ตอนที่ 330 ดำเนินการข้อตกลง

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

ตอนที่ 330 ดำเนินการข้อตกลง

ตอนที่ 330 ดำเนินการข้อตกลง

โอคาซีพยักหน้า…

ถั่วชมพูได้รับสายเรียกเข้าทางวิดีโอจากสวี่หลิงอวิ๋นอีกครั้ง หางของมันยกสูงขึ้น และเดินเข้ามาอวดความงามทางสรีระร่างกายตรงหน้าสวี่หลิงอวิ๋น

“เป็นยังไงบ้าง? เมี้ยว!” ถั่วชมพูพูดด้วยความภาคภูมิใจ “ดูสิ เมี้ยว! ฉันหล่อขึ้นมากเลยใช่ไหม?”

สวี่หลิงอวิ๋นหัวเราะในใจ เจ้าตัวนี้ผอมลงกว่าตอนแรกมาก แต่ยังคงเป็นแมวอ้วนอยู่ดี แล้วยังมีหน้ามาพูดว่าตัวเองหล่ออีก!

“ใช่! มหาราชาถั่วชมพูหล่อขึ้นมากเลย! ลดน้ำหนักลงได้ยังไงเนี่ย?” สวี่หลิงอวิ๋นจงใจหยอกล้อมัน “เอาไว้วันหลังมาบอกเทคนิคฉันบ้างนะ”

ถั่วชมพูกระดิกหางสองครั้ง “ฮึ่ม! แต่จะต้องมีค่าจ้างนะ เมี้ยว!”

หลังจากมนุษย์และแมวพูดคุยกันอยู่สักพักหนึ่ง สวี่หลิงอวิ๋นก็เริ่มพูดชมเชยมันอีกครั้ง “ท่านมหาราชาถั่วชมพู ฉันมีบางอย่างที่จะต้องทำให้สำเร็จ พอจะช่วยฉันได้บ้างไหม?”

ดวงตาแมวของถั่วชมพูเบิกกว้าง ลูกตาของมันเหลือกขึ้น ช่วย? ได้อยู่แล้วสิ! แต่จะต้องมีรางวัลตอบแทนนะ!

สวี่หลิงอวิ๋นรู้ดีว่ามันใจแคบมากแค่ไหน จึงให้สัญญาว่า “ไม่ต้องกังวล! ถ้าแกทำภารกิจสำเร็จ ฉันจะเอาทอฟฟี่ให้แกหนึ่งตัน!”

“หนึ่งตัน?!” ถั่วชมพูใจเต้นแรง! หนึ่งตันเชียวนะ!

มันจะไปรู้ได้อย่างไรว่าสวี่หลิงอวิ๋นกำลังพูดถึงหนึ่งมื้อ*[1]?!

ถั่วชมพูคำนวณอยู่พักใหญ่ และรู้สึกว่าภารกิจในครั้งนี้คุ้มค่าพอ! มันจึงพยักหน้าอย่างสงบเสงี่ยมท่าที “ได้เลย เมี้ยว! เธอมีเรื่องอะไรจะพูดล่ะ!”

ทันทีที่สวี่หลิงอวิ๋นเห็นว่าถั่วชมพูเห็นด้วย เธอก็กระซิบเสียงแผ่วเบาด้วยจิตวิญญาณอันแรงกล้า “แกจำสิ่งที่ฉันขอให้ช่วยครั้งล่าสุดได้ไหม? ช่วยทำแบบนั้นอีกสักครั้งได้ไหม?”

“เมี้ยว ได้สิ!” ถั่วชมพูพยักหน้า เมื่อนึกถึงทอฟฟี่หนึ่งตันมันย่อมไม่มีอะไรยากอยู่แล้ว

เมื่อสวี่หลิงอวิ๋นได้ยินว่าเจ้าถั่วชมพูตอบตกลง หินอันหนักอึ้งก็หล่นมาทับหัวใจของเธอ

“โอเค อย่าลืมเปิดคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์ทิ้งไว้ด้วยล่ะ ฉันจะให้แกไปประจำในที่ที่หนึ่ง และหลังจากที่ฉันให้สัญญาณแล้ว แกก็เรียกพวกเอเลี่ยนพวกนั้นไปซะ” สวี่หลิงอวิ๋นพูดและยิ้มเบา ๆ

“จำไว้นะ เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันให้แกเรียกเอเลี่ยนออกไป แกจะต้องเรียกพวกมันออกไปตอนนั้นเลย”

ในขณะนี้โอคาซีพร้อมแล้ว และทหารทั้งหลายก็พร้อมที่จะออกเดินทางไปพร้อมกับองค์หญิงสามเช่นกัน

“อ๊ะ ท่านตกลงว่าจะไม่พาทหารไปไม่ใช่เหรอคะ? ท่านจะพาพวกเขาไปทำไม?” สวี่หลิงอวิ๋นชี้นิ้วไปที่เหล่าทหารที่ยืนอยู่ด้านหลังโอคาซี

จอมพลมอร์ริสพูดอย่างเขินอาย “ฝ่าบาทไปไหน พวกกระหม่อมก็จะไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ ถ้าไปกันสองคนคงจะไม่ดีแน่ ถ้าเกิดพวกนั้นปิดล้อมพวกท่านขึ้นมา อย่างน้อยก็มีพวกกระหม่อมอยู่ด้วยก็ยังดีนะพ่ะย่ะค่ะ”

“พวกเขาจะปิดล้อมเราเหรอ? ตอนนี้พวกเขามีพลังมากพอที่จะทำได้หรือไง?” สวี่หลิงอวิ๋นยิ้มและพูดอย่างไม่แยแส “ฉันจะไปกับโอคาซี ถ้ามีอะไรผิดปกติขึ้นจริง ๆ ฉันกับเขาจะได้วิ่งหนีไปก่อน”

โอคาซีรับฟังคำพูดของเธอ และพูดเบา ๆ “พาพวกเขาไปด้วยเถอะครับ”

สวี่หลิงอวิ๋นมองดูโอคาซี เธอไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องพาทหารธรรมดาไปด้วย?

ทว่าโอคาซีเป็นคนคิดมาก หากกองกำลังมีจำนวนน้อยกว่านี้ ผู้คนจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ที่กำลังจนตรอกอาจจะจับตัวสวี่หลิงอวิ๋นเอาไว้ก็ได้

หรือไม่เช่นนั้น ที่นั่นก็มียอดฝีมือระดับ 9 ดาวอยู่อย่างแน่นอน เขาได้รับข้อมูลจากฝั่งจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ว่ายอดฝีมือระดับ 9 ดาวมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

อย่างน้อยถ้าพาคนเหล่านี้ไปด้วย ผู้คนจากจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์อาจจะรู้สึกหวาดกลัวที่จะใช้กลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ

ท้ายที่สุดแล้วมีคนจำนวนหนึ่งร้อยถึงสองร้อยคนที่ขึ้นยานอวกาศและมุ่งหน้าไปจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์กับสวี่หลิงอวิ๋น

ถั่วชมพูไปที่ดาวเคราะห์การเกษตรแห่งหนึ่งบนจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ ในที่แห่งนี้มีประชากรเบาบางและโดยทั่วไปไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่

เครื่องจักรกลส่วนใหญ่มีหน้าที่เก็บเกี่ยวและหว่านเมล็ดพืชพันธุ์

ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว สวี่หลิงอวิ๋นมุ่งหน้าไปถึงน่านฟ้าของจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์เป็นที่เรียบร้อย แต่สิ่งที่เธอไม่รู้คืออสุรกายระดับ 10 ดาวอยู่ที่จักรวรรดิปีกพิสุทธิ์เช่นกัน

หากเธอรู้ว่ามีอสุรกายระดับ 10 ดาวอยู่ที่นี่ ต่อให้สเปนเซอร์มอบพืชพลังงานให้เธอยี่สิบชนิด เธอก็คงจะไม่รับมันมา

“บอกสเปนเซอร์ว่าเรามาถึงน่านฟ้าจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์แล้ว” สวี่หลิงอวิ๋นหันไปสั่งช่างเทคนิค

ช่างเทคนิคพยักหน้า

ใบหน้าของสเปนเซอร์บิดเบี้ยวขึ้นหลังจากได้รับข้อความจากสวี่หลิงอวิ๋น

“เกิดอะไรขึ้นเพคะ? เสด็จพ่อ” เหมยหมี่ถาม

“สวี่หลิงอวิ๋นแห่งจักรวรรดิชิงเหย้ามาถึงแล้ว” สเปนเซอร์พูด “แต่เธอไม่รู้ว่าที่นี่มีอสุรกายระดับ 10 ดาวอยู่ด้วย”

“จะบอกเธอแล้วจ่ายเพิ่มเหรอเพคะ?” เหมยหมี่ถามเบา ๆ

“จะบอกเธอทำไมล่ะ? ในเมื่ออยากได้ผลประโยชน์ ก็ต้องแบกรับของแลกเปลี่ยนให้ได้สิ อีกอย่างพ่อไม่ได้บอกว่าที่นี่ไม่มีอสุรกายระดับ 10 ดาวสักหน่อย”

รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของสเปนเซอร์

“ถ้าผู้หญิงในคำทนายจบชีวิตลงที่นี่ เราก็บอกไปว่าจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ของเราถูกกำหนดให้ทำเช่นนั้น” สเปนเซอร์พูด “ถ้าเธอไม่ตาย เราก็จะเจรจาเงื่อนไขเพิ่ม”

“ลูกคิดว่าเสด็จพ่อเสียแรงเปล่า” เหมยหมี่โพล่งออกไป “ท่านควรจะทำอะไรให้ชัดเจนในครั้งเดียว ถ้าเธอจะมา ยังไงเธอก็มา แต่ถ้าเธอไม่มาก็ลืมมันไปซะเถอะเพคะ”

“ถ้าเธอมีพลังเท่ากับที่คำทำนายบอกไว้ ต่อให้เธอมาหาเรา เธอก็จะไม่ตาย” เหมยหมี่พูดต่อ “แต่ถ้าเธอไม่เต็มใจมาและไม่กล้าตอบรับเรื่องนี้ เราก็สามารถป่าวประกาศทั่วทั้งจักรวาลได้ว่าหลังจากสวี่หลิงอวิ๋นเห็นอสุรกายยักษ์แล้ว องค์หญิงสามแห่งชิงเหย้าในคำทำนายก็หนีเตลิดไปทันที”

“แต่ถ้าเธอกล้ามาและตอบรับเรื่องนี้ อีกทั้งยังมีชีวิตรอดออกไป เราก็แค่ต้องยอมรับความผิดและให้ค่าตอบแทนที่เราเจรจากับเธอไว้ แต่ถ้าเธอตายแล้ว มันจะเกี่ยวอะไรกับเราล่ะเพคะ?”

สเปนเซอร์จ้องมองเหมยหมี่ “ถ้าเป็นอย่างงั้น คนธรรมดาทั่วไปที่เห็นอสุรกายยักษ์ระดับ 10 ดาวจะไม่มาแน่นอน”

เหมยหมี่ครุ่นคิดและพูดตอบ “แต่ว่าสวี่หลิงอวิ๋นคนนี้เป็นคนธรรมดาหรือเปล่า?”

“มาพนันกันเถอะเพคะ ในเมื่อสถานการณ์กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว ทำไมเราไม่มาพนันกันล่ะ?” เหมยหมี่พูด

หากสวี่หลิงอวิ๋นรู้ว่าพวกเขากำลังเล่นตุกติก เธอจะทิ้งอสุรกายยักษ์ระดับ 10 ดาวและวิ่งหนีไป ทิ้งให้พวกจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์เผชิญหน้ากับมันเองหรือเปล่า?

“ช่างเทคนิคเปิดระบบถ่ายทอดสด เราควรจะแสดงความขอบคุณองค์หญิงสามต่อหน้าทั้งห้วงดวงดาวที่เธอเต็มใจจะมาช่วยเหลือจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ของเรา” เหมยหมี่พูด

ช่างเทคนิคพยักหน้าและเปิดซอฟต์แวร์ถ่ายทอดสด

ดังนั้นผู้คนทั้งห้วงดวงดาวจึงได้เห็นใบหน้าของจักรพรรดิสเปนเซอร์อีกครั้ง

“สวัสดีทุกคน เราอยากจะขอบคุณสวี่หลิงอวิ๋น องค์หญิงสามแห่งจักรวรรดิชิงเหย้าจากใจจริง! ขอบคุณที่ท่านตอบรับข้อความร้องขอความช่วยเหลือภายใต้สถานการณ์เช่นนี้อย่างเด็ดเดี่ยวทั้งที่รู้ว่ามีอสุรกายยักษ์ระดับ 10 ดาวอยู่ที่นี่ และเต็มใจจะลดอคติทั้งหมดเพื่อมาช่วยเหลือจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ของเรา!”

“ในนามของผู้คนหลายหมื่นล้านในจักรวรรดิปีกพิสุทธิ์ เราขอแสดงความขอบคุณต่อองค์หญิงสามจากใจจริง!”

[1] คำว่า ตัน ในภาษาจีน ออกเสียงเหมือนกัน แต่มีความหมายแตกต่างกันออกไป อาทิ ตันและมื้อ