ตอนที่ 295 ผู้ใดบอกว่าสตรีสู้บุรุษไม่ได้

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 295 ผู้ใดบอกว่าสตรีสู้บุรุษไม่ได้

ทว่ากองโจรมีจำนวนมากเกินไป ท้ายที่สุดก็ยังปล่อยให้พวกมันบุกเข้ามาถึงหน้าปากทางเข้าหุบเขาได้ หลีชิงจึงชักกระบี่แล้วเริ่มสังการโจรที่พุ่งเข้ามา คนแรก คนที่สอง คนที่สาม…

พรานหวัง วังต้าจู้ วังเอ้อร์จู้และอีกสองสามคนก็ยกมีดสำหรับถางป่าหรือไม้ง่ามสำหรับล่าสัตว์เข้าร่วมด้วย ส่วนกองทหารชาวบ้านทั้งสองฝั่งยอดเขาก็ยกโล่เถาวัลย์ของตนขึ้นเพื่อช่วยป้องกันการโจมตีจากศัตรู !

พอมองสถานการณ์ในหุบเขาแล้ว กุนซือก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตายกับชาวบ้านกลุ่มนี้อีกต่อไป มันจึงกล่าวขึ้นว่า “ท่านแม่ทัพ อีกฝ่ายมียอดฝีมือผู้หนึ่ง พื้นที่ตรงนี้ตั้งรับง่ายแต่บุกยาก ฟ้าใกล้สว่างแล้ว เราจะอยู่ฉือหลี่โกวนานไม่ได้ขอรับ ! ”

แม่ทัพกบฏรีบผลักมันไปอีกทาง จากนั้นก็ชี้ศพที่นอนเกลื่อนพื้น “หรือจะให้พี่น้องของเราต้องตายเปล่า ? ข้าจะทำให้พวกชาวบ้านที่สมควรตายเหล่านี้ได้ตายตามพี่น้องเราไป ! ”

กุนซือนึกตำหนิในใจ ‘ถ้าตอนแรกเจ้าฟังข้า เราจะสูญเสียพี่น้องมากมายเพียงนี้หรือ ? สถานการณ์ในตอนนี้ก็ไม่ใช่เพราะความดื้อรั้นและอยากวางอำนาจของเจ้าหรอกหรือ ? ’

กุนซือยังเกลี้ยกล่อมต่อ ทว่าดวงตาของแม่ทัพกบฏมืดบอดด้วยไฟโทสะจึงไม่สนใจเสียงทักท้วงอันใดทั้งสิ้น มันมีเพียงความคิดที่จะกำจัดชาวบ้านในหุบเขาและหั่นศพเป็นพัน ๆ ชิ้นเท่านั้น !

เวลานี้หลินเว่ยเว่ยนำทางแม่ทัพกัวและทหารกว่าสองพันนาย จากนั้นแบ่งเป็นสองเส้นทาง เส้นทางแรกคือขึ้นเขากับนาง ส่วนอีกทางคือบุกทะลวงเข้าหมู่บ้าน แม่ทัพกบฏคิดว่าชาวฉือหลี่โกวเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดากลุ่มเล็กจำนวนร้อยกว่าคนเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่อันใดจึงนำทหารกบฏตามมาไม่ถึง 500 นาย กำลังกบฏเกินครึ่งจึงขึ้นไปยังหุบเขา ดังนั้นในหมู่บ้านจึงมีกบฏอยู่ไม่ถึง 200 นาย ด้วยกำลังรบที่ต้านทานไม่ไหว พวกมันจึงถูกทหารรักษาการณ์ปราบปรามจนสิ้น

หลินเว่ยเว่ยวิ่งเหมือนเหาะ นางรีบพาทหารพันกว่านายไปยังป่าสนแดงโดยใช้ทางลัด แม่ทัพกัวและนายทหารใต้บัญชาต้องรีบตามสุดกำลังถึงจะตามนางทัน…เด็กสาวคนนี้ไม่เพียงแรงเยอะ ยังวิ่งเร็วมากด้วย ! ถือเป็นต้นกล้าที่ดีอีกต้น ! น่าเสียดายที่เกิดเป็นสตรี !

เมื่อลองหันไปมองบัณฑิตท่าทางอ่อนแอคนนั้น…หืม ? บัณฑิตเจียงคนนี้ดูอ่อนแอผอมแห้ง ทว่ามีกำลังกายและความอดทนไม่ธรรมดา ! ไม่แพ้ทหารใต้บังคับบัญชาแม้แต่น้อย !

“บัณฑิตเจียงมีความคิดจะทิ้งบุ๋นมาจับทางบู๊บ้างหรือไม่ ? ” แม่ทัพกัวปาดเหงื่อบนหน้าผากแล้วหันไปถามชายหนุ่ม

แต่หลินเว่ยเว่ยชิงตอบก่อนเจียงโม่หาน “แม่ทัพกัว ในอนาคตบัณฑิตเจียงของพวกเราจะสอบจอหงวน ท่านอย่าเอาความคิดไม่ดีมายัดใส่หัวเขา ! ”

แม่ทัพกัวเรียนรู้ตำราต่าง ๆ ไม่ค่อยเข้าหัวจึงหันหน้าเข้ากองทัพ เขาจึงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “พวกเจ้าต้องคิดให้ดี ! ตอนนี้เขาเป็นเพียงบัณฑิตถงเซิง ต่อไปยังมีซิ่วไฉ จู่เหริน จิ้นซื่อ…มีคนจำนวนมากที่ต้องติดอยู่ในระดับต้น แม้หนวดเคราจะขาวแล้วก็ยังเป็นแค่บัณฑิตถงเซิง ถ้าเจ้าติดตามข้าก็ไม่เหมือนกันหรอก สมองของเจ้าดี ตำแหน่งก็ต้องเลื่อนไวแน่นอน ไม่แน่ว่าหลังจากสู้รบสักสองสามสนามแล้ว เจ้าก็อาจได้เลื่อนเป็นรองแม่ทัพขั้นหก ! จอหงวนที่เจ้าเหนื่อยแทบเป็นแทบตายก็เป็นเพียงอาจารย์สอนหนังสือระดับหกเท่านั้น เจ้าว่าใช่หรือไม่ ? ”

หลินเว่ยเว่ยยังคงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “มือทั้งสองข้างของบัณฑิตเจียงบ้านเราจับแค่พู่กัน ด้ามดาบไม่เหมาะกับเขาหรอก ข้าขอขอบคุณความหวังดีของท่านแม่ทัพแทนเขาด้วย ! ”

แม่ทัพกัวมองนางด้วยความรู้สึกเสียดาย “ที่จริงคนที่ข้าเล็งไว้คือเจ้า ! ถ้าเจ้าเป็นเด็กหนุ่มก็คงดีไม่น้อย ! ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า…ฮัวมู่หลานก็เป็นสตรี นางยังออกศึกแทนบิดาได้เลย ข้าได้ยินว่าตอนที่หมินหวางเฟยทรงเยาว์วัยก็เคยนำทัพออกศึก เป็นสตรีแล้วมีปัญหาอย่างไร ? ผู้ใดบอกว่าสตรีสู้บุรุษไม่ได้ ? ให้เขามางัดข้อชนะข้าแล้วค่อยพูด ! ” เท้าของหลินเว่ยเว่ยไม่เคยหยุดและบทสนทนาดูจะไม่ส่งผลต่อความเร็วของนางแม้แต่น้อย

นายทหารหนุ่มข้างกายแม่ทัพกัวก็มองนางอย่างไม่สบอารมณ์ “รอให้กำจัดกบฏหมดก่อน ข้าจะลองงัดข้อกับเจ้า ! ”

แม่ทัพกัวรีบตบหลังศีรษะเขาทันที “เจ้าน่ะหรือ ? แรงของหลินกู่เหนียงอาจเทียบได้กับมนุษย์โอสถแล้ว เจ้ายังคิดจะงัดข้อกับนางอีกหรือ ? อย่าหาเรื่องให้ตนเองอับอายดีกว่า ! อีกอย่างคือแม้เจ้างัดข้อชนะเด็กผู้หญิงคนหนึ่งแล้วจะมีประโยชน์อันใด ? ”

หลินเว่ยเว่ยเห็นกองทัพด้านหลังมีความเร็วตกลงเรื่อย ๆ คนที่หัวใจลุกเป็นไฟอย่างนางจึงพูดกับเจียงโม่หานว่า “ข้าไปก่อน เจ้าพาพวกเขาตามมา ! ”

“เห็นหรือไม่ นางรังเกียจที่เจ้าวิ่งช้าเข้าแล้ว ! ” ขณะมองแผ่นหลังของหลินเว่ยเว่ย แม่ทัพกัวก็แกล้งหยอกเย้าลูกน้อง

เดินทางบนเขามาเกือบหนึ่งชั่วยาม ขาของนายทหารหนุ่มก็เริ่มปวด ขณะมองตามแผ่นหลังที่หายไปราวกับบินได้ของหลินเว่ยเว่ย เขาก็ยอมแพ้ด้วยใจจริง ยอมจำนนต่อนางแล้ว !

ตอนที่หลินเว่ยเว่ยมาถึงทางเข้าหุบเขา ทั่วตัวของหลีชิงก็เต็มไปด้วยบาดแผล พรานหวังกับพวกวังต้าจู้ก็มีบาดแผลเช่นกัน นางยังเห็นว่าพวกเขาจะป้องกันปากทางเข้าหุบเขาไว้ไม่ไหวแล้ว !

“หยุดเดี๋ยวนี้ ! พวกกบฏราชวงศ์ก่อน พวกเจ้าโดนทหารรักษาการณ์เมืองจงโจวปิดล้อมไว้หมดแล้ว รีบยอมจำนนเดี๋ยวนี้ ! ” หลินเว่ยเว่ยตะโกนเสียงดังลั่น ขณะเดียวกันก็ถือกระบองเหล็กเข้าหากลุ่มโจรกบฏ

แม่ทัพกบฏคาดไม่ถึงว่าด้านหลังจะมีคนอื่นตามมา มันจึงรีบหันไปมอง แต่แล้วก็เห็นเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง มันจึงตะโกนดุพวกลูกน้องที่กำลังแตกตื่นว่า “แตกตื่นอันใดกัน ? ทหารรักษาการณ์อันใดเล่า ? แค่เด็กคนหนึ่งก็ทำให้พวกเจ้าตกใจจนเป็นแบบนี้แล้ว ยังจะติดตามเจ้านายเพื่อทำการใหญ่ได้หรือ ? ”

ทันใดนั้นแม่ทัพกบฏก็โบกมือส่งสัญญาณแด่พลธนู “ยิง ! ”

หลีชิงแทบจะพุ่งตัวออกมาจากหน้าหุบเขา ดวงตาเต็มไปด้วยความดุร้าย “เสี่ยวเว่ย ระวังลูกธนู ! ”

หลินเว่ยเว่ยรีบกวัดแกว่งกระบองเหล็กในมือ ลูกธนูที่พุ่งเข้ามาถูกกระแทกออกไปโดยไร้ข้อยกเว้น แค่ชั่วอึดใจเดียวนางก็พุ่งเข้ามาในกลุ่มโจร วิชากระบองที่หลีชิงสอนมารวมกับพละกำลังของนางทำให้ดูน่าเกรงขามมาก ไปว่าจะไปทางใดพวกโจรก็กระเด็นออกเป็นแถบ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต

แม่ทัพกบฏคาดไม่ถึงว่าเด็กสาวรูปร่างผอมบางคนหนึ่งจะเป็นเครื่องจักรสังหาร แค่ชั่วอึดใจก็ทำให้ลูกน้องหลายสิบนายลงไปนอนร้องโอดครวญอยู่บนพื้น ง้าวในมือของมันสั่นรัว จากนั้นมันก็รีบพุ่งเข้าใส่หลินเว่ยเว่ยทันที ท่าทางดุดันคือหมายเอาชีวิตนางในคราเดียว

น่าเสียดายที่หลินเว่ยเว่ยไม่มีทางยืนเฉยให้มันฟัน เมื่อเห็นง้าวฟาดลงมา หลินเว่ยเว่ยก็รีบใช้กระบองเหล็กในมือต้านเอาไว้ แม้จะเป็นเวลากลางวันก็ยังเห็นประกายไฟได้อย่างชัดเจน

แม่ทัพกบฏรู้สึกเจ็บฝ่ามือและอาวุธแทบหลุดออกจากมือ เมื่อเซถอยไปสองสามก้าวแล้ว มันก็ใช้ด้ามง้าวยันพื้นไว้ เมื่อยืนได้มั่นคงแล้วมันก็ถามด้วยความประหลาดใจ “เจ้าเป็นใคร ? คิดจะเป็นศัตรูกับแม่ทัพอย่างข้าหรือ ? ”

“แม่ทัพ ? เจ้ามีราชโองการจากฮ่องเต้องค์ปัจจุบันหรือไม่ ? ทหารที่เจ้านำมาเป็นทหารของราชสำนักหรือเปล่า ? เผาทำลาย บุกปล้นและฆ่าโดยใช้หน้ากากของคำว่ากอบกู้ราชวงศ์มากระทำเรื่องชั่วช้า เจ้ายังกล้าเรียกตนว่าเป็นแม่ทัพอีกหรือ ? ” ฝีปากของหลินเว่ยเว่ยไม่เคยทำให้ผิดหวัง “ข้าเป็นเพียงเด็กสาวชาวบ้านของหมู่บ้านฉือหลี่โกว แม้แต่ข้าผู้นี้ เจ้ายังเอาชนะไม่ได้ แล้วยังคิดจะเอาชนะทหารผู้องอาจของต้าเซี่ยอีกหรือ ? ”

“เป็นศัตรูกับเจ้า ? เฮอะ ตอนที่เจ้าพาสุนัขรับใช้เหล่านี้มาเหยียบแผ่นดินฉือหลี่โกวก็ถือเป็นศัตรูของเราแล้ว ! ผู้ที่ทำผิดต่อผืนน้ำและขุนเขาของข้า ไม่ว่าอยู่ไกลเพียงใดก็ต้องโดนประหาร ! ” ถ้อยคำของหลินเว่ยเว่ยเปี่ยมไปด้วยพลัง !

“ ‘ผู้ที่ทำผิดต่อผืนน้ำและขุนเขาของข้า ไม่ว่าอยู่ไกลเพียงใดก็ต้องโดนประหาร ! ’ พูดได้ดี” ทันใดนั้นร่างของแม่ทัพกัวก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นจากผืนป่าและทหารพันกว่านายด้านหลังก็โอบล้อมพวกกบฏเอาไว้แล้ว