเข้าร่วมด้วยเพื่อแบ่งรางวัลกับตัวเอง
“ใต้เท้าหวัง เราจะทำยังไงต่อไป?”
ทหารได้รวมตัวกันที่รอบตัวของใต้เท้าหวังอย่างรวดเร็วหลังจากที่เฉินเซิงถูกพาตัวหนีไปแล้ว พวกเขาถามอย่างกังวล การปล่อยให้อาชญากรคนสำคัญที่อยู่ภายใต้การดูแลของพวกเขาหลบหนีไปถือเป็นโทษประหารชีวิตอย่างไม่อาจโต้แย้งได้!
“ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าต้องทำยังไง!” ใต้เท้าหวังกังวลใจเช่นกัน ไม่เพียงแต่เขาสูญเสียโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าหัวของเขาจะหลุดออกจากบ่าอีกด้วย
“ทำไมเราไม่กลับไปที่หมู่บ้านเฉินและฆ่าชาวบ้านพวกนั้น? ถ้าเราอ้างว่าไม่มีใครรับสารภาพ ดังนั้น…” หนึ่งในทหารแนะนำ
“ไอ้โง่!” ใต้เท้าหวังตีหัวของทหารผู้นั้น “ข้าได้รายงานเรื่องนี้ไปยังราชสำนักแล้ว! ข้าจะเปลี่ยนคำพูดง่าย ๆ ได้ยังไง!”
ผู้ใต้บังคับบัญชาอีกคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “ถ้างั้นหากเราอ้างขึ้นว่าเฉินเว่ยพยายามหลบหนีและทำร้ายพวกเรา ดังนั้นเราจึงฆ่าเขาทันทีเพื่อเป็นการลงโทษล่ะ?”
“เป็นความคิดที่ดี แต่เราจะจัดการกับปัญหาเรื่องศพยังไง?” ใต้เท้าหวังพยักหน้าเห็นด้วย
“นักโทษคนหนึ่งเสียชีวิตในหยาเหมินเมื่อวานนี้ และเรายังไม่ได้รายงานเรื่องนี้ เราใช้ศพของเขาแทนเฉินเว่ยได้ พวกในราชสำนักไม่รู้จักหน้าตาเขาอยู่ดี” ผู้ใต้บังคับบัญชาตอบ
ดวงตาของใต้เท้าหวังเป็นประกาย “เป็นความคิดที่ดี เร็วเข้า รีบลงมือ! ตอนนี้ พวกเราทุกคนลงเรือลำเดียวกันแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าทั้งหมดควรหุบปากเอาไว้ด้วย เข้าใจไหม!”
คนอื่น ๆ ต่างพยักหน้าเห็นด้วย
…
ในขณะเดียวกัน ซูอันและเฉียวเสวี่ยอิงก็พาเฉินเซิงไปยังสถานที่ห่างไกลและกล่าวว่า “เจ้าจะกลับไปที่หมู่บ้านเฉินไม่ได้แล้ว แผนต่อไปของเจ้าคืออะไร?”
“แล้วศพของพ่อข้าล่ะ? ข้าทิ้งเขาไว้ที่นั่นไม่ได้…” เฉินเซิงขมวดคิ้ว
“อย่ากังวลไป ข้าสั่งให้คนไปฝังศพพ่อเจ้าแล้ว” ซูอันตอบ “แน่นอนว่าไม่มีงานอะไรโอ่โถงนัก ช่วยไม่ได้เพราะตอนนี้เจ้าเป็นคนเร่ร่อนแล้ว”
“ขอบคุณผู้มีพระคุณสำหรับความช่วยเหลือ” เฉินเซิงโค้งคำนับซูอัน อย่างซาบซึ้งก่อนจะพูดว่า “ได้โปรดอย่ากังวล ข้าจะเปลี่ยนชื่อตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อไม่ให้ท่านเกี่ยวข้องอย่างที่ข้าได้พูดไปก่อนหน้านี้ ข้าจะกลายเป็นที่รู้จักในนามเฉินเซิงตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้ากำลังคิดที่จะมุ่งหน้าไปยังเมืองอื่นเพื่อขอลี้ภัยกับเพื่อนคนหนึ่ง”
[1] เสียนหยางเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์ฉิน