บทที่ 290 จักรพรรดิสวรรค์ปะทะหลี่เต้าคง ยึดครองร่างจักรพรรดิเซียน

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 290 จักรพรรดิสวรรค์ปะทะหลี่เต้าคง ยึดครองร่างจักรพรรดิเซียน

“ข้ากับจักรพรรดิสวรรค์มีความสัมพันธ์ไม่เลวต่อกัน เขาไม่ขัดขวางข้าแน่นอน” หลี่เต้าคงยิ้มกล่าวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม

ทอดสายตามองออกไปในปวงสวรรค์หมื่นโลกา มีใครกล้าปฏิเสธที่จะเป็นศิษย์ของเขาบ้าง

หานเจวี๋ยนิ่งเงียบ

เขากระวนกระวายใจ

เหตุใดจักรพรรดิสวรรค์ถึงยังไม่ปรากฏตัวอีก

ไม่ใช่ว่าหลุดพ้นจากสภาพลำบากแล้วหรือ

หลี่เต้าคงยิ้มบอก “ข้าช่วงชิงมหาดวงชะตาในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตเมื่อครั้งก่อน มีประสบการณ์ในการรับมือกับมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต ส่วนมรรคกระบี่นั้น ในแดนเซียนไม่มีผู้ใดเทียบข้าได้”

หยิ่งผยองเสียจริง!

หานเจวี๋ยทนไม่ไหวแล้ว

คนผู้นี้มั่นใจในตัวเองเกินไป

หานเจวี๋ยราวกับมองเห็นจี้เซียนเสินที่ดูสุดโต่ง

ขณะนั้นเองน้ำเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “หลี่เต้าคง คนของข้าเจ้าก็กล้าละลาบละล้วงหรือ”

จักรพรรดิสวรรค์!

หานเจวี๋ยตื่นเต้นดีใจราวกับยกภูเขาออกจากอก

เห็นเพียงว่ามีเงาร่างร่างหนึ่งปรากฏตรงหน้าเขา คือจักรพรรดิสวรรค์นั่นเอง

จักรพรรดิสวรรค์ขวางอยู่ตรงหน้าหานเจวี๋ย จ้องมองหลี่เต้าคงด้วยรอยยิ้ม

หลี่เต้าคงเลิกคิ้ว พริบตาเดียวก็รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างหานเจวี๋ยกับจักรพรรดิสวรรค์ไม่ธรรมดา

ดูเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงถามด้วยรอยยิ้ม “หรือเขาก็คืออนาคตของวังสวรรค์ที่ฝ่าบาทพูดถึง”

จักรพรรดิสวรรค์พยักหน้าไม่ได้ปฏิเสธ

หานเจวี๋ยมีสีหน้าแปลกๆ ทั้งสองคนนี้รู้จักกันจริงๆ หรือ

ดูท่าทางจะมีความสัมพันธ์กันไม่น้อย ยังเคยพูดถึงเขาด้วย

หานเจวี๋ยเองก็ฟังความนัยที่แฝงอยู่ออก จักรพรรดิสวรรค์ให้ความสำคัญกับเขาจริงๆ

คิดดูอย่างละเอียด ทุกครั้งที่เรียกหาจักรพรรดิสวรรค์ จักรพรรดิสวรรค์ล้วนอยู่ มีแค่ครั้งเดียวที่ไม่อยู่ นั่นคือตอนที่ถูกปราบปราม

ตอนที่เขามีอุปสรรคสามารถเรียกหาจักรพรรดิสวรรค์ได้ จักรพรรดิสวรรค์เองก็ไม่เคยปฏิเสธเลย ในทางตรงข้าม เขากลับยังไม่สามารถขจัดความกังวลปลดภยันอันตรายให้จักรพรรดิสวรรค์ได้

หานเจวี๋ยได้แต่แอบทอดถอนใจ

อารมณ์เป็นด่านยากสุดบนเส้นทางการพิสูจน์มรรคตลอดกาล

“หากวันหน้าข้าพิสูจน์มรรค จะต้องตอบแทนจักรพรรดิสวรรค์อย่างแน่นอน”

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ

จักรพรรดิสวรรค์กล่าว “เจ้าเด็กนี่เป็นคนของข้า”

คำพูดนี้ปฏิเสธเพื่อหานเจวี๋ย

หลี่เต้าคงยิ้มกล่าว “ไม่เป็นไร เขากลายเป็นศิษย์ของข้าไม่ขัดแย้งกับคนของวังสวรรค์ ในวังสวรรค์ก็มีศิษย์สำนักเต๋าไม่น้อยมิใช่หรือ ฝ่าบาทเองก็อยากดึงข้าเข้าร่วมวังสวรรค์มิใช่หรือ”

จักรพรรดิสวรรค์นิ่งเงียบ

เขาหันไปมองหานเจวี๋ย จนหานเจวี๋ยรู้สึกใจเต้นแรง

‘จักรพรรดิสวรรค์หวั่นไหวแล้วหรือ’

จักรพรรดิสวรรค์หันมายิ้มกล่าว “รอเขาอยากกราบเจ้าเป็นอาจารย์จริงๆ ข้าจะส่งเขาไปหาถึงที่เอง เจ้าเด็กนี่นิสัยระแวดระวัง ขี้ขลาดตาขาว เข้าร่วมวังสวรรค์ก็ทำให้เขาประหวั่นพรั่นพรึงแล้ว หากแบกรับสถานะผู้สืบทอดของนิกายเหรินอีก เกรงว่าไม่อาจฝึกบำเพ็ญอย่างสงบได้”

หลี่เต้าคงมองไปทางหานเจวี๋ย เขาส่ายหน้าและไม่พูดอะไรมากอีก

“หากคิดได้ในภายหลัง ก็มาหาข้าได้”

ทิ้งคำพูดนี้ไว้แล้ว หลี่เต้าคงก็จากไป

หานเจวี๋ยโล่งใจไปเปราะหนึ่ง

จักรพรรดิสวรรค์มีหน้ามีตาจริงๆ!

จักรพรรดิสวรรค์หันตัวมองมาทางหานเจวี๋ยและกล่าวหยอกล้อด้วยรอยยิ้ม “จิ๊ๆ เจ้าดันปฏิเสธหลี่เต้าคงเสียได้ คนผู้นี้จะต้องพิสูจน์ต้าหลัวในมหาเคราะห์นี้ได้แน่นอน การแซงหน้าข้าในวันข้างหน้าก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”

หานเจวี๋ยถามด้วยความประหลาดใจ “มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตอันตรายอย่างยิ่งมิใช่หรือ มีคนเอาชีวิตรอดจากมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตได้อย่างสมบูรณ์จริงๆ หรือ”

“ย่อมไม่สามารถข้ามได้อย่างสมบูรณ์ แต่ด้วยคุณสมบัติของหลี่เต้าคง เก้าในสิบส่วนยังคงมั่นใจได้”

‘มั่นใจแค่เก้าส่วนหรือ’

หานเจวี๋ยแอบอกสั่น ไม่สามารถเข้าร่วมเคราะห์ได้จริงๆ

ความมั่นใจเก้าส่วนกล่าวอีกนัยก็คือมีโอกาสตายได้มาก

หลี่เต้าคงหยิ่งผยองเช่นนี้ หากติดตามเขาย่อมโดนตีแน่นอน!

หานเจวี๋ยถาม “หลี่เต้าคงกับหลี่เสวียนเอ้าใครแข็งแกร่งกว่ากัน”

“ย่อมเป็นหลี่เต้าคง หลี่เต้าคงมีพลังแท้จริงที่พอจะเทียบกับต้าหลัวได้แล้ว หลี่เสวียนเอ้าก็แค่ไม่มีศัตรูในระดับเทพเท่านั้น” เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิสวรรค์ยกย่องหลี่เต้าคงมาก

หานเจวี๋ยรู้สึกยุ่งยากเข้าแล้ว

ความหวังในการหาตัวหลี่เสวียนเอ้าเพื่อแก้แค้นให้สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นนั้นเลือนราง

ต่อให้จะสาปแช่งหลี่เสวียนเอ้า คาดว่าก็ไม่อาจสาปแช่งให้ตายได้

จักรพรรดิสวรรค์ถาม “ตอนนี้เจ้าอาศัยอยู่ในยมโลกหรือ ระวังหน่อย ช่วงนี้แดนเซียนเลื่องลือกันอย่างกว้างขวางว่าผู้ฝ่าเคราะห์อยู่ในยมโลก อาจจะฝ่าสังหารออกจากยมโลกและขึ้นสวรรค์ทีละขั้น”

หานเจวี๋ยได้ยินก็อดตื่นตระหนกตกใจไม่ได้

‘อยู่ในยมโลก? เห็นท่าจะไม่ดี’

หานเจวี๋ยพูด “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่เตือน กระหม่อมจะระวังตัว”

เขาหันไปถามอีก “เฮ่าเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง”

หลงเฮ่าจากไปหลายสิบปีแล้ว ไม่มีข่าวคราว ในจดหมายแจ้งเตือนก็ไม่เห็นสถานะของเขา

จักรพรรดิสวรรค์ยิ้มกล่าว “คุณสมบัติของเขาไม่เลว ขอบใจเจ้าที่บ่มเพาะ ไม่ต้องกังวลไป ดีเลวอย่างไรเขาก็เป็นโอรสของข้า ไหนเลยข้าจะทำร้ายเขา”

หานเจวี๋ยพยักหน้า

ทั้งสองไม่พูดจาเป็นพิธีรีตองนานนัก ไม่นานต่างก็แยกย้ายกันไป

หานเจวี๋ยกลับไปหาหลิวเป้ยที่แม่น้ำมรรคกระบี่ก่อน

“เจ้าอ่อนแอเกินไป กลับไปกับข้าสักคราแล้วกัน” หานเจวี๋ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม

เขาสะบัดแขนเสื้อดูดหลิวเป้ยเข้าไปในด้านใน จากนั้นกระโจนออกจากแม่น้ำมรรคกระบี่และมุ่งหน้าไปยมโลก

……

แดนเซียน เกาะเซียนแห่งหนึ่งที่อยู่โพ้นทะเล

หวงจุนเทียนคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่บนชายหาดราวกับกำลังรอรับใคร

แสงสว่างลำหนึ่งพุ่งมาจากขอบฟ้า ก่อนจะกลายเป็นกระเรียนขาวตัวหนึ่ง ปีกสยายสิบจั้ง เกิดแสงหลากสีสันต์ระหว่างที่กระพือปีกทั้งคู่

กระเรียนขาวหยุดลงตรงหน้าหวงจุนเทียนและถามว่า “เจ้ามีเรื่องใดจะรายงานหรือ”

หวงจุนเทียนกล่าวน้ำเสียงหนักอึ้ง “ศิษย์ค้นพบว่าท่านเจ้าเกาะสมคบคิดกับนิกายฉ่าน”

กระเรียนขาวหรี่ตากล่าว “มีหลักฐานอะไร”

หวงจุนเทียนตอบ “ศิษย์ค้นพบของยืนยันการไปมาหาสู่กันในถ้ำเทวาของท่านเจ้าเกาะ”

“เจ้าเป็นแค่ศิษย์ แอบบุกเข้าถ้ำเทวาของเจ้าเกาะ ควรรับโทษเช่นใด”

น้ำเสียงของกระเรียนขาวดูไม่ดีขึ้นมาทันที และระเบิดพลังน่ากลัวออกมา

หวงจุนเทียนไม่ลนลานแม้แต่น้อย และกล่าวขึ้นมา “นิกายเจี๋ยเคยเสียเปรียบในมหาเคราะห์ ขณะนี้มหาเคราะห์เพิ่งเริ่ม ท่านเจ้าเกาะก็พาบรรดาศิษย์ไปเผยแพร่เต๋า ดูเหมือนจะทำเพื่อนิกานเจี๋ย ความจริงกลับแฝงเจตนาร้าย ศิษย์กราบเข้าร่วมนิกายเจี๋ย ความมุ่งหวังคือความสงบของนิกายเจี๋ยในขณะนั้น ท่านเจ้าเกาะมักจะกล่าวคำพูดฮึกเหิม อยากนำพาพวกเราเข้าสู่โลกแห่งการช่วงชิง ดังนั้นข้าจึงสงสัยเขา”

หวงจุนเทียนเคยตรวจสอบมาแล้ว นิกายเจี๋ยไม่ได้ออกคำสั่งว่าจะเข้าสู่โลกีย์วิสัยจริงๆ เพียงแค่เกาะเซียนจำนวนหนึ่งอยากจะสร้างผลงานเท่านั้น

เจ้านิกายเจี๋ยปิดด่านมาไม่รู้ตั้งกี่ปี ไม่ได้ควบคุมเกาะเซียนแต่ละแห่งเข้มงวดขนาดนั้น

นี่ก็เป็นสาเหตุที่หวงจุนเทียนกล้าเสี่ยงอันตราย

ส่วนหลักฐาน ไหนเลยเจ้าเกาะจะทิ้งไว้ สิ่งที่หวงจุนเทียนต้องการคือฝังเมล็ดพันธุ์ภายในจิตใจของผู้ทรงพลังในนิกายเจี๋ย

กระเรียนขาวหรี่ตาถาม “เจ้าคิดว่านิกายเจี๋ยไม่ควรช่วงชิงดวงชะตาหรือ”

หวงจุนเทียนกล่าว “ไม่ใช่ว่าไม่ควร เพียงแค่ยังไม่ถึงเวลา ศิษย์นิกายเจี๋ยควรฟังคำสั่งเจ้านิกาย ไม่ใช่ฟังคำสั่งเจ้าเกาะต่างๆ และปล่อยให้กระทำผิดอย่างกำเริบเสิบสาน”

กระเรียนขาวไม่ได้ถามอีก มันจมดิ่งอยู่ในภวังค์ความคิด

หวงจุนเทียนยังคงคุกเข่ารอฟังคำพูด

กระเรียนขาวอ้าปากพ่นธนูวารีดอกหนึ่งออกมาฉับพลัน มันแทงทะลุหน้าผากหวงจุนเทียนจนกระเด็นออกไปด้านหลัง

……

ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

อู้เต้าเจี้ยนมองดูพุทธะพิชิตชัยที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงมุมด้วยความประหลาดใจ

พูดให้ถูกต้องก็คือหลิวเป้ย

หานเจวี๋ยย้ายวิญญาณร่างแยกวัฏจักรของหลิวเป้ยมาไว้ในร่างของพุทธะพิชิตชัย เนื่องจากกายเนื้อของพุทธะพิชิตชัยแข็งแกร่งเกินไป หลิวเป้ยไม่อาจควบคุมกายเนื้อจักรพรรดิเซียนนี้ในระยะเวลาสั้นๆ ได้

ในขณะนั้น หลิ่วเป้ยยังทนทรมานอยู่

หานเจวี๋ยก็ฝึกบำเพ็ญอยู่ เมื่อหลิวเป้ยเกือบจะทนไม่ไหว เขาจะลงมือใช้พลังเวทของตนเองบำรุงหลิวเป้ย

“เจ้ายังไหวหรือไม่” อู้เต้าเจี้ยนอดถามไม่ได้

หลิวเป้ยกัดฟันกล่าว “พอฝืนได้ ร่างจักรพรรดิเซียนแข็งแกร่งจริงๆ แว้งกัดข้าอยู่ตลอด”

ในระหว่างที่อยู่ในแม่น้ำมรรคกระบี่ เขาเจอการถูกคุกคามมาไม่น้อย ดังนั้นจึงกระหายในพลังอยู่ตลอด ครั้งนี้แม้จะทุกข์ทรมาน แต่ในใจเขารู้สึกคาดหวังรอคอยมากกว่า

การแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย

[บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์เกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4 ดาว]

……………………………………….