ตอนที่ 222 เขาต้องการพบกับนาง

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 222 เขาต้องการพบกับนาง
ตอนที่ 222 เขาต้องการพบกับนาง

เสียงเสียดสีกันดังขึ้น อวี้ชิงลั่วหยิบถุงยาแล้วรีบเก็บลงไป

หญิงสาวเหลือบมองไท่จื่อเฟยและเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ข้าจะกลับมาทีหลัง” เอ่ยเสร็จก็ยื่นมือไปหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ให้อีกฝ่ายก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป

เมื่อเดินออกจากม่านไข่มุก นางก็ตกตะลึงเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยขึ้น “แล้วปีศาจตัวน้อยทั้งสองล่ะ?”

เย่ซิวตู้ชี้ไปบนคาน อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้น ก็พบกับหนานหนานและเย่หลานเฉิงฟุบตัวอยู่บนนั้นอย่างเชื่อฟัง

ในท้ายที่สุดเย่หลานเฉิงก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ทั้งสองมือของเด็กน้อยจับเสาเอาไว้เพราะกลัวว่าตนจะตกลงมา แต่หนานหนานกลับชำนาญพอที่จะตีลังกาอยู่บนนั้นได้ จึงส่ายหน้าเบา ๆ แล้วทำหน้าทำตาประหลาดกับนาง

มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก และเสียงฝีเท้าที่อยู่นอกประตูก็ดังเข้ามาในหูของนาง นางตกตะลึงก่อนจะถูกเย่ซิวตู๋คว้ามือเอาไว้ ไม่นานนักก็หลบฉากเข้าไปอยู่หลังฉากกั้นห้อง

แต่ว่า พื้นที่ว่างด้านหลังฉากกั้นห้องนั้น…มันช่างแออัดเสียจริง

และไม่รู้ว่าเดิมทีนั้นเป็นเช่นนี้หรือไม่ หรือว่าฉากกั้นห้องนี้จะถูกย้ายในภายหลัง ทั้งสองนั้นยืนเบียดเสียดกันอยู่ด้านหลัง โดยเฉพาะร่างกายที่ชิดติดกันก็แนบชิดเอาเสียมาก ๆ

สีหน้าของอวี้ชิงลั่วนั้นมืดครึ้มชั่วขณะ หญิงสาวคิดอยากที่จะเดินออกไปโดยที่ไม่คิดอะไร

แอ๊ด

เสียงเปิดประตูดังขึ้น มีใครบางคนผลักประตูห้องเข้ามา

สีหน้าของอวี้ชิงลั่วพลันสิ้นหวัง ขาขวาที่เกือบจะก้าวออกไปจากฉากกั้นก็เกือบจะทำให้ได้รับอันตราย หญิงสาวเม้มริมฝีปากและคอยฟังความเคลื่อนไหวจากภายนอก

เย่ซิวตู๋กระตุกมุมปากกลั้วหัวเราะเบาๆ เขาขยับมือจากด้านหลังหญิงสาวและค่อย ๆ โอบเอวเพรียวบางของนาง จากนั้นก็ค่อย ๆ ดึงนางกลับมาในอ้อมแขนของตน

“เย่ซิวตู๋ ท่านจะทำอะไร…”

“ชู่ว” เย่ซิวตู๋ส่งเสียงเบา ๆ เตือนหญิงสาว แขนทั้งสองกอดนางเอาไว้แน่นขึ้น ปลายจมูกยังคงได้กลิ่นหอมจากกายนาง

อวี้ชิงลั่วต้องการที่จะเป็นอิสระ แต่ถ้าเคลื่อนไหวมากจะก็ทำให้ดึงดูดความสนใจจากคนภายนอก ถ้าเวลานั้นเปิดเผยตัวตนออกไป ก็จะทำให้เป็นภัยต่อไท่จื่อเฟย คนที่จะทุกข์มากที่สุดก็คงจะเป็นเย่หลานเฉิงใช่หรือไม่?

เมื่อนึกถึงท่าทางที่น่าเห็นเห็นใจของเย่หลางเฉิง อวี้ชิงลั่วจึงทำได้แค่เพียงกลืนคำพูดของตนลงไป และกลับมาจ้องมองเย่ซิวตู๋อย่างโกรธเคืองขณะเงียบเสียงลง

เย่ซิวตู๋ลำพองใจขึ้นมาเล็กน้อย ชายหนุ่มคิดไว้แล้วว่านางจะต้องประนีประนอม

เสียงฝีเท้าที่ดังมาจากข้างนอกฉากกั้นก็ค่อย ๆ หยุดลง หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยน้ำเสียงที่อวี้ชิงลั่วคุ้นเคยเป็นอย่างมาก “ไท่จื่อเฟย ครั้งนี้เจ้าโมโหเรื่องอะไรอีก? ถึงได้ส่งเสียงดังอึกทึกครึกโครม ดูสิยังทำแจกันดอกไม้แตกอีก จะทำเช่นไรดีล่ะ? ต่อให้เจ้าจะส่งเสียงดังเช่นไรก็ไม่มีทางที่ใครจะมาที่นี่ เหตุใดจึงต้องทำให้ตัวเองเสียใจเล่า?”

เป็นจ้าวผิง

อวี้ชิงลั่วเม้มปาก เป็นอย่างที่ไท่จื่อเฟยเอ่ยไว้ไม่มีผิด จ้าวผิงมาที่นี่อยู่บ่อย ๆ เพื่อมาอวดเบ่งอำนาจ ดูเหมือนว่าจะเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้รู้สึกประสบผลสำเร็จ

ลมหายใจของไท่จื่อเฟยในตอนแรกนั้นอ่อนแรงเป็นอย่างมาก ในตอนที่สนทนากับอวี้ชิงลั่วนั้นเห็นได้ชัดว่านางต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวด ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เย่หลานเฉิงเองก็อยู่ในห้องด้วยเช่นกัน เป็นเพราะทำเพื่อหลานเฉิง นางจึงไม่ได้โมโหอะไรเพราะไม่ต้องการให้เด็กน้อยเป็นกังวล

อย่างไรก็ตามจ้าวผิงผู้นี้แค่เพียงมาพูดจาอวดดีเท่านั้น รอให้นางพอใจแล้วนางก็จะจากไป

เช่นนี้ ไท่จื่อเฟยจึงจ้องมองไปที่นางก่อนจะหลับตาลงไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ทำเหมือนกับอีกฝ่ายไม่มีตัวตนอย่างไรอย่างนั้น

แต่จ้าวผิงกลับไม่ได้เอ่ยอะไรเพื่อเป็นการยั่วโมโหและทำร้ายนางก่อนที่จะจากไปเหมือนครั้งก่อน ๆ คาดไม่ถึงว่านางเพียงแค่ขยับเก้าอี้นั่งข้าง ๆ ขอบเตียงของไท่จื่อเฟยก่อนที่จะมองดูนิ้วเรียวของตนเอง หญิงสาวยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ไท่จื่อเฟย เจ้ารู้หรือไม่ว่าวันนี้องค์รัชทายาทไปที่ใดมาบ้าง?”

ไท่จื่อเฟยยังคงหลับตาไม่ได้สนใจนาง

“วันนี้องค์รัชทายาทไปภัตตาคารเยว่หมิง และได้สร้างความดีความชอบไว้”

ความดีความชอบหรือ? อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว นางผู้นี้คงไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นของเวยเยวี่ยนโหวหรอกนะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับองค์รัชทายาทกัน เดิมทีแล้วเป็นเย่ซิวตู๋ที่มอบโชคชั้นใหญ่นั่นให้เขาต่างหาก

อวี้ชิงลั่วถอนหายใจ หญิงสาวค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามองเย่ซิวตู๋แล้วเอ่ยปากกล่าวกับชายหนุ่ม “ถ้ารู้ว่าองค์รัชทายาทจะน่าสะอิดสะเอียนเช่นนี้ ท่านก็คงจะจัดการเขาอย่างตรงไปตรงมาแล้ว”

เย่ซิวตู๋ค่อย ๆ ก้มตัวลงมองดูริมฝีปากอวบอิ่มของนางจนไม่ได้สนใจในสิ่งที่นางพูด เมื่อก้มหน้าลงชายหนุ่มก็ประกบจุมพิตลงไปเสร็จสรรพ

ม่านตาของอวี้ชิงลั่วหดลงอย่างรวดเร็ว สารเลวสิ้นดี นางคาดเดาไว้แล้วว่าคนสองคนอยู่ใกล้ชิดกันเช่นนี้จะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น…

“อื้อ เย่ เย่ซิวตู๋…อื้อ…” อวี้ชิงลั่วผลักเขาไปสองครั้ง แต่ก็ผลักไม่ออก และเผลอส่งเสียงออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

จ้าวผิงตกใจพร้อมกับขมวดคิ้ว “เสียงอะไรน่ะ?”

ไท่จื่อเฟยใจเต้นแรง หลังจากนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “เรื่องใหญ่หรือ? เรื่องใหญ่อะไร?”

จ้าวผิงเห็นว่าในที่สุดอีกฝ่ายก็อดที่จะพูดออกมาไม่ได้ จึงได้เยาะเย้ยขึ้นมาทันที นางเบนความสนใจอย่างรวดเร็ว และเอ่ยขึ้นอย่างลำพองใจ “เมื่อครู่องครักษ์ที่ออกไปกับองค์รัชทายาทได้กลับมาก่อน แล้วทูลฮ่องเต้ว่ารัชทายาทได้จัดการเรื่องของเวยเยวี่ยนโหวเสร็จสิ้นแล้ว นั่นเป็นการสร้างความดีความชอบอันยิ่งใหญ่ต่อหน้าพระพักตร์เลยเชียว ฮ่องเต้ทรงต้องเล็งเห็นถึงความสำคัญของฝ่าบาทเป็นอันมากแน่ และฝ่าบาทเองก็จะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว หลังจากนี้ทั้งตำหนักขององค์รัชทายาทก็จะมีผู้คนล้นหลาม ส่วนผู้คนที่เคยเหยียบย่ำพระองค์ต่างก็จะต้องมาขอโทษและส่งของกำนัลให้อย่างไรเล่า”

ไท่จื่อเฟยตกใจ องค์รัชทายาทจัดการเรื่องเวยเยวี่ยนโหวหรือ? ด้วยอำนาจของไท่จื่อแล้ว จะต่อกรกับเวยเยวี่ยนโหวได้เช่นไร การที่เขาเข้าไปจัดการเรื่องเวยเยวี่ยนโหวไม่ใช่การรนหาที่ตายหรอกหรือ?

ท้ายที่สุดแล้วองค์รัชทายาทคิดอะไร เหตุใดจึงเอาตนเองลงไปในน้ำโคลนเช่นนี้?

“ไท่จื่อเฟย วันข้างหน้าองค์รัชทายาทจะมีความสุข แต่น่าเสียดายที่เจ้าจะไม่มีความสุข ร่างกายเช่นนี้ ผิวหนังเช่นนี้ โถ ๆๆ ดูเจ้าสิท่าทางดุร้ายเช่นนี้จะมาเป็นมารดาของแผ่นดินได้เช่นไร แจกันนี้ก็คงจะมีราคาไม่น้อย”

ไท่จื่อเฟยหลับตาลง ไม่ใคร่เสวนากับอีกฝ่ายจริง ๆ สิ่งที่นางกังวลนั้นก็คือ หากองค์รัชทายาทยังไม่เอาไหนเช่นนี้ต่อไป ไท่จื่อเฟยเองก็ต้องประสบกับความหายนะ และหลานเฉิงซึ่งแต่เดิมก็ได้รับความสนใจจากฝ่าบาทมาไม่ง่ายอยู่แล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะต้องกลับไปมีชีวิตที่ขมขื่นอีก

อวี้ชิงลั่วยิ้มเย็นชา เรื่องนี้มีอะไรน่าโอ้อวดกัน? องค์รัชทายาทจัดการเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าจะเป็นพรหรือคำสาป

เย่ซิวตู๋โยนเผือกร้อนออกไป แต่องค์รัชทายาทกลับยินดีที่จะรับไว้ เผือกร้อนนี้จะทำให้องค์รัชทายาทมีศัตรูมากมายต่างหาก

อวี้ชิงลั่วมุ่ยปากและหดคอเข้ามา ตัวนางนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนที่มันจะตึงเครียดขึ้นมาใหม่ “เย่ซิวตู๋ ท่านทำอะไร?”

“หืม อะไร?” เย่ซิวตู๋ยิ้มออกมาก่อนกัดติ่งหูหญิงสาวเบา ๆ เขาชอบความสนิทสนมในยามที่คนสองคนได้ใกล้ชิดเสียจริง ๆ

“ท่าน ท่านมันไร้ศีลธรรมนัก”

“การเป็นอ๋องนั้นมันไม่ง่ายจริง ๆ เป็นคนไร้ศีลธรรมบ้างจะไม่ได้เลยหรือ” เสียงของเย่ซิวตู๋เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เสียงมาพร้อมกับลมร้อน ๆ เป่ารดคออวี้ชิงลั่ว ลมหายใจนั้นทำเอาตัวนางอยากได้น้ำอุ่น ๆ มาชะล้างเหลือเกิน

เย่ซิวตู๋ยังไม่พอใจเล็กน้อย ชายหนุ่มเอื้อมมือไปคว้าเอวนางขณะปากงับเข้าไปที่หัวไหล่ “อวี้ชิงลั่ว พวกเราจะต้องแต่งงานกัน”

ให้ตายเถอะ เขาอยากจะสัมผัสนางเสียจริง

…………………………

สารจากผู้แปล

เป็นนังขนมผิงจริงๆ ด้วย รัชทายาทได้หน้าที่นี้แล้วต้องอวดขนาดนี้เลย? จะพากันเรือหายหมดน่ะสิไม่ว่า

ท่านอ๋องใจเย็น ๆ อย่าเพิ่งกินชิงลั่ว กลับตำหนักตัวเองก่อนแล้วค่อยทำนะ หรือว่าอยากเปลี่ยนบรรยากาศให้ตื่นเต้นเร้าใจกว่าเดิมกันแน่เนี่ย

ไหหม่า(海馬)